ป้อมพระสุมเรุ
ในยุค “รัฐบาลทหาร” สิทธิเสรีภาพการแสดงออกก็เบ่งบานตามท้องเรื่อง
ฝ่ายการเมืองก็โดนฟรีสขยับไม่ออก
สายม็อบ-สายกิจกรรม ก็มีกฎหมายขู่ฟ่อ ค้ำคออยู่หลายฉบับ
สื่อมวลชนก็ลูกผีลูกคน รอลุ้นร่างสุดท้ายของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน หรือ “กฎหมายคุมสื่อ” ว่าจะออกมาหน้าตาแบบไหน
มาถึงคิว “เพจเด่น - เพจดัง” เหล่าไอดอล ผู้มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ นอกเหนือจากต้องระวังไม่ให้ตกหลุม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือ “พ.ร.บ.คอมพ์” ที่เพิ่งอัพเดตเวอร์ชั่นใหม่หมาดๆ เป็น พ.ร.บ.คอมพ์ 4.0 สมรรถนะแรงขึ้น การกล่าวโทษทำได้ง่ายขึ้น บทลงโทษหนักขึ้น สงสัยถ้ายิ่งแก้ๆ มีแววได้บรรจุ “โทษประหารชีวิต” ไว้ในกฎหมายฉบับนี้ด้วย
ล่าสุดเหล่าบรรดา “เพจล้านไลค์” แฟนเพจใน FACEBOOK ที่มียอดติดตามเกิน 1 ล้านคน ก็ได้เกีรยติจาก คณะอนุกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ใน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เชิญเข้าร่วมเวทีรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการให้บริการแพร่ภาพและเสียงผ่านโครงข่ายอื่นที่ไม่ใช่โครงข่ายวิทยุ-โทรทัศน์แบบดั้งเดิม (Over the Top : OTT)
เรื่องของเรื่องคือ ทาง กสทช. ไป “ตีขลุม” ว่าตัวเองมีอำนาจควบคุม OTT ปวารณาตัวเป็น “นักล่าเนตไอดอล” ขึ้นมาแบบงงๆ ตีความว่า การออกอากาศ “ภาพ - เสียง” บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ไม่ต่างจาก “วิทยุดิจิทัล - ทีวีดิจิทัล” ที่ตัวเองดูแลอยู่ ก่อนเรียกประชุม บอร์ด กสทช. “นัดพิเศษ” ลงมติให้ OTT เป็นส่วนหนึ่งของกิจการ กสท. และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ โดยมี “เดอะน้ำ” พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. และประธาน กสท. รับเป็นประธานอนุฯชุดที่ว่า
ท่ามกลางกระแสข่าว ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ไปเสนอตัวกับ “ผู้หลักผู้ใหญ่” รับมอบดาบมาจัดการ “เวบเพจหมิ่นเหม่” ทั้งหลายแหล่ เพื่อแลกการอัพเกรดตัวเองขึ้น “เบอร์ 1 อาณาจักรซอยสายลม” ด้วยอภินิหารกฎหมาย มาตรา 44
ในแง่อำนาจว่าก็เข้าข่ายตีความเข้าข้างตัวเอง เพราะงานหลักของ กสทช. น่าจะจำกัดวงอยู่แค่การกำหมดมาตรฐาน และออกใบอนุญาตเท่านั้น ในทางเทคนิคยิ่งไปกันใหญ่ งานเดิมที่ กสทช.กำกับดูแลอยู่ ก็แทบไปไม่รอด ยังขยายอำนาจตัวเองไปคุมแพลตฟอร์มทางโซเชี่ยลฯ ทั้ง ยูทูป ไลน์ทีวี ที่หนักสุดคงเป็นการไลฟ์สดผ่าน FACEBOOK ที่กระทั่ง “พี่มาร์ค” เจ้าของ และผู้ให้กำเนิด FACEBOOK เอง ยังจนปัญญาเวลาเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
แล้วแบบนี้ “กสทช.ไทยแลนด์” จะมีน้ำยาไปทำอะไรได้
ไม่ทันไร กสทช.ก็ประกาศความสำเร็จประเดิมงานคุม OTT ในการจับมือกับ “สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย” ลุยปิดเว็บไซต์ไม่เหมาะสมไปแล้ว 6 พันกว่าเว็บไซต์ พร้อมประกาศว่าได้ประสาน “FACEBOOK” หาช่องทางกำราบ “เซเลบหมิ่นสถาบันฯ” ไว้เรียบร้อย
ล่าสุดก็ได้รุกคืบความเป็น “นักล่าเนตไอดอล” ไปอีกขั้น เมื่อได้เชิญ “แอดมิน-ผู้ดูแล” เพจ FACEBOOK ยอดนิยมที่มีผู้ติดตามมากที่สุด 100 อันดับแรก อาทิ Woody, Drama-addict, หมอแล็บแพนด้า, Spokedark, เบนซ์อาปาเช่, อีจัน เป็นต้น มาหารือเพื่อการกำกับดูแลกิจการ OTT
แม้จะระบุในหมายเชิญว่าเป็นการหารือ แต่ความเป็นจริงกลายเป็น “เดี่ยวไมโครโฟน” ของ “เดอะน้ำ” พ.อ.นที ที่ยึดฟลอร์ร่ายยาวเหตุผลความจำเป็นในการต้อน “เพจดัง” เข้าคอก หลังจบงานแต่ละคนก็ได้แต่พยักหน้างึกๆ รับทราบเป็นพิธี พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า เชิญ...มาทำไม??
ในขณะที่ กสทช.กำลัง “ตั้งไข่” การดูแลกิจการ OTT ก็มีข่าวว่า กสทช. เตรียมเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ในการจัดทำแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์ค-เสิร์ชเอ็นจิ้นใช้เองในประเทศ โดยเป็นข่าวเมื่อครั้ง พล.อ.อ. ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. ยกคณะไปเยือนประเทศรัสเซีย แล้วได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับกระทรวงโทรคมนาคมของรัสเซียในด้านต่างๆ
หนึ่งในนั้นคือการขอใช้โมเดลของรัสเซียในการพัฒนา “แพตฟอร์มแบบไทยๆ” ทั้งโซเชียลเน็ตเวิร์ค เสิร์ชเอนจิ้น โปรแกรมสนทนา เพื่อใช้ในประเทศของตัวเอง .. ว่าวซื่อๆ พูดตรงๆ ก็จะสร้าง “FACEBOOK ไทย - GOOGLE ไทย - LINE ไทย” นั่นเอง
คีย์แมนสำคัญของดีลนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ที่ร่วมคณะไปมอสโคว์ด้วย ได้สาธยายว่า ทางรัสเซียเสนอตัวช่วยพัฒนาแพลตฟอร์มให้กับประเทศไทย โดยรัสเซียถือหุ้น 49% ไทยถือหุ้น 51% หากสำเร็จตามแผนก็จะเป็นการอุดช่องโหว่ที่ไม่สามารถจัดเก็บรายได้ของ “ผู้ประกอบการแพตฟอร์มต่างๆ” ที่ให้บริการในประเทศไทย
ส่วนงบประมาณไม่มากไม่มายก็แค่ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท เท่านั้น เทียบกับรายได้ของ กสทช.แล้ว จิ๊บๆ
เป็นอีกหนึ่งเมกะโปรเจกต์ที่สร้างสรรค์โดย กสทช. ที่มีผลงานประจักษ์-ใช้เงินอย่างคุ้มค่ามาตลอด ทั้งการที่เพิ่งยอมเสีย 7 ล้านบาทต่อปี ในการสร้างแอดเค้าน์ทางการใน LINE Official เคยเจียดเงิน 12 ล้านบาท ทำ LINE Sticker ค่านิยม 12 ประการอันทรงคุณค่า
เป็น กสทช.ที่อุปโลกน์ตัวเป็น “นักล่าเน็ตไอดอล” ชงเอง-กินเองว่าตัวเองมีอำนาจ OTT แต่ก็ไม่มีปัญญาไปทำอะไร “เพจหมิ่นเหม่” ที่มีอยู่เกลื่อน FACEBOOK ทั้งที่อ้างว่าประสานไปทาง “หนุ่มมาร์ค” เจ้าพ่อซิลิคอนวัลเลย์ดิบดี
ไม่ต้องอะไรมากแค่พวกรีวิวสินค้าที่นู้ดโป๊เปลือยกันโจ๋งครึ้มผ่าน FACEBOOK อย่างกรณี “สบู่จิ๊มิ” ที่ด่าขรมกันทั้งเมือง อยากรู้ว่า “นักล่าเนตไอดอล” อย่าง กสทช.จะมีปัญญาไปทำอะไรหรือเปล่า
สุดท้ายต้องมานั่งร่อนหมายเชิญ “แอดมินเพจดัง” มาขอความร่วมมือแกมบังคับอย่างที่เห็น หนักเข้าก็ผูทางให้เลิกใช้ FACEBOOK ในประเทศไทย แล้วต้อนทุกเพจทุกค่ายมาเข้าคอก “แพตฟอร์มแบบไทยๆ”
โบราณว่า “คนฉลาดและขยัน” ต้องให้เป็นนายพล “คนฉลาดและขี้เกียจ” ให้เป็นผู้บังคับกอง “คนโง่และขี้เกียจ” ให้เป็นทหารเดินเท้า ส่วน “คนโง่และขยัน” ต้องประหารให้หมด
อันนี้แค่นึกขึ้นมาเล่นๆไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่จะว่าไปข้างต้นนะจ๊ะ.