xs
xsm
sm
md
lg

การเลือกตั้งน่าจะยังเป็นเรื่องเพ้อฝัน...

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

"โสภณ องค์การณ์"

ยุคการเมืองแข่งกันชิงอำนาจรัฐด้วยการทุ่มเงินซื้อเสียงผ่านกระบวนการเลือกตั้งน่าจะยังอยู่ห่างไกลเกินเอื้อมแม้จะมีเสียงสำทับซ้ำซากว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแหม็บๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่นั่นคือคำรับรอง รับประกันจำกัดเฉพาะเวลาที่พูดอยู่เท่านั้นแหละ

อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน โดยเฉพาะในเกมช่วงชิงอำนาจการเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง เมื่อใกล้ถึงเวลาเลือกตั้งอาจจะมีเหตุปัจจัยแปรผันทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเลื่อนเวลาไปก็ได้ มีคำอธิบายถึงความจำเป็น ความเหมาะสมสุดแต่จะอ้าง

เป็นธรรมชาติของผู้กุมอำนาจรัฐที่ต้องการอยู่ยาวผ่านการสืบทอดหรือทอดยาวอำนาจ ถึงจะไม่เป็นการเสพติดอำนาจ แต่ถ้าอยู่ในสภาวะที่ขี่หลังเสือ ย่อมไม่ต้องการลงจนกว่าเห็นแล้วว่าปลอดภัยหรือคนรับช่วงต่อการกุมอำนาจนั้นเป็นพวกเดียวกัน ไว้ใจได้

จะมีคนเดียวในประวัติศาสตร์การเมืองไทยคือ “ป๋าเปรม” ที่บอกว่า “ผมพอแล้ว” แต่นั่นก็หลังจาก 8 ปี ผ่านวิกฤตสารพัดทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ซึ่งมีทั้งความพยายามทำรัฐประหารโดย “คณะลูกๆ” การลดค่าเงินบาท ใกล้ถังแตกต้องวิ่งแลกเช็คกับธนาคาร

ช่วงนี้อำนาจพิเศษได้กดหัวทุกภาคส่วนของสังคม ทั้งเกมพรรคการเมือง กลุ่มกดดัน สื่อมวลชนและประชาชน หลังจาก 3 ปีผ่านไปมนต์เดิมๆ และคำมั่นสัญญาให้ชาวบ้านอดทนเริ่มขาดความขลัง ผลงานที่จำเป็นดันไม่เข้าตาชาวบ้าน มีปัญหาปากท้องสาหัส

ที่น่าห่วงคือปัญหาอาชญากรรมทุกรูปแบบกลับเป็นไปอย่างไร้วี่แววว่าจะลดน้อย เป็นเพราะความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ การรักษากฎหมายไม่เข้มงวด ความเรื้อรังในอาชญากรรมฉกชิงวิ่งราวปล้นธนาคาร ต้มตุ๋น รวมทั้งการละเมิดกฎหมายจราจร เด็กแว้น

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวโดยมีข้ออ้างรองรับ พร้อมเสียงโอดครวญเรื่องความจำเป็น โครงสร้างการทำงานไม่อำนวย นั่นนี่โน่น ทำให้คนไม่เกรงกลัวการละเมิดกฎหมาย เสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไม่ได้รับการตอบสนองจริงจัง

การเมืองเลือกตั้งจึงเป็นเหมือนขนมเค้กในอากาศ มีคนพูดกันเยอะ แต่ไม่มีใครรับประกันว่าจะได้กิน หลังจาก 4 คำถามลอยมาจากกลุ่มผู้กุมอำนาจรัฐ ก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยว่าสภาวะการเป็นตัวประกันของประชาชนจะจบเมื่อไหร่ เมื่อได้ยินคำถามแกมคำขู่

ฝรั่งมีคำพูดว่า “จะอยู่กับผีร้ายตัวเดิมที่คุ้นๆ หรือจะเสี่ยงชะตากับผีร้ายตัวใหม่?”

อันที่จริงกลุ่มผู้กุมอำนาจจากรัฐประหารหรือนักการเมืองกังฉินมาจากการซื้อเสียงเลือกตั้งก็เป็นผีร้ายกาจพอกัน เพียงแต่บางยุคใครจะหลอกลวงแหกตาชาวบ้านได้เนียนกว่า ซึ่งนั่นเป็นสภาวะ “อัปรีย์ไปจัญไรมา” โดยการเปรียบเทียบแบบไทยๆ ให้เข้าใจง่าย

ใครอุ้มพระประธานในโบสถ์มาอ้างดังๆ ว่าไม่มีใครในกลุ่มผู้กุมอำนาจรัฐปัจจุบันที่ต้องการสืบทอดอำนาจ เด็กอมมือก็ไม่เชื่อ อำนาจเป็นสิ่งหอมหวาน ผลประโยชน์ต่อเนื่อง เสริมวาสนา ทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะกล้าคัดค้านเมื่อมีอำนาจพิเศษกำกับอยู่

แต่เอาเถอะ เมื่อยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือมีเหตุชัดว่าจะไม่มีเลือกตั้ง ก็ต้องเชื่อไว้ก่อนแบบ “ฟังหูไว้หู” ว่าการเลือกตั้งควรจะมีตามคำพูดของผู้มีอำนาจซึ่งควรเชื่อถือได้ พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น เว้นแต่จะมีภาวะสุดวิสัยซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในโลกการเมืองแบบไทยๆ

แต่มีเสียงร่ำลือกันว่ามีขบวนการชักชวนโน้มน้าวนักการเมืองจากพรรคที่ภาพยัง พอจะดีอยู่ให้ไปเข้ากลุ่มการเมืองซึ่งจะสนับสนุนกลุ่มอำนาจใหม่สืบทอดต่อจากกลุ่มคุณท่านในปัจจุบัน และกลุ่มใหม่ที่ว่านั้นมีทั้งเงิน คนจากพรรคฐานแข็งแกร่งอยู่ภูธร

ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง แสดงว่ามีใครสักคนในกลุ่มอำนาจปัจจุบันอยากอยู่เป็นใหญ่ต่ออีก อาจไม่ใช่การเสพติดอำนาจ แต่ต้องการอยู่เพื่อปกป้องตัวเอง กุมอำนาจรัฐ ไม่ต้องการให้กลุ่มที่เพิ่งเสียผลประโยชน์ได้เข้ามาแล้วปฏิบัติเช็คบิลเอาคืน ลงจากหลังเสือแล้วจบเห่

ค่ายที่ว่าภาพลักษณ์ยังพอดูได้ ก็คงจะเป็นค่ายสะตอนั่นเอง จะว่าเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นคงไม่ใช่ เพราะค่ายนี้มีประวัติโตแล้วแตก ทะเลาะกันแล้วแยกเมื่อผลประโยชน์ทางอำนาจขัดกัน เป็นมาแล้วหลายรุ่น ที่ยังไม่ล้มหายตายจากไปก็อยู่ให้เห็นรอวันเลือกตั้ง

พรรคฐานแข็งในถิ่นภูธรที่ว่ากันนี้น่าจะรู้ว่าเป็นใคร มีฐานการเงินแกร่งแน่นขนาดไหน มีความเชื่อมโยงกับทุกกลุ่มอำนาจ โดยเฉพาะคนที่ยังทะเยอทะยานกับอำนาจและมีแผลจำเป็นต้องปกป้องตัวเองไม่ยอมให้โจทย์มาเล่นงานเหมือนท่านบิ๊กบังที่เป็น “บังเละ”

ทุกอย่างไม่แน่ เมื่อมีข้อเสนอทั้งเงินทองและตำแหน่ง ผลประโยชน์ต่างๆ ความจงรักภักดีของนักเลือกตั้งมักมีไว้ขายให้สำหรับผู้เสนอราคาสูงสุดเสมอ มีข่าวแว่วว่าความพยายามชักชวนคนให้ตีจากค่ายสะตอได้สร้างความไม่พอใจกับปฏิบัติการตีท้ายครัวมาก

ที่ผ่านมาข้อเสนอให้ย้ายค่ายยังไม่เป็นไปในลักษณะเหวี่ยงแหอย่างที่เคยเกิดขึ้นดังเช่นปรากฏการณ์ “งูเห่า” ทำให้คนจาก “พรรคมาร” กลายสภาพมาเป็นกลุ่ม “พรรคเทพ” ดูดีขึ้นทันตาเห็นเพราะทำให้กลุ่มมารหมดโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาล จำต้องกินแห้ว

กลุ่มใหม่กระสันอำนาจต้องการให้มีเสียง “ยี้” น้อยที่สุดถ้าจะทุ่มทุนเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล มีความลื่นไหลในการเปลี่ยนผ่านอำนาจ การลงจากหลังเสือไม่เสียวสันหลังด้วย

ภาพจะชัดเมื่อมีความแน่นอนว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น ถ้าย้ายค่ายไปจริงเป็นข่าว ดัง ถ้าการเลือกตั้งเลื่อนไป การเสียผู้เสียคนเป็นหมาหัวเน่าจะเกิดขึ้นมาแทน แต่นักเลือกตั้งโดยทั่วไปไม่แคร์ การเมืองแบบไทยๆ ไม่มีอุดมการณ์มีแต่ให้ผลประโยชน์ลงตัว

ดังนั้น การจัดทำกฎหมายลูกสำหรับการเลือกตั้ง หรือเสียงเจี๊ยวจ๊าวเรื่องการเซ็ตซีโร่ล้างไพ่สำหรับองค์กรอิสระเป็นเพียงพิธีกรรมจำเป็นเมื่อต้องมีการเลือกตั้งเท่านั้น ถ้าทุกอย่างพร้อม สถานการณ์เป็นใจ ตกลงกันได้เรื่องผลประโยชน์จะเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ย่อมได้

ถ้าการลงจากหลังเสือยังไม่ปลอดภัย มีความเสี่ยงสูง การเลือกตั้งคงยังไม่มีแน่! ต้องหาเหตุอยู่ต่อ ตั้งคำถามใหม่เรื่อยๆ ลองโยนหินถามทาง ถามใจประชาชน ทำให้ดูเนียนขึ้น หรือเกิดมีเหตุร้ายนั่นนี่โน่น ทำให้จำเป็นต้องเลื่อน ก็ดีกว่าให้คนอื่นกำหนดเกมชะตากรรม

การเมืองไทยอย่าคิดวางแผนอะไรมาก ไม่มีหลักการจริงจังอะไร เห็นๆ กันอยู่!


กำลังโหลดความคิดเห็น