นายกฯ ยันหอชมเมืองไม่ใช่งบรัฐ ชี้ครม.เห็นประโยชน์เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ยันไม่ได้เอื้อประโยชน์ใครทั้งสิ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณี ครม.อนุมัติให้สร้างหอชมเมืองกรุงเทพฯ ว่า ไม่ได้เป็นการใช้งบประมาณของรัฐบาล เพราะสิ่งที่ทำเป็นโครงการที่เสนอขึ้นมา มีการจัดตั้งคณะกรรมการ รวมถึงมีการพิจารณามานานแล้ว ซึ่งรัฐบาลมองเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ในการเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ทำเป็นหอชมเมืองให้ประชาชนขึ้นไปชม โดยภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ชาติไทย และสถาบันฯ
"ไม่ใช่เรื่องธุรกิจ รัฐบาลเห็นว่าควรมีส่วนร่วมกับเขา เขามีส่วนร่วมกับเรา รัฐบาลไม่ต้องออกเงิน ก็หาที่ตรงนั้น จริงๆเป็นที่ต้องใช้ประโยชน์อยู่แล้ว ก็มีโยกสลับที่ไปจัดหาที่ใหม่ให้ เพื่อเอาที่ตรงนี้ทำให้เกิดประโยชน์ จะต้องดูแบบนี้ ดูว่ามันไม่ได้เอื้อประโยชน์ ถ้ามองแบบนี้มันก็เอื้อประโยชน์ทั้งหมด สร้างตรงนี้ ไปเอื้อตรงโน้น มองแบบนี้ก็ไม่ต้องเกิดอะไรขึ้นทั้งสิ้น" นายกฯกล่าว
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่มูลนิธิและภาคเอกชนรวมกันกว่า 50 องค์กร ได้เสนอตัวเข้ามาลงทุนในพื้นที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ตั้งแต่ปี 58 เพื่อสร้างหอชมเมืองและใช้เป็นต้นแบบเทิดพระเกียรติศาสตร์พระราชา ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งไม่ใช้เป็นโครงการที่รัฐใช้งบประมาณแผ่นดินไปลงทุนแต่อย่างใด เพียงแต่นำที่ราชพัสดุไปสนับสนุนให้เช่าราคาถูกเท่านั้น
ทั้งนี้ ที่ดินราชพัสดุผืนดังกล่าวมีขนาด 4 ไร่ 2 งาน 34 ตาราวา มีราคาประเมินที่ 198 ล้านบาท โดยเดิมเป็นที่ราชพัสดุของตำรวจน้ำเข้าออกได้ทางแม่น้ำเจ้าพระยาทางเดียว แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว เหลือเป็นเพียงอาคารตั้งเปล่าและมีคนเฝ้าพื้นที่ไว้ โดยไม่มีการบุกรุก ซึ่งหลังจากนี้กรมฯ จะจัดทำสัญญาและรายละเอียดตามขั้นตอนเพื่อส่งมอบพื้นที่ให้ทันภายในปีนี้ โดยคิดค่าเช่าที่ในราคาต่ำประมาณ 70 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี เพราะถือเป็นโครงการเชิงสังคมที่ไม่ได้หวังผลกำไรเชิงพาณิชย์
สำหรับมูลค่าการก่อสร้างโครงการขอยืนยันว่าอยู่ที่ 4,620 ล้านบาท ไม่ได้สูงถึง 7,600 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว ส่วนขั้นตอนการก่อสร้างเป็นหน้าที่ของเอกชนและมูลนิธิคัดเลือกผู้รับเหมาเข้ามาทำโครงการ ขณะที่กรมธนารักษ์จะคอยดูควบคุมแบบการก่อสร้างว่าทำได้ตามที่เอกชนเสนอหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณี ครม.อนุมัติให้สร้างหอชมเมืองกรุงเทพฯ ว่า ไม่ได้เป็นการใช้งบประมาณของรัฐบาล เพราะสิ่งที่ทำเป็นโครงการที่เสนอขึ้นมา มีการจัดตั้งคณะกรรมการ รวมถึงมีการพิจารณามานานแล้ว ซึ่งรัฐบาลมองเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ในการเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ทำเป็นหอชมเมืองให้ประชาชนขึ้นไปชม โดยภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ชาติไทย และสถาบันฯ
"ไม่ใช่เรื่องธุรกิจ รัฐบาลเห็นว่าควรมีส่วนร่วมกับเขา เขามีส่วนร่วมกับเรา รัฐบาลไม่ต้องออกเงิน ก็หาที่ตรงนั้น จริงๆเป็นที่ต้องใช้ประโยชน์อยู่แล้ว ก็มีโยกสลับที่ไปจัดหาที่ใหม่ให้ เพื่อเอาที่ตรงนี้ทำให้เกิดประโยชน์ จะต้องดูแบบนี้ ดูว่ามันไม่ได้เอื้อประโยชน์ ถ้ามองแบบนี้มันก็เอื้อประโยชน์ทั้งหมด สร้างตรงนี้ ไปเอื้อตรงโน้น มองแบบนี้ก็ไม่ต้องเกิดอะไรขึ้นทั้งสิ้น" นายกฯกล่าว
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่มูลนิธิและภาคเอกชนรวมกันกว่า 50 องค์กร ได้เสนอตัวเข้ามาลงทุนในพื้นที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ตั้งแต่ปี 58 เพื่อสร้างหอชมเมืองและใช้เป็นต้นแบบเทิดพระเกียรติศาสตร์พระราชา ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งไม่ใช้เป็นโครงการที่รัฐใช้งบประมาณแผ่นดินไปลงทุนแต่อย่างใด เพียงแต่นำที่ราชพัสดุไปสนับสนุนให้เช่าราคาถูกเท่านั้น
ทั้งนี้ ที่ดินราชพัสดุผืนดังกล่าวมีขนาด 4 ไร่ 2 งาน 34 ตาราวา มีราคาประเมินที่ 198 ล้านบาท โดยเดิมเป็นที่ราชพัสดุของตำรวจน้ำเข้าออกได้ทางแม่น้ำเจ้าพระยาทางเดียว แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว เหลือเป็นเพียงอาคารตั้งเปล่าและมีคนเฝ้าพื้นที่ไว้ โดยไม่มีการบุกรุก ซึ่งหลังจากนี้กรมฯ จะจัดทำสัญญาและรายละเอียดตามขั้นตอนเพื่อส่งมอบพื้นที่ให้ทันภายในปีนี้ โดยคิดค่าเช่าที่ในราคาต่ำประมาณ 70 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี เพราะถือเป็นโครงการเชิงสังคมที่ไม่ได้หวังผลกำไรเชิงพาณิชย์
สำหรับมูลค่าการก่อสร้างโครงการขอยืนยันว่าอยู่ที่ 4,620 ล้านบาท ไม่ได้สูงถึง 7,600 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว ส่วนขั้นตอนการก่อสร้างเป็นหน้าที่ของเอกชนและมูลนิธิคัดเลือกผู้รับเหมาเข้ามาทำโครงการ ขณะที่กรมธนารักษ์จะคอยดูควบคุมแบบการก่อสร้างว่าทำได้ตามที่เอกชนเสนอหรือไม่