ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ขนอาวุธเถื่อนในถิ่น “บูรพาพยัคฆ์” หยามศักดิ์ศรี “พี่ใหญ่เสือตะวันออก” ชัดๆ
ชักจะยังไงๆอยู่ .. คดีลักลอบค้าอาวุธสงคราม 2 คดีเกิดขึ้นพร้อมๆกัน แต่ดูทางเจ้าหน้าที่จะให้น้ำหนักความสำคัญไปที่ “คดีเล็ก” กรณีสังกัดกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ (ช.พัน.1 รอ.) ร่วมกันลักยุทธภัณฑ์จากคลังแสงออกมาขายทางออนไลน์ .. ถามว่าสำคัญไหม ก็สำคัญ แต่ก็แค่ “รายย่อย – ค้าปลีก” .. ไม่เหมือนกับคดี “ยี่ปั๊ว – ขายส่ง” อย่างคดีที่ จ.ตราด ชายแดนกัมพูชา ที่ “ทหารนอกแถว” อย่าง พ.อ.อ.ภคิน เดชพงษ์ สังกัดกองบิน 2 ลพบุรี ขนอาวุธสงครามหลายรายการ แต่ดันประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ จนเจ้าหน้าที่มาเจอเข้า จนเป็นเรื่องใหญ่โต โดนจับพร้อมพวก อีก 2 ราย คนนึงเป็นเจ้าหน้าที่รัฐชาวกัมพูชา อีกคนก็เห็นว่าเป็นคนมาช่วยยกของชาว จ.ตราด .. จับอาการ “ฝ่ายความมั่นคง” ก็แปร่งๆ ดูจะไม่ให้ความสลักสำคัญเท่าไร ทั้งที่ข้อมูลจากตำรวจระบุว่า แก๊งนี้เข้าออกชายแดน 242 ครั้ง อาจจะไม่ได้ขนอาวุธทุกครั้ง แต่ชัดเจนว่าทำกันมานาน
ยิ่งรถที่ พ.อ.อ.ภคิน ขับวันนั้นบรรทุกอาวุธสงครามมาเต็มคัน เจอด่านทหารไม่ต่ำกว่า 2 ด่าน แต่ดัน “ผ่านตลอด” เพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อในทฤษฎีที่ว่า ขบวนการวนี้เส้นสายไม่ธรรมดา น่าจะมี “นายทหารใหญ่” รู้เห็นเป็นใจด้วย .. สืบมาสืบไปไม่รู้จะเจอ “ต้นตอ” หรือไป “ชนตอ” เข้าให้ .. ยิ่งที่จุดพบการลักลอบขนอาวุธสงครามอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร. 2 รอ.) ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ฐานที่มั่น “ทหารบูรพาพยัคฆ์” ที่ดูแลฝั่งตะวันออก จรด จ.ตราด สุดชายแดนกัมพูชา .. บอกแค่นี้หน้า “สามพี่น้อง” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ลอยมาเลย .. อย่างน้อยน่าจะให้ “ลูกน้องสายบูรพา” หาข่าวไม่ยากว่า ใครมันเจ๋งถึงขนาดกล้ามา ขนถ่ายอาวุธปิดกฎหมายย่านนี้เป็นร้อยๆครั้ง ไม่ไว้หน้า “3 พี่น้องเสือตะวันออก” บ้างเลย .. ยิ่งเป็นเรื่อง “ความมั่นคง” ผู้รับผิดชอบเป็นถึง “บิ๊กบราเทอร์สบูรพาพยัคฆ์” คงไขไม่ยากว่าใครมันมาทำบัดซบในถิ่นบูรพาพยัคฆ์
** “สารวัตรไพรวัลย์” รอดตายในแดนพม่า เกือบมาโดน “บิ๊กตำรวจ” สอยซะงั้น
เซนซิทีฟเสียจริง .. เจอถล่มไม่ทันข้ามคืน สำนักงานตลกแห่งชาติ เอ้ยย.. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)อยู่ไม่ได้ ต้องถอนคำสั่งย้าย “สารวัตรไพรวัลย์” พ.ต.ท.ไพรวัลย์ อายุวงษ์ ที่รู้จักกันในฐานะมือปราบ “แก๊งอีเปรี้ยว” ให้อยู่ตำแหน่งเดิม .. ทั้งที่เพิ่งประกาศคำสั่งไปเมื่อวันก่อน หลัง “เครือผู้จัดการ” เปิดประเด็นวีรกรรมเสี่ยงตายของ “สารวัตรไพรวัลย์” ที่ลุยข้ามแดนไปล่าตัว 3 สาวมือหั่นศพ จนแทบเอาชีวิตๆไม่รอด .. กลับมาเหนื่อยๆแทนที่จะปูนบำเหน็จ กลับต้องชื่อหล่นไม่ปรากฎในบันทึกจับกุม แถมด้วยเซอร์ไพร์สอีกดอก เจอย้ายจากสารวัตรสืบสวนที่ ภาค 4 ไปนู้น สภ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี .. แบบนี้มันหักหาญน้ำใจคนทำงานชัดๆ .. ที่ว่า สตช.เซนซิทีฟ ก็คำสั่งย้ายจริงมีการจัดโผไว้ล่วงหน้าหลายเดือน กว่าจะลงตัวทำคลอดออกมาได้ บรรดาบิ๊กๆคนเห็นดีเห็นงามกันหมดแล้ว แต่พอเป็นกระแสขึ้นมาก็ผลิก 360 องศา ฉีกคำสั่งทิ้งเฉยๆอย่างงั้น .. เพราะเจ้าตัวก็โคตรจะแมน แม้ไม่ค่อยแฮปปี้ แต่ก็รับได้ที่ถูกย้าย ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา นายสั่งไปไหนก็ต้องไป ซักมากเข้ายังขอไม่พูดอะไรมาก กลัวจะกระทบ “ผู้ใหญ่” เอากับเขาสิ เอ้า ปรบมือสิ รออัลไล.
** เมื่อ กสทช.คิดการใหญ่ ปั้น “FACEBOOK – LINE” ใช้เองในประเทศ
ในยุครัฐบาลทหาร สิทธิเสรีภาพการแสดงออกก็เบ่งบานตามท้องเรื่อง .. ฝ่ายการเมืองก็โดนฟรีสขยับไม่ออก สายม็อบ-สายกิจกรรมก็มีกฎหมายขู่ฝ่ออยู่หลายฉบับ สื่อมวลชนก็ลูกผีลูกคน รอลุ้นร่างสุดท้าย พ.ร.บ.คุมสื่อฯ .. มาถึงคิว “เพจเด่น - เพจดัง” เหล่าไอดอลผู้มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ นอกเหนือจากต้องระวังไม่ให้ตกหลุม พ.ร.บ.คอมพ์แล้ว ล่าสุด “เพจล้านไลค์” ก็ได้รับเชิญจาก คณะอนุกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. เพื่อทำความเข้าใจแนวทางปฏิบัติการแพร่เสียงและภาพผ่านโครงข่ายอื่นกิจการ หรือ Over The Top (OTT) ที่ทาง กสทช. “ตีขลุม” ว่าตัวเองมีอำนาจควบคุม ขอทำตัวเป็น “นักล่าเนตไอดอล” ซะงั้น .. หลายเพจคงไม่อยากมีปัญหา ทั้ง “จ่าดราม่า - หมอแล็ปแพนด้า – เบนซ์อาปาเช่ - อีจัน” กระทั่ง Spokedark ของ “พ่อหนุ่มจูวินยอน” จอห์น วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ ที่ตั้งป้อมเหน็บแนม คสช.-กสทช.มาตลอดศก ก็ยังพร้อมใจชักแถวเข้าไปนั่งฟัง “เดอะน้ำ” พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการ กสทช. ร่ายยาวต้อนเข้าคอกอยู่นานสองนาน .. เสร็จงานทุกคนก็พยักหน้างึกๆ รับทราบเป็นพิธี ส่วนผลลัพธ์จะเป็นยังไง ก็ต้องดูกันอีกที
ปิดท้ายวันนี้ ด้วยข่าวขำขันประจำสัปดาห์ “กสทช.เตรียมชงนายกฯ ทำแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์ค-เสิร์ชเอ็นจิ้นใช้เองในประเทศ” เป็นข่าวเมื่อครั้ง พล.อ.อ. ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. ยกคณะไปเยือนประเทศรัสเซีย แล้วได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับกระทรวงโทรคมนาคมของรัสเซียในด้านต่างๆ หนึ่งในนั้นคือการขอใช้โมเดลของรัสเซียในการพัฒนา “แพตฟอร์มแบบไทยๆ” ทั้งโซเชียลเน็ตเวิร์ค เสิร์ชเอนจิ้น โปรแกรมแชต เพื่อใช้ในประเทศของตัวเอง .. ว่าวซื่อๆ พูดตรงๆ ก็จะสร้าง “FACEBOOK ไทย – GOOGLE ไทย – LINE ไทย” นั่นเอง .. ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ที่ร่วมคณะไปมอสโคว์ด้วย สาธยายว่าทางรัสเซียเสนอตัวช่วยพัฒนา “แพลตฟอร์ม” ให้กับประเทศไทย โดยรัสเซียถือหุ้น 49% ไทยถือหุ้น 51% โดย กสทช.หวังว่า จะเป็นการอุดช่องโหว่ที่ไม่สามารถจัดเก็บรายได้ของ “ผู้ประกอบการแพตฟอร์มต่างๆ” ที่ให้บริการในประเทศไทย .. ส่วนงบประมาณก็แค่ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท เท่านั้น จิ๊บๆ
เป็นอีกหนึ่งเมกะโปรเจคต์ที่สร้างสรรค์โดย กสทช. ที่มีผลงานประจักษ์-ใช้เงินอย่างคุ้มค่ามาตลอด ทั้งการที่เพิ่งยอมเสีย 7 ล้านบาทต่อปีในการสร้างแอดเค้าน์ทางการใน LINE Official เคยเจียดเงิน 12 ล้านบาท ทำ LINE Sticker ค่านิยม 12 ประการอันทรงคุณค่า .. เป็น กสทช.ที่อุปโลกน์ตัวเป็น “นักล่าเน็ตไอดอล” ชงเอง-กินเองว่าตัวเองมีอำนาจ OTT แต่ก็ไม่มีปัญญาไปทำอะไร “เพจหมิ่นเหม่” ที่มีอยู่เกลื่อน FACEBOOK ทั้งที่อ้างว่าประสานไปทาง “หนุ่มมาร์ค” เจ้าพ่อซิลิคอนวัลเลย์ดิบดี .. แต่สุดท้ายต้องมานั่งร่อนหมายเชิญ “แอดมินเพจดัง” มาขอความร่วมมือแกมบังคับอย่างที่เห็น เฮ้อ!!.
ช.ชฎา
รูป
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
พ.ต.ท.ไพรวัลย์ อายุวงษ์
ฐากร ตัณฑสิทธิ์
** ขนอาวุธเถื่อนในถิ่น “บูรพาพยัคฆ์” หยามศักดิ์ศรี “พี่ใหญ่เสือตะวันออก” ชัดๆ
ชักจะยังไงๆอยู่ .. คดีลักลอบค้าอาวุธสงคราม 2 คดีเกิดขึ้นพร้อมๆกัน แต่ดูทางเจ้าหน้าที่จะให้น้ำหนักความสำคัญไปที่ “คดีเล็ก” กรณีสังกัดกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ (ช.พัน.1 รอ.) ร่วมกันลักยุทธภัณฑ์จากคลังแสงออกมาขายทางออนไลน์ .. ถามว่าสำคัญไหม ก็สำคัญ แต่ก็แค่ “รายย่อย – ค้าปลีก” .. ไม่เหมือนกับคดี “ยี่ปั๊ว – ขายส่ง” อย่างคดีที่ จ.ตราด ชายแดนกัมพูชา ที่ “ทหารนอกแถว” อย่าง พ.อ.อ.ภคิน เดชพงษ์ สังกัดกองบิน 2 ลพบุรี ขนอาวุธสงครามหลายรายการ แต่ดันประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ จนเจ้าหน้าที่มาเจอเข้า จนเป็นเรื่องใหญ่โต โดนจับพร้อมพวก อีก 2 ราย คนนึงเป็นเจ้าหน้าที่รัฐชาวกัมพูชา อีกคนก็เห็นว่าเป็นคนมาช่วยยกของชาว จ.ตราด .. จับอาการ “ฝ่ายความมั่นคง” ก็แปร่งๆ ดูจะไม่ให้ความสลักสำคัญเท่าไร ทั้งที่ข้อมูลจากตำรวจระบุว่า แก๊งนี้เข้าออกชายแดน 242 ครั้ง อาจจะไม่ได้ขนอาวุธทุกครั้ง แต่ชัดเจนว่าทำกันมานาน
ยิ่งรถที่ พ.อ.อ.ภคิน ขับวันนั้นบรรทุกอาวุธสงครามมาเต็มคัน เจอด่านทหารไม่ต่ำกว่า 2 ด่าน แต่ดัน “ผ่านตลอด” เพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อในทฤษฎีที่ว่า ขบวนการวนี้เส้นสายไม่ธรรมดา น่าจะมี “นายทหารใหญ่” รู้เห็นเป็นใจด้วย .. สืบมาสืบไปไม่รู้จะเจอ “ต้นตอ” หรือไป “ชนตอ” เข้าให้ .. ยิ่งที่จุดพบการลักลอบขนอาวุธสงครามอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร. 2 รอ.) ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ฐานที่มั่น “ทหารบูรพาพยัคฆ์” ที่ดูแลฝั่งตะวันออก จรด จ.ตราด สุดชายแดนกัมพูชา .. บอกแค่นี้หน้า “สามพี่น้อง” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ลอยมาเลย .. อย่างน้อยน่าจะให้ “ลูกน้องสายบูรพา” หาข่าวไม่ยากว่า ใครมันเจ๋งถึงขนาดกล้ามา ขนถ่ายอาวุธปิดกฎหมายย่านนี้เป็นร้อยๆครั้ง ไม่ไว้หน้า “3 พี่น้องเสือตะวันออก” บ้างเลย .. ยิ่งเป็นเรื่อง “ความมั่นคง” ผู้รับผิดชอบเป็นถึง “บิ๊กบราเทอร์สบูรพาพยัคฆ์” คงไขไม่ยากว่าใครมันมาทำบัดซบในถิ่นบูรพาพยัคฆ์
** “สารวัตรไพรวัลย์” รอดตายในแดนพม่า เกือบมาโดน “บิ๊กตำรวจ” สอยซะงั้น
เซนซิทีฟเสียจริง .. เจอถล่มไม่ทันข้ามคืน สำนักงานตลกแห่งชาติ เอ้ยย.. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)อยู่ไม่ได้ ต้องถอนคำสั่งย้าย “สารวัตรไพรวัลย์” พ.ต.ท.ไพรวัลย์ อายุวงษ์ ที่รู้จักกันในฐานะมือปราบ “แก๊งอีเปรี้ยว” ให้อยู่ตำแหน่งเดิม .. ทั้งที่เพิ่งประกาศคำสั่งไปเมื่อวันก่อน หลัง “เครือผู้จัดการ” เปิดประเด็นวีรกรรมเสี่ยงตายของ “สารวัตรไพรวัลย์” ที่ลุยข้ามแดนไปล่าตัว 3 สาวมือหั่นศพ จนแทบเอาชีวิตๆไม่รอด .. กลับมาเหนื่อยๆแทนที่จะปูนบำเหน็จ กลับต้องชื่อหล่นไม่ปรากฎในบันทึกจับกุม แถมด้วยเซอร์ไพร์สอีกดอก เจอย้ายจากสารวัตรสืบสวนที่ ภาค 4 ไปนู้น สภ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี .. แบบนี้มันหักหาญน้ำใจคนทำงานชัดๆ .. ที่ว่า สตช.เซนซิทีฟ ก็คำสั่งย้ายจริงมีการจัดโผไว้ล่วงหน้าหลายเดือน กว่าจะลงตัวทำคลอดออกมาได้ บรรดาบิ๊กๆคนเห็นดีเห็นงามกันหมดแล้ว แต่พอเป็นกระแสขึ้นมาก็ผลิก 360 องศา ฉีกคำสั่งทิ้งเฉยๆอย่างงั้น .. เพราะเจ้าตัวก็โคตรจะแมน แม้ไม่ค่อยแฮปปี้ แต่ก็รับได้ที่ถูกย้าย ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา นายสั่งไปไหนก็ต้องไป ซักมากเข้ายังขอไม่พูดอะไรมาก กลัวจะกระทบ “ผู้ใหญ่” เอากับเขาสิ เอ้า ปรบมือสิ รออัลไล.
** เมื่อ กสทช.คิดการใหญ่ ปั้น “FACEBOOK – LINE” ใช้เองในประเทศ
ในยุครัฐบาลทหาร สิทธิเสรีภาพการแสดงออกก็เบ่งบานตามท้องเรื่อง .. ฝ่ายการเมืองก็โดนฟรีสขยับไม่ออก สายม็อบ-สายกิจกรรมก็มีกฎหมายขู่ฝ่ออยู่หลายฉบับ สื่อมวลชนก็ลูกผีลูกคน รอลุ้นร่างสุดท้าย พ.ร.บ.คุมสื่อฯ .. มาถึงคิว “เพจเด่น - เพจดัง” เหล่าไอดอลผู้มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ นอกเหนือจากต้องระวังไม่ให้ตกหลุม พ.ร.บ.คอมพ์แล้ว ล่าสุด “เพจล้านไลค์” ก็ได้รับเชิญจาก คณะอนุกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. เพื่อทำความเข้าใจแนวทางปฏิบัติการแพร่เสียงและภาพผ่านโครงข่ายอื่นกิจการ หรือ Over The Top (OTT) ที่ทาง กสทช. “ตีขลุม” ว่าตัวเองมีอำนาจควบคุม ขอทำตัวเป็น “นักล่าเนตไอดอล” ซะงั้น .. หลายเพจคงไม่อยากมีปัญหา ทั้ง “จ่าดราม่า - หมอแล็ปแพนด้า – เบนซ์อาปาเช่ - อีจัน” กระทั่ง Spokedark ของ “พ่อหนุ่มจูวินยอน” จอห์น วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ ที่ตั้งป้อมเหน็บแนม คสช.-กสทช.มาตลอดศก ก็ยังพร้อมใจชักแถวเข้าไปนั่งฟัง “เดอะน้ำ” พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการ กสทช. ร่ายยาวต้อนเข้าคอกอยู่นานสองนาน .. เสร็จงานทุกคนก็พยักหน้างึกๆ รับทราบเป็นพิธี ส่วนผลลัพธ์จะเป็นยังไง ก็ต้องดูกันอีกที
ปิดท้ายวันนี้ ด้วยข่าวขำขันประจำสัปดาห์ “กสทช.เตรียมชงนายกฯ ทำแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์ค-เสิร์ชเอ็นจิ้นใช้เองในประเทศ” เป็นข่าวเมื่อครั้ง พล.อ.อ. ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. ยกคณะไปเยือนประเทศรัสเซีย แล้วได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับกระทรวงโทรคมนาคมของรัสเซียในด้านต่างๆ หนึ่งในนั้นคือการขอใช้โมเดลของรัสเซียในการพัฒนา “แพตฟอร์มแบบไทยๆ” ทั้งโซเชียลเน็ตเวิร์ค เสิร์ชเอนจิ้น โปรแกรมแชต เพื่อใช้ในประเทศของตัวเอง .. ว่าวซื่อๆ พูดตรงๆ ก็จะสร้าง “FACEBOOK ไทย – GOOGLE ไทย – LINE ไทย” นั่นเอง .. ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ที่ร่วมคณะไปมอสโคว์ด้วย สาธยายว่าทางรัสเซียเสนอตัวช่วยพัฒนา “แพลตฟอร์ม” ให้กับประเทศไทย โดยรัสเซียถือหุ้น 49% ไทยถือหุ้น 51% โดย กสทช.หวังว่า จะเป็นการอุดช่องโหว่ที่ไม่สามารถจัดเก็บรายได้ของ “ผู้ประกอบการแพตฟอร์มต่างๆ” ที่ให้บริการในประเทศไทย .. ส่วนงบประมาณก็แค่ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท เท่านั้น จิ๊บๆ
เป็นอีกหนึ่งเมกะโปรเจคต์ที่สร้างสรรค์โดย กสทช. ที่มีผลงานประจักษ์-ใช้เงินอย่างคุ้มค่ามาตลอด ทั้งการที่เพิ่งยอมเสีย 7 ล้านบาทต่อปีในการสร้างแอดเค้าน์ทางการใน LINE Official เคยเจียดเงิน 12 ล้านบาท ทำ LINE Sticker ค่านิยม 12 ประการอันทรงคุณค่า .. เป็น กสทช.ที่อุปโลกน์ตัวเป็น “นักล่าเน็ตไอดอล” ชงเอง-กินเองว่าตัวเองมีอำนาจ OTT แต่ก็ไม่มีปัญญาไปทำอะไร “เพจหมิ่นเหม่” ที่มีอยู่เกลื่อน FACEBOOK ทั้งที่อ้างว่าประสานไปทาง “หนุ่มมาร์ค” เจ้าพ่อซิลิคอนวัลเลย์ดิบดี .. แต่สุดท้ายต้องมานั่งร่อนหมายเชิญ “แอดมินเพจดัง” มาขอความร่วมมือแกมบังคับอย่างที่เห็น เฮ้อ!!.
ช.ชฎา
รูป
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
พ.ต.ท.ไพรวัลย์ อายุวงษ์
ฐากร ตัณฑสิทธิ์