xs
xsm
sm
md
lg

"ประยุทธ์"สั่งสอบซื้อขายเก้าอี้ตำรวจ สะเทือนถึงผบ.ตร. !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ผมก็รับเรื่องร้องเรียนมาบ่อยครั้ง ครั้งนี้จะได้จับให้มั่น คั้นให้ตายกันเสียที ว่ามันใช่ หรือไม่ใช่ ขอบคุณนักการเมืองที่ให้ข้อมูลการซื้อขายตำแหน่ง ก็ให้ตรวจสอบทั้งหมด ตอนนี้ก็มีการย้าย ผบช.ภ.8 เข้ามาประจำศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) แล้ว เพื่อสอบสวนในทุกๆประเด็น ซึ่งมีข้อมูลในทุกประเด็น มีข้อมูลพอสมควร แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน"
"เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ มีผลกระทบในเรื่องของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร แต่ในส่วนของทหารอย่างไร ผมยืนยันว่า ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง เพราะไม่ได้ มันต้องโตมาตั้งแต่เด็ก ตามช่องทางที่กำหนดไว้ แต่ข้าราชการกับตำรวจ มันมีกฎหมายคนละฉบับกัน กำลังให้ไปแก้ปัญหาว่า จะดูแลข้าราชการทุกกลุ่มหน่วยงานได้อย่างไร เพื่อป้องกันการทุจริต คิดประพฤติมิชอบ ให้ได้เป็นข้าราชการที่ดีของแผ่นดิน ก็ทำมาตลอด หลายอย่างประเมินมาดีหมด พอครั้งนี้ผมให้ประเมินใหม่ ออกมาไม่ดี กลายเป็นว่า รัฐบาลนี้ทำไม่สำเร็จหรือเปล่า เนื่องจากเราเอาจริงเอาจังแล้วข้าราชการจึงต้องไปปรับปรุง ถ้าทำไม่ได้ ก็ว่ากันอีกที เป็นการเปลี่ยนแปลงปฏิรูประบบราชการ เมื่อมันเปลี่ยนแปลง มันก็ต้องปัจจัยหลายอย่าง การประเมินก็ต้องออกมาคนละอย่าง ก็ต้องไปแก้ตรงไหนไม่ผ่านต้องลงโทษปรับปรุงอะไรหรือไม่ ข้อสำคัญต้องช่วยกันสร้างความคิดใหม่ๆ ให้ข้าราชการ"
นั่นเป็นคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่กล่าวถึงเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในช่วงการโยกย้ายแต่งข้าราชการตำรวจ หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจากฝ่ายนักการเมืองคือ วิทยา แก้วภราดัย ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
**ขณะเดียวกัน นั่นเป็นท่าทีใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตอบรับกับข้อมูลดังกล่าว โดยพิจารณาจากการให้สัมภาษณ์ข้างต้น พบว่า "มีการสั่งให้สอบสวนในทุกประเด็น ซึ่งมีข้อมูลในทุกประเด็น และมีข้อมูลพอสมควร" ความหมายก็คือ ข้อมูลเรื่องการซื้อขายตำแหน่งที่ว่านั้น "มันมีมูล" จึงต้องมีการสั่งให้สอบสวนในทุกระดับ และยังระบุอีกว่า การย้ายผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เข้ามาประจำศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เพื่อให้การสอบสวนเรื่องการซื้อขายตำแหน่งเป็นไปอย่างสะดวก
ที่บอกว่าเป็นท่าทีใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เพราะว่าที่ผ่านมาจะไม่ค่อยได้เห็นแบบนี้ ส่วนใหญ่จะแสดงความไม่พอใจ หรือไม่ก็ให้แสดงหลักฐานมาให้ชัด อย่าพูดลอยๆ อะไรประมาณนี้ แต่เที่ยวนี้ผิดคาดบอกว่า "สั่งให้สอบสวนในทุกประเด็น" และ "มีข้อมูลพอสมควร" ซึ่งหากพิจารณาจากคำพูดดังกล่าว มันก็ไม่ต่างจากการ"รับลูก" ให้มีการตรวจสอบแบบทันควัน
ท่าทีของเขา หากสังเกตให้ดีจะพบว่ายัง "สวนทาง" กับทาง "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ก่อนหน้านี้ได้กล่าวตัดบทว่า ไม่มีเรื่องแบบนี้ เป็นเพียงการกล่าวหาลอยๆ เหมือนเช่นทุกครั้ง
**ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันในรายละเอียดก็จะพบว่า นี่อาจเป็น"สัญญาณ"บางอย่าง ที่ส่งไปถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าเริ่ม "ตกที่นั่งลำบาก" ขึ้นเรื่อยๆ จากระยะหลังที่ผลงานไม่ค่อยเข้าตา โดยเฉพาะจากผลงานในเรื่องการป้องกันและการคลี่คลายคดีลอบวางระเบิด ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือก่อนหน้านั้นที่หน้าสำนักงานกองสลากหลังเก่า หน้าโรงละครแห่งชาติ ยังไปไม่ถึงไหน ยังไม่อาจออกหมายจับคนร้ายได้สักรายเดียว แม้ว่าคดีแบบนี้ เป็นคดีความมั่นคง อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ก็นั่นแหละ มันก็อยู่ในฐานะโคม่ากันทั้งคู่แหละ รวมไปถึง"พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่กำลัง "หมดสภาพ" ด้านความมั่นคงเข้าไปทุกที ยิ่งเมื่อเจอปัญหาด้านสุขภาพรุมเร้า มันก็ยิ่งต้องรอจังหวะลงจากหลังเสือ
ล่าสุดเมื่อมาเจอเรื่องข้อมูลเรื่อง "ซื้อขายเก้าอี้" ในการโยกย้ายตำรวจในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เข้ามาอีก มันก็เหมือนกับผสมโรงแบบได้จังหวะ
และยิ่งมีการให้ข้อมูลต่อเนื่องจาก วิทยา แก้วภราดัย ที่ทิ้งบอมบ์ลงมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ย้ำว่า ตัวเลขการซื้อขายแพงยิ่งกว่าที่ภาค 8 เป็น "สองเท่า" รับรองว่างานนี้คงนั่งไม่ติด เพราะนครบาลมันย่อมสะเทือนมาถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแน่นอน และเป็นเพราะแบบนี้หรือเปล่าที่เริ่มมีการตอบโต้แบบเข้มข้นกลับมาด้วยการสั่งให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบว่าเข้าข่าย "หมิ่นประมาท" ซึ่งก็มองได้อีกมุมหนึ่งว่า นี่คือการ"ปิดปาก" ห้ามแฉต่ออะไรประมาณนี้หรือเปล่า
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันในภาพรวมแล้วงานนี้ถือว่าเจ็บกันไปทั้งหมด เริ่มตั้งแต่วงการตำรวจ ที่พอพูดกันถึงเรื่องซื้อขายเก้าอี้ เชื่อเถอะชาวบ้านเขามองเห็นภาพกันทั้งนั้น เพราะมีเรื่องแบบนี้ทุกปี หรือทุกครั้งที่มีการโยกย้าย เป็นเรื่องธรรมดา แต่คราวนี้มันมีผลสะเทือนมาถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ด้วย ถ้าฟังจากคำพูดของนายกรัฐมนตรี ที่สั่งให้มีการตรวจสอบทุกระดับ ขณะเดียวกันฝ่ายที่แฉ คือ ฝ่ายการเมือง ทึ่ไม่รู้ว่า "ผิดคิว" หรือเปล่า เพราะถ้า พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นคนสนิท สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต เลขากปปส. วิทยา แก้วภราดัย อดีตแกนนำ กปปส. ก็เป็นคนสนิทของ สุเทพ ทำไมไม่คุยกันวงใน แต่การออกมาแฉแบบนี้ มันก็ทำให้สงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น หรือจะเป็นไปตามคำพูดของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่พูดลอยลมตามมาว่า "เอาคืนหรือ เอาเงินคืน" อะไรแบบนี้ หรือไม่
**ดังนั้น ถือว่าเจ็บกันทั้งหมด แบบที่ขว้างงูไม่พ้นคอ แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยเพิ่มกระแสตอกย้ำว่า ถึงเวลาที่ต้องปฏิรูปตำรวจกันแบบรื้อโครงสร้างตามที่ชาวบ้านต้องการกันอย่างเร็วที่สุด เพราะนี่คือทางเดียวที่จะยุติเสียงวิจารณ์ที่น่ารำคาญแบบนี้ทุกครั้งที่มีการโยกย้าย คราวนี้เป็น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ต่อไปหากเปลี่ยนไปคนอื่นหากโครงสร้างเป็นแบบเดิม มันก็ไม่ต่างกัน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น