ผู้จัดการรายวัน 360- ผบช.ภ.8 เดินทางเข้ารายตัวที่ ศปก.ตร. “วิทยา” เชื่อปัญหาไม่จบ เกาไม่ถูกจุด เชื่อปัญหาไม่จบ ปูด “นครบาล” ซื้อ-ขายตำแหน่งแพงกว่าที่อื่น 2 เท่า ด้าน “ถาวร” แนะ “บิ๊กป้อม” เชิญคนปูดข่าวมาหารือเพื่อหาข้อเท็จจริง นายกฯ ลั่นถึงเวลา “จับให้มั่นคั้นให้ตาย”
ตามที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) ซึ่งมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. มาปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม นั้น
ผู้สื่อรายงานข่าวว่า วานนี้ (13 มิ.ย.) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 09.00 น. พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 เดินทางเข้ารายงานตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) หลังจากมีคำสั่งให้ย้ายมาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. และให้จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 15 วันซึ่งเป็นการเดินทางกลับจากประเทศจีนก่อนกำหนดทันทีที่ทราบคำสั่งถูกย้ายดังกล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า คำสั่งการโยกย้ายครั้งนี้เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่า พล.ต.ท.เทศา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งนายตำรวจระดับสารวัตร รองสารวัตร และรองผู้กำกับการของตำรวจภูธรภาค 8 ทั้งนี้ต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมสอบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวต่อไป
*** “วิทยา” ปูด “นครบาล” จ่ายแพงกว่า 2 เท่า
ด้านนายวิทยาแก้ว ภราดัย อดีตแกนนำ กปปส. และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งเป็นผู้เปิดโปงเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง กล่าวถึงการโยกย้าย ผบช.ภ.8 ว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ยังไม่ถูกทั้งหมด เพราะต้องแก้ปัญหาทั้งโครงสร้างการบริหาร โดยเชื่อว่าการตัดสินใจของ ผบ.ตร. คงมีข้อมูลเช่นกัน ทั้งยังเชื่อมั่นว่าเรื่องการซื้อขายตำแหน่งไม่ได้มีเฉพาะที่นี่เพียงแห่งเดียว จึงขอให้ ผบ.ตร ดูข้อมูลที่อื่นด้วย โดยเฉพาะในส่วนของตำรวจนครบาลที่มีราคาสูงมากกว่าที่เคยให้ข้อมูลสูงถึง 2 เท่า
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า การย้าย ผบช.ภ. 8 เป็นเพราะ ผบ.ตร. ต้องการเอาคืน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) กรณีมีสมาชิกกลุ่ม กปปส. ออกมาแฉมีการซื้อขายเก้าอี้ตำรวจหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่าก็สามารถคิดอย่างนั้นได้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ผบ.ตร. มีข้อมูลจริง จึงมีคำสั่งดังกล่าวออกมา แต่ปัญหาคือรัฐบาลจะเอาจริงในเรื่องการปฏิรูปตำรวจหรือไม่ เพราะอย่าคิดว่าเรื่องนี้จะจบ
“เรื่องซื้อขายตำแหน่ง ไม่มีผู้เสียหายและไม่มีใครกล้าเปิดตัว โดยเฉพาะในนครบาลแล้วจะหมกเม็ดปัญหาตำรวจไว้ใต้พรมแบบนี้ตลอดหรือพอถึงฤดูกาลโยกย้ายก็สั่งย้ายกัน มีตัวใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ที่คนวงการตำรวจรู้จักชื่อกันหมด เอาเป็นว่าประเทศนี้ พล.ต.ต. ใหญ่กว่า พล.ต.อ.” นายวิทยา กล่าว
*** “ถาวร” แขวะ “บิ๊กป้อม”หยุดท้าทาย
นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. และอดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาระบุท้าให้นำตัวตำรวจ หรือผู้ที่จ่ายเงินวิ่งเต้นแล้วไม่ได้ตำแหน่งในการโยกย้ายนายตำรวจว่า ตามหลักการกระบวนการค้นหาความจริงในกรณีที่มีผู้หวังดีต่อบ้านเมือง หรือประชาชนร้องเรียนเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันต่อผู้บริหาร สิ่งแรกที่ผู้บริหารบ้านเมืองที่ดีต้องทำคือควรรับฟังข้อมูลในอาการสงบ จากนั้นจึงควรเริ่มขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลโดยการเชิญบุคคล 3 รายที่เปิดเผยเรื่องไม่ชอบมาพากลมาสอบถามคือ พล.ร.อ. พะจุญณ์ ตามประทีป สปท. นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สปท. และนายวิทยา แก้วภารดัย อดีตสปท. และแกนนำ กปปส.
“ขอให้พล.อ.ประวิตร เชิญทั้ง 3 คนมาให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงแล้วค่อยสรุปจะดีกว่าการออกมาปฏิเสธและท้าทายกลับว่าให้เอาตัวคนจ่ายเงินมายืนยัน เพราะการสืบค้นว่าใครที่เป็นคนใช้ระบบอุปถัมภ์ในการดูแลลูกน้อง ซ้ำยังมีการเรียกรับเงิน เป็นการหาผลประโยชน์มิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่ปัญหานี้ควรจะได้รับการแก้ไขจากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงด้วยการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ไม่ใช่การท้าทายซึ่งสังคมไม่ได้ประโยชน์อะไร”
*** นายกฯ ลั่นจับให้มั่นคั้นให้ตาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า เท่าที่ผ่านมาตนได้รับเรื่องร้องเรียนมาบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้จะได้จับให้มั่นคั้นให้ตายกันเสียทีว่าใช่หรือไม่ จึงต้องขอขอบคุณนักการเมืองที่ให้ข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญและมีผลกระทบในเรื่องของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ทั้งในส่วนของพลเรือน ตำรวจ และทหาร โดยต่อนี้ไปต้องแก้ปัญหาว่าจะดูแลข้าราชการทุกกลุ่มหน่วยงานได้อย่างไรเพื่อป้องกันการทุจริตคิดประพฤติมิชอบ ให้ได้เป็นข้าราชการที่ดีของแผ่นดิน
ตามที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) ซึ่งมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. มาปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม นั้น
ผู้สื่อรายงานข่าวว่า วานนี้ (13 มิ.ย.) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 09.00 น. พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 เดินทางเข้ารายงานตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) หลังจากมีคำสั่งให้ย้ายมาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. และให้จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 15 วันซึ่งเป็นการเดินทางกลับจากประเทศจีนก่อนกำหนดทันทีที่ทราบคำสั่งถูกย้ายดังกล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า คำสั่งการโยกย้ายครั้งนี้เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่า พล.ต.ท.เทศา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งนายตำรวจระดับสารวัตร รองสารวัตร และรองผู้กำกับการของตำรวจภูธรภาค 8 ทั้งนี้ต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมสอบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวต่อไป
*** “วิทยา” ปูด “นครบาล” จ่ายแพงกว่า 2 เท่า
ด้านนายวิทยาแก้ว ภราดัย อดีตแกนนำ กปปส. และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งเป็นผู้เปิดโปงเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง กล่าวถึงการโยกย้าย ผบช.ภ.8 ว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ยังไม่ถูกทั้งหมด เพราะต้องแก้ปัญหาทั้งโครงสร้างการบริหาร โดยเชื่อว่าการตัดสินใจของ ผบ.ตร. คงมีข้อมูลเช่นกัน ทั้งยังเชื่อมั่นว่าเรื่องการซื้อขายตำแหน่งไม่ได้มีเฉพาะที่นี่เพียงแห่งเดียว จึงขอให้ ผบ.ตร ดูข้อมูลที่อื่นด้วย โดยเฉพาะในส่วนของตำรวจนครบาลที่มีราคาสูงมากกว่าที่เคยให้ข้อมูลสูงถึง 2 เท่า
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า การย้าย ผบช.ภ. 8 เป็นเพราะ ผบ.ตร. ต้องการเอาคืน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) กรณีมีสมาชิกกลุ่ม กปปส. ออกมาแฉมีการซื้อขายเก้าอี้ตำรวจหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่าก็สามารถคิดอย่างนั้นได้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ผบ.ตร. มีข้อมูลจริง จึงมีคำสั่งดังกล่าวออกมา แต่ปัญหาคือรัฐบาลจะเอาจริงในเรื่องการปฏิรูปตำรวจหรือไม่ เพราะอย่าคิดว่าเรื่องนี้จะจบ
“เรื่องซื้อขายตำแหน่ง ไม่มีผู้เสียหายและไม่มีใครกล้าเปิดตัว โดยเฉพาะในนครบาลแล้วจะหมกเม็ดปัญหาตำรวจไว้ใต้พรมแบบนี้ตลอดหรือพอถึงฤดูกาลโยกย้ายก็สั่งย้ายกัน มีตัวใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ที่คนวงการตำรวจรู้จักชื่อกันหมด เอาเป็นว่าประเทศนี้ พล.ต.ต. ใหญ่กว่า พล.ต.อ.” นายวิทยา กล่าว
*** “ถาวร” แขวะ “บิ๊กป้อม”หยุดท้าทาย
นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. และอดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาระบุท้าให้นำตัวตำรวจ หรือผู้ที่จ่ายเงินวิ่งเต้นแล้วไม่ได้ตำแหน่งในการโยกย้ายนายตำรวจว่า ตามหลักการกระบวนการค้นหาความจริงในกรณีที่มีผู้หวังดีต่อบ้านเมือง หรือประชาชนร้องเรียนเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันต่อผู้บริหาร สิ่งแรกที่ผู้บริหารบ้านเมืองที่ดีต้องทำคือควรรับฟังข้อมูลในอาการสงบ จากนั้นจึงควรเริ่มขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลโดยการเชิญบุคคล 3 รายที่เปิดเผยเรื่องไม่ชอบมาพากลมาสอบถามคือ พล.ร.อ. พะจุญณ์ ตามประทีป สปท. นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สปท. และนายวิทยา แก้วภารดัย อดีตสปท. และแกนนำ กปปส.
“ขอให้พล.อ.ประวิตร เชิญทั้ง 3 คนมาให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงแล้วค่อยสรุปจะดีกว่าการออกมาปฏิเสธและท้าทายกลับว่าให้เอาตัวคนจ่ายเงินมายืนยัน เพราะการสืบค้นว่าใครที่เป็นคนใช้ระบบอุปถัมภ์ในการดูแลลูกน้อง ซ้ำยังมีการเรียกรับเงิน เป็นการหาผลประโยชน์มิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่ปัญหานี้ควรจะได้รับการแก้ไขจากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงด้วยการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ไม่ใช่การท้าทายซึ่งสังคมไม่ได้ประโยชน์อะไร”
*** นายกฯ ลั่นจับให้มั่นคั้นให้ตาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า เท่าที่ผ่านมาตนได้รับเรื่องร้องเรียนมาบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้จะได้จับให้มั่นคั้นให้ตายกันเสียทีว่าใช่หรือไม่ จึงต้องขอขอบคุณนักการเมืองที่ให้ข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญและมีผลกระทบในเรื่องของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ทั้งในส่วนของพลเรือน ตำรวจ และทหาร โดยต่อนี้ไปต้องแก้ปัญหาว่าจะดูแลข้าราชการทุกกลุ่มหน่วยงานได้อย่างไรเพื่อป้องกันการทุจริตคิดประพฤติมิชอบ ให้ได้เป็นข้าราชการที่ดีของแผ่นดิน