"มาร์ค" งง "จักรทิพย์" ขู่ฟ้องหมิ่น "วิทยา" ทั้งที่นายกฯเพิ่งขอบคุณ แนะถามข้อมูลดูแล้วแก้ไข โบ้ยตัดสินใจย้าย "เทศา" เอง รับข่าวซื้อเก้าอี้หนาหูจริง ด้านโฆษก วิป สปท.ยันที่ประชุมมติหนุน "สังศิต" สู้คดี จี้รัฐบาลปฏิรูปตาม 4 แผน รองนายกฯ ยืนยันปฏิรูปตำรวจแล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่ รธน.กำหนด
วานนี้ (15 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ปฏิเสธการซื้อขายตำแหน่งตำรวจในนครบาล และเตรียมฟ้อง นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ฐานหมิ่นประมาท ทำให้ภาพลักษณ์ตำรวจเสียหายว่า ตนรู้สึกงง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งจะออกมาขอบคุณนายวิทยา ก็นึกว่าจะได้เดินต่อไปประสานข้อมูลกันด้วยความราบรื่น และจากการติดตามนายวิทยาให้สัมภาษณ์นั้นไม่เคยบอกว่ามีปัญหาในพื้นที่ไหน แต่ทาง ผบ.ตร.ตัดสินใจย้าย พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บังคับบัญชาภูธรภาค 8 และเรื่องนี้ไม่ควรจะเป็นเรื่องบุคคลหรือเป็นเรื่องขัดแย้งกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธาน กปปส. ตนอยากเห็นบ้านเมืองช่วยกันทำงานอย่างสร้างสรรค์จะดีกว่า
“ข่าวเรื่องการซื้อขายตำแหน่งนี้มันก็มีหนาหูจริง ถ้าเราสามารถสะสางเรื่องนี้ได้ก็ดี สมัยผมเป็นรัฐบาลเรื่องนี้ก็ถูกครหาเช่นกัน สุดท้ายเชิญท่าน พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร มาขอให้ช่วยแก้ปัญหา เราก็มาทำเรื่องของหลักเกณฑ์ เรื่องของระเบียบ วิธีการ และทำคู่มือว่าเวลาจะโยกย้าย แม้ปัญหามันไม่หมดไป แต่จะดีขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
อีกด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน เลขานุการและโฆษกกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สปท. เปิดเผยว่า ร.ท.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.ได้นำกรณีของนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิก สปท.ที่ถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาจากการอภิปรายทางวิชาการในหัวข้อ “ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร” เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2560 เข้าหารือกับที่ประชุม สปท.และมีมติในเบื้องต้น ว่า การอภิปรายของนายสังศิต มีเจตนาที่จะนำเสนอข้อมูลเชิงวิชาการเพื่อให้เกิดการปฏิรูปกิจการตำรวจซึ่งเป็นจุดยืนที่แสดงมาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อมีมุมมองที่แตกต่างออกไป จนเกิดการกล่าวโทษทางอาญาขึ้น จึงขอให้นายสังศิต ใช้สิทธิต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป เพราะ สปท.ไม่มีอำนาจที่จะช่วยเหลือ หรือใช้สิทธิอื่นใดต่อกระบวนการพิจารณาคดี สิ่งที่สปท.จะสนับสนุนนายสังศิตได้คือข้อมูลที่อยู่ในอำนาจของ สปท.และส่งกำลังใจให้
“การปฏิรูปตำรวจเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการปฏิรูปประเทศ ดังนั้นเราขอให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูปกิจการตำรวจโดยเร็วตามขั้นตอนในรัฐธรรมนูญและแผนการปฏิรูปที่ได้เสนอ ไปแล้ว 4 แผน คือ การปฏิรูประบบงานบริการประชาชนในการรับแจ้งความและสอบสวน การปฏิรูปการวางแนวทางมาตรฐานการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำตรวจ การปฏิรูปความเป็นอิสระในการบริหารงานบุคคลของตำรวจจากการแทรกแซงทางการเมือง และ การปฏิรูปการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกิจการตำรวจ”นายคำนูณ กล่าว
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการปฏิรูปตำรวจ เพื่อแก้ไขปัญหาการซื้อขายตำแหน่งว่า การดำเนินการต้องเป็นไปตามกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนด หรือภายในวันที่ 6 เม.ย.61 ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาอีก 10 เดือน โดยอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการเนื่องจากขณะนี้มีการสรรหาบุคคลที่เหมาะสมกับคุณสมบัติ และต้องรอการตอบรับของบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งด้วย
“กรรมการโดยตำแหน่ง 5 คนไม่ได้หาง่ายๆ ต้องมีคุณสมบัติครบ เต็มใจ สังคมยอมรับ และมีประสบการณ์ ซึ่ง
วานนี้ (15 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ปฏิเสธการซื้อขายตำแหน่งตำรวจในนครบาล และเตรียมฟ้อง นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ฐานหมิ่นประมาท ทำให้ภาพลักษณ์ตำรวจเสียหายว่า ตนรู้สึกงง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งจะออกมาขอบคุณนายวิทยา ก็นึกว่าจะได้เดินต่อไปประสานข้อมูลกันด้วยความราบรื่น และจากการติดตามนายวิทยาให้สัมภาษณ์นั้นไม่เคยบอกว่ามีปัญหาในพื้นที่ไหน แต่ทาง ผบ.ตร.ตัดสินใจย้าย พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บังคับบัญชาภูธรภาค 8 และเรื่องนี้ไม่ควรจะเป็นเรื่องบุคคลหรือเป็นเรื่องขัดแย้งกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธาน กปปส. ตนอยากเห็นบ้านเมืองช่วยกันทำงานอย่างสร้างสรรค์จะดีกว่า
“ข่าวเรื่องการซื้อขายตำแหน่งนี้มันก็มีหนาหูจริง ถ้าเราสามารถสะสางเรื่องนี้ได้ก็ดี สมัยผมเป็นรัฐบาลเรื่องนี้ก็ถูกครหาเช่นกัน สุดท้ายเชิญท่าน พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร มาขอให้ช่วยแก้ปัญหา เราก็มาทำเรื่องของหลักเกณฑ์ เรื่องของระเบียบ วิธีการ และทำคู่มือว่าเวลาจะโยกย้าย แม้ปัญหามันไม่หมดไป แต่จะดีขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
อีกด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน เลขานุการและโฆษกกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สปท. เปิดเผยว่า ร.ท.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.ได้นำกรณีของนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิก สปท.ที่ถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาจากการอภิปรายทางวิชาการในหัวข้อ “ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร” เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2560 เข้าหารือกับที่ประชุม สปท.และมีมติในเบื้องต้น ว่า การอภิปรายของนายสังศิต มีเจตนาที่จะนำเสนอข้อมูลเชิงวิชาการเพื่อให้เกิดการปฏิรูปกิจการตำรวจซึ่งเป็นจุดยืนที่แสดงมาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อมีมุมมองที่แตกต่างออกไป จนเกิดการกล่าวโทษทางอาญาขึ้น จึงขอให้นายสังศิต ใช้สิทธิต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป เพราะ สปท.ไม่มีอำนาจที่จะช่วยเหลือ หรือใช้สิทธิอื่นใดต่อกระบวนการพิจารณาคดี สิ่งที่สปท.จะสนับสนุนนายสังศิตได้คือข้อมูลที่อยู่ในอำนาจของ สปท.และส่งกำลังใจให้
“การปฏิรูปตำรวจเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการปฏิรูปประเทศ ดังนั้นเราขอให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูปกิจการตำรวจโดยเร็วตามขั้นตอนในรัฐธรรมนูญและแผนการปฏิรูปที่ได้เสนอ ไปแล้ว 4 แผน คือ การปฏิรูประบบงานบริการประชาชนในการรับแจ้งความและสอบสวน การปฏิรูปการวางแนวทางมาตรฐานการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำตรวจ การปฏิรูปความเป็นอิสระในการบริหารงานบุคคลของตำรวจจากการแทรกแซงทางการเมือง และ การปฏิรูปการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกิจการตำรวจ”นายคำนูณ กล่าว
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการปฏิรูปตำรวจ เพื่อแก้ไขปัญหาการซื้อขายตำแหน่งว่า การดำเนินการต้องเป็นไปตามกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนด หรือภายในวันที่ 6 เม.ย.61 ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาอีก 10 เดือน โดยอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการเนื่องจากขณะนี้มีการสรรหาบุคคลที่เหมาะสมกับคุณสมบัติ และต้องรอการตอบรับของบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งด้วย
“กรรมการโดยตำแหน่ง 5 คนไม่ได้หาง่ายๆ ต้องมีคุณสมบัติครบ เต็มใจ สังคมยอมรับ และมีประสบการณ์ ซึ่ง
