วานนี้ (8 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พร้อมด้วยนางวิจิตรา จงทัน รองนายกสมาคมพืชไร่เพชรบูรณ์ ได้พาผู้เสียหายซึ่งถูกหลอกให้เลี้ยงกุ้งก้ามแดง หรือ เครฟิซ กว่า 10 ราย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีผู้ที่อ้างตัวเป็นประธานสหพันธ์กุ้งก้ามแดงเนื้อ หรือ กุ้งเครฟิซ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน , ความผิดตามพ.ร.ก.กู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น ทางผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์กับทางสมาคมฯว่า ถูกประธานสหพันธ์กุ้งก้ามแดงเนื้อ หลอกลวงโดยชักชวนให้ร่วมลงทุนเลี้ยงกุ้งพันธุ์ดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊กกลุ่มผู้เลี้ยงกุ้ง เช่น กลุ่มเครฟิซไทยแลนด์ ตั้งแต่ประมาณเดือนพ.ย.59 โดยอ้างว่า จะรับซื้อคืนเมื่อกุ้งโต ในราคาตั้งแต่กก.ละ 400-700 บาท แล้วแต่ขนาดของกุ้ง ซึ่งผู้สนใจจะต้องเสียเงินค่าสมัครขั้นต่ำ 15,000 บาท จะได้รับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กุ้งไปเลี้ยง
นอกจากนี้ยังมีการเปิดรับสมัครให้ผู้ที่ต้องการเป็นหัวหน้าสายระดับอำเภอ ซึ่งเสียเงินค่าสมัคร 30,000 บาท หรือหัวหน้าสายระดับจังหวัด เสียค่าสมัคร 50,000 บาท เมื่อสามารถชักชวนบอกต่อผู้อื่นให้มาสมัครเข้าร่วมเลี้ยงกุ้งดังกล่าว ซึ่งจะได้รับผลตอบแทน 10% จากเงินค่าสมัครสมาชิกของผู้สนใจรายใหม่ทันที เช่น ผู้สมัครสมาชิกจ่ายเงินขั้นต่ำ 15,000 บาท หัวหน้าสายก็จะได้รับเงินทันที 1,500 บาท ส่วนที่เหลือจึงนำส่งให้ทางสหพันธ์กุ้งก้ามแดงเนื้อฯ
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก เพราะประธานสหพันธ์กุ้งก้ามแดงเนื้อฯ จะสร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยวิธีการหลากหลาย เช่น การนำนักวิชาการ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงกุ้งพันธุ์นี้ มาบรรยายให้ความรู้ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ รวมทั้งมีการถ่ายภาพเผยแพร่ เมื่อมีการรับซื้อกุ้งดังกล่าว แต่พบข้อมูลว่า หลังจากต้องใช้เวลาเลี้ยงกุ้งนานกว่า 4-6 เดือน จนกุ้งโตได้ขนาด 4-6 นิ้ว ก็จะมีการรับซื้อคืนจริง เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ภายหลังก็ไม่ได้รับซื้อคืนแต่อย่างใด โดยกุ้งที่รับซื้อคืน ก็จะถูกนำไปใช้หลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นต่ออีก
"นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่าสหพันธ์แห่งนี้ ไม่ได้จดทะเบียนธุรกิจกับทางกระทรวงพาณิชย์แต่อย่างใด เป็นการแอบอ้างเพื่อหลอกลวง ซึ่งขณะนี้พบว่ามีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 2,000 รายจากทั่วประเทศ รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท" นายศรีสุวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้พร้อมสอบปากคำผู้เสียหานก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น ทางผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์กับทางสมาคมฯว่า ถูกประธานสหพันธ์กุ้งก้ามแดงเนื้อ หลอกลวงโดยชักชวนให้ร่วมลงทุนเลี้ยงกุ้งพันธุ์ดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊กกลุ่มผู้เลี้ยงกุ้ง เช่น กลุ่มเครฟิซไทยแลนด์ ตั้งแต่ประมาณเดือนพ.ย.59 โดยอ้างว่า จะรับซื้อคืนเมื่อกุ้งโต ในราคาตั้งแต่กก.ละ 400-700 บาท แล้วแต่ขนาดของกุ้ง ซึ่งผู้สนใจจะต้องเสียเงินค่าสมัครขั้นต่ำ 15,000 บาท จะได้รับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กุ้งไปเลี้ยง
นอกจากนี้ยังมีการเปิดรับสมัครให้ผู้ที่ต้องการเป็นหัวหน้าสายระดับอำเภอ ซึ่งเสียเงินค่าสมัคร 30,000 บาท หรือหัวหน้าสายระดับจังหวัด เสียค่าสมัคร 50,000 บาท เมื่อสามารถชักชวนบอกต่อผู้อื่นให้มาสมัครเข้าร่วมเลี้ยงกุ้งดังกล่าว ซึ่งจะได้รับผลตอบแทน 10% จากเงินค่าสมัครสมาชิกของผู้สนใจรายใหม่ทันที เช่น ผู้สมัครสมาชิกจ่ายเงินขั้นต่ำ 15,000 บาท หัวหน้าสายก็จะได้รับเงินทันที 1,500 บาท ส่วนที่เหลือจึงนำส่งให้ทางสหพันธ์กุ้งก้ามแดงเนื้อฯ
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก เพราะประธานสหพันธ์กุ้งก้ามแดงเนื้อฯ จะสร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยวิธีการหลากหลาย เช่น การนำนักวิชาการ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงกุ้งพันธุ์นี้ มาบรรยายให้ความรู้ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ รวมทั้งมีการถ่ายภาพเผยแพร่ เมื่อมีการรับซื้อกุ้งดังกล่าว แต่พบข้อมูลว่า หลังจากต้องใช้เวลาเลี้ยงกุ้งนานกว่า 4-6 เดือน จนกุ้งโตได้ขนาด 4-6 นิ้ว ก็จะมีการรับซื้อคืนจริง เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ภายหลังก็ไม่ได้รับซื้อคืนแต่อย่างใด โดยกุ้งที่รับซื้อคืน ก็จะถูกนำไปใช้หลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นต่ออีก
"นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่าสหพันธ์แห่งนี้ ไม่ได้จดทะเบียนธุรกิจกับทางกระทรวงพาณิชย์แต่อย่างใด เป็นการแอบอ้างเพื่อหลอกลวง ซึ่งขณะนี้พบว่ามีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 2,000 รายจากทั่วประเทศ รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท" นายศรีสุวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้พร้อมสอบปากคำผู้เสียหานก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป