ร้อยเอ็ด - อนาถ! ชีวิต “น้องรุ้ง” เหยื่อฆาตกรรมพ่อเลี้ยงฆ่าถ่วงน้ำ ชีวิตสุดลำเค็ญ ฐานะยากจน ต้องอาศัยอยู่กระท่อมเช่ากับตายายที่ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ไม่มีแม้เงินค่าเดินทางไปรับศพ และทำบุญให้หลานสาว ขณะที่ยายน้องรุ้งอึ้ง! ไม่เชื่อหลานถูกฆ่าโดยแม่รู้เห็นเป็นใจ ยันไม่ให้อภัยลูกสาว ปล่อยให้คดีเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ขณะที่ครูโรงเรียนร่วมบริจาค 1,800 บาทเป็นค่าเดินทางรับศพน้องรุ้ง ด้านผู้ใหญ่บ้านพร้อมช่วยเหลืองานทำบุญศพน้องรุ้ง
จากเหตุคดีสะเทือนขวัญพบศพเด็กหญิงวัย 12 ปีถูกฆ่าทิ้งถ่วงน้ำ ศพลอยอืดติดกองผักตบชวาในคลองสำโรง ถนนเทพารักษ์ ต.ศีรษะจระเข้ใหญ่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งภายหลังทราบชื่อผู้ตายคือ ด.ญ.พรทิพย์ กุลนานันท์ หรือน้องรุ้ง และฆาตกรที่ฆ่าน้องรุ้งคือ นายวจะรัน ทัดสวรรค์ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงน้องรุ้ง โดยมีนางสุภาพร นนทรา อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นแม่แท้ๆ รู้เห็นเป็นใจกับการฆาตกรรมดังกล่าว
ล่าสุดผู้สื่อข่าวติดตามไปทำข่าวที่บ้านตายายของน้องรุ้ง ที่บ้านท่าวารี หมู่ที่ 10 ตำบลแสนสุข อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด พบว่าทุกคนอยู่ในอาการเศร้าสลดต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยยายของน้องรุ้งให้สัมภาษณ์ว่าไม่คิดว่าแม่มารับน้องรุ้งไปกรุงเทพฯ อ้างว่าจะพาไปเที่ยวแล้วจะส่งกลับ ต้องจากกันโดยไม่มีโอกาสเจอกันอีก ตามปกติหลานสาวเป็นเด็กดี อุปนิสัยค่อนข้างจะเก็บตัวเงียบ ไม่มีปัญหากับใคร ช่วยงานตนเองทุกอย่าง ยามว่างก็ไปช่วยรับจ้างทั่วไป ตนกับสามีหากินด้วยการเก็บหอยมาต้มขายรายได้วันละ 200-300 บาทเพื่อดูแลหลาน 2 คน คือน้องรุ้งและหลานสาวอีกคน ลูกของลูกสาวคนเล็กที่มาฝากไว้ เสียใจมากที่ตนให้หลานไปกับแม่แล้วถูกฆ่าตาย
ทราบข่าวเกิดขึ้นตนไม่เชื่อ แต่เมื่อน้าผู้ตายลงไปดูและยืนยันว่าใช่ก็เสียใจมาก ไม่คิดว่าแม่จะโหดร้ายร่วมมือกับสามีใหม่ฆ่าลูกตัวเองได้ เชื่อว่าแม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะหลังเกิดเหตุได้ย้ายบ้าน สมคบกับสามีใหม่อ้างว่าส่งลูกกลับบ้านที่ร้อยเอ็ดแล้ว ถือว่าอำมหิตมาก ทั้งหลังเกิดเหตุแล้วแทนที่จะแจ้งมาให้ตายายทราบกลับยังพาสามีหลบหนีไปอีก
ดังนั้นตนจะไม่ยอมอภัยให้ และต้องการให้ลูกสาวคนนี้รับกรรมที่ทำไป โดยตนจะไม่เกี่ยวข้องด้วยกับการลงโทษ ขณะนี้รอเพียงเขาอนุญาตให้ไปรับศพกลับมาบ้านก็จะไปรับ แม้จะไม่มีเงินก็จะพยายายามหาเงินมาจัดงานศพให้หลานให้ได้ ซึ่งคงจะต้องพึ่งพาเพื่อนบ้านและคนอื่นที่เห็นใจเมตตาช่วยเหลือเท่านั้น
สำหรับความเป็นมาของน้องรุ่งนั้น ยายของน้องรุ้งกล่าวว่า พ่อน้องรุ้งเป็นชาวพิษณุโลก หลังจากอยู่กินกับลูกสาว เมื่อคลอดลูกก็แยกทางกัน โดยพ่อได้นำน้องรุ้งไปเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ในขณะที่แม่น้องรุ้งลงไปทำงานที่กรุงเทพฯ และได้สามีใหม่คือคนปัจจุบัน มีลูกใหม่อายุ 3 ขวบ ต่อมาพ่อน้องรุ้งที่พิษณุโลกเสียชีวิต เมื่อปีที่ผ่านมาย่าของน้องรุ้งติดต่อมาให้ไปรับหลานกลับมาดูแลที่ อ.พนมไพร จึงมาเข้าโรงเรียนที่่หมู่บ้าน เรียนชั้น ป.4 อยู่ได้ปีเดียว กำลังจะขึ้นชั้น ป.5 จู่ๆ แม่ก็มารับน้องรุ้ง ไม่คิดว่าจะรับลูกไปฆ่าทิ้ง หากรู้จะเกิดเรื่องนี้ขึ้นตนไม่ให้ไปแน่นอน
ครูโรงเรียนน้องรุ้งร่วมบริจาคช่วยค่าเดินทางรับศพ
ด้านนายพงษ์เทพ ศรีจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนท่าลาดวารีวิทยา โรงเรียนที่น้องรุ้งเรียนหนังสือ ได้เรียกตัวนายสุบรรณ มณฑาผาย ตาของน้องรุ้งเข้าพบที่โรงเรียนเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมให้นำหลักฐานการตายมาให้เพื่อหาทางช่วยเหลือ จากบริษัทที่ทำประกันภัย ซึ่งอาจจะไม่เข้าข่ายที่บริษัทประกันจะจ่ายเงินให้ เบื้องต้นได้รวบรวมเงินของครูที่ร่วมบริจาคมอบให้จำนวน 1,800 บาทเพื่อเป็นค่าเดินทางไปรับศพน้องรุ้งกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน โดยผู้อำนวยการและครูทุกคนรู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียใจที่เด็กดีๆ มารยาทเรียบร้อย และเป็นนักกิจกรรมของโรงเรียนต้องถูกฆ่าตายแบบนี้
สภาพของครอบครัวนี้มีฐานะยากจนน่าสงสาร ตายายประกอบอาชีพรับจ้าง ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง เมื่อก่อนอาศัยในแพหาปลา แต่พอหลานมาอยู่ด้วยจึงมาเช่าที่คนอื่นสร้างเพิงที่พักอาศัยอยู่ ตอนเย็นหลังโรงเรียนเลิกทุกวันครูและนักเรียนที่เป็นเพื่อนจะรวบรวมอาหารกลางวันที่เหลือให้กลับไปรับประทานเป็นอาหารเย็นที่บ้านทุกวันตลอดมา
ด้านนายซื่อตรง เรืองริวงษ์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าวารี กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวน้องรุ้ง รู้สึกเห็นใจครอบครัวนี้ที่ฐานะยากจนต้องรับภาระดูแลหลาน 2 คนยังมาเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นอีก เบื้องต้นหากมีปัญหาด้านค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง ทางชุมชนจะหาทางช่วย แม้แต่การจัดงานศพก็จะเข้ามาดูแล ส่วนหนึ่งจะขอความร่วมมือจากชาวบ้านทุกคนช่วยกันทำบุญจัดงานศพให้ และจะเรียกประชุมคณะกรรมการเงินกองกลางหมู่บ้านเพื่อขอมตินำเงินกองกลางส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือเพื่อบรรเทาทุกข์เท่าที่จะช่วยได้ต่อไป