ผู้จัดการรายวัน360-ตำรวจค้นบ้าน "ปิยฉัตร อรุณสกุล" ผู้จัดการวัดวังตะวันตก หนึ่งในผู้ต้องหาฆ่าฝังดิน "เณรปลื้ม" พบหลังฐานทางการเงินของวัดจำนวนมาก อึ้ง! บัญชีวัดเหลือแค่หลักร้อย และหลักพันบาท แต่ของเจ้าตัวมีหมุนเวียนหลักล้าน ด้านสำนักพุทธศาสนาเผยปี 59 วัดแจ้งมีรายได้แค่ 2.64 ล้านบาท เตรียมเข้าไปดูแลรายได้ของวัดต่อไป ล่าสุดตำรวจจับทีมฆ่าได้อีก 1 คน คาดขยายผลเตรียมรวบอีก 8 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (5 มิ.ย.) ชุดสืบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าค้นบ้านพระนาย เลขที่ 46/21 หมู่ที่ 2 ต.ปากนคร ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล หรือบิว หนึ่งในผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ และปิดบังซ่อนเร้นสาเหตุแห่งการตาย เจ้าหน้าที่พบหลักฐานจำนวนมาก โดยเฉพาะใบเสร็จรับเงินค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ของวัด ซึ่งมียอดจ่ายเดือนละราวเกือบ 4 พันบาท จึงเป็นตัวเลขที่คำนวณแล้วพบว่า ต่อเดือนวัดจะมีรายได้เฉลี่ยจากค่าเช่าถึงกว่า 3.5 แสนบาท
นอกจากนั้น ยังพบบัญชีเงินฝากของวัดหลายเล่ม มีเงินหลงเหลืออยู่ในบัญชีในระดับหลักร้อยบาท ไปจนถึงหลัก 1 หมื่นบาทเศษ ส่วนบัญชีของ น.ส.ปิยฉัตร มีวงเงินหมุนเวียนนับล้านบาท
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้อายัดตู้เซฟขนาดใหญ่เอาไว้ แต่ยังไม่สามารถเปิดดูภายในได้ และยังพบหลักฐานอื่นๆ เช่น ผ้าไตรจีวร ใบตราตั้งสมณศักดิ์จากพระราชปฏิภาณโสภณ เลื่อนสมศักดิ์สูงขึ้นเป็นพระเทพสิริโสภณ ถูกซุกอยู่ในตู้เสื้อผ้า รังนกอีแอ่นหลายกิโลกรัม ซึ่งถูกระบุว่าเป็นรังนกที่ได้จากอาคารภายในวัด โดยถูกเก็บออกมาขายเป็นรายเดือนเฉลี่ยเดือนละราว 10 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 3-6 แสนบาท ไม่นับรวมรายได้เงินสดรายวันจากค่าจอดรถ และค่าเช่าแผงพระเครื่อง ซึ่งต้องจ่ายทั้งรายวัน และรายเดือนอีกประมาณวันละ 1.5-2 หมื่นบาท
นายจรัญ มารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตามระเบียบ เมื่อสิ้นปีทางวัดทุกวัด จะต้องส่งบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัดมาที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด เพื่อส่งต่อไปให้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยรายรับ รายจ่าย ที่วัดวังตะวันตก ส่งมาให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนั้น เมื่อปี 2559 มีรายรับ 2,646,992 บาท ส่วนรายจ่าย 1,989,724 บาท วัดมีรายได้สุทธิ 657,268 บาท โดยทางวัดแจ้งมาว่า รายได้มาจากค่าที่จอดรถ ค่าแผงเช่าวัตถุมงคล ค่าเช่าอาคาร และเงินที่มาจากตู้บริจาค ส่วนรายจ่าย เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าจ้างพนักงานขับรถ ค่าน้ำมันรถ และค่าภัตตาหารเจ้าอาวาส และพระชั้นผู้ใหญ่ ส่วนรายรับรายจ่ายปี 2560 จะมีการส่งข้อมูลมาให้เมื่อสิ้นปี
รายงานข่าวแจ้งว่า ค่าที่จอดรถ และค่าเช่าแผงวัตถุมงคล ที่ทางวัดจัดเก็บได้นั้น เฉลี่ยวันละ 15,000 บาท ซึ่งปีหนึ่งทางวัดจะมีรายได้มหาศาลถึง 5,400,000 บาท ยังไม่รวมค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ของวัดที่ให้เอกชนเช่าเกือบ 80 หลัง ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจะเข้าไปดูแลร่วมกับทางวัดต่อไป
วันเดียวกันนี้ มีรายงานข่าวว่า พระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตกและอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เดินทางออกมาจากวัดวังตะวันตก ไปพำนักอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช โดยอยู่ในอาการเครียดกับเหตุการณ์สามเณรศุภโชค เอกเกียรติกุล หรือสามเณรปลื้ม ถูกฆ่า โดยมีลูกศิษย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และมีพระสงฆ์ที่สนิทและเคารพเดินทางมาเยี่ยมเป็นระยะ
ส่วนความคืบหน้าคดีฆ่าฝังดินสามเณรปลื้ม ล่าสุดได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 คน คือ นายนที ศรีดร หรือ เบนซ์ ผู้ร่วมขุดหลุมฝังศพ และตำรวจได้ควบคุมตัวได้แล้ว และมีแนวโน้มว่าจะสาวไปถึงผู้ร่วมกระทำผิดได้ถึง 8 คน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 3 คน คือ นายเด่นชัย ภูมินิยม , น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล ผู้จัดการวัดวังตะวันตก และนายสุริยา กุศลสุข ที่ขณะนี้ถูกควบคุมตัวส่งไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (5 มิ.ย.) ชุดสืบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าค้นบ้านพระนาย เลขที่ 46/21 หมู่ที่ 2 ต.ปากนคร ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล หรือบิว หนึ่งในผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ และปิดบังซ่อนเร้นสาเหตุแห่งการตาย เจ้าหน้าที่พบหลักฐานจำนวนมาก โดยเฉพาะใบเสร็จรับเงินค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ของวัด ซึ่งมียอดจ่ายเดือนละราวเกือบ 4 พันบาท จึงเป็นตัวเลขที่คำนวณแล้วพบว่า ต่อเดือนวัดจะมีรายได้เฉลี่ยจากค่าเช่าถึงกว่า 3.5 แสนบาท
นอกจากนั้น ยังพบบัญชีเงินฝากของวัดหลายเล่ม มีเงินหลงเหลืออยู่ในบัญชีในระดับหลักร้อยบาท ไปจนถึงหลัก 1 หมื่นบาทเศษ ส่วนบัญชีของ น.ส.ปิยฉัตร มีวงเงินหมุนเวียนนับล้านบาท
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้อายัดตู้เซฟขนาดใหญ่เอาไว้ แต่ยังไม่สามารถเปิดดูภายในได้ และยังพบหลักฐานอื่นๆ เช่น ผ้าไตรจีวร ใบตราตั้งสมณศักดิ์จากพระราชปฏิภาณโสภณ เลื่อนสมศักดิ์สูงขึ้นเป็นพระเทพสิริโสภณ ถูกซุกอยู่ในตู้เสื้อผ้า รังนกอีแอ่นหลายกิโลกรัม ซึ่งถูกระบุว่าเป็นรังนกที่ได้จากอาคารภายในวัด โดยถูกเก็บออกมาขายเป็นรายเดือนเฉลี่ยเดือนละราว 10 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 3-6 แสนบาท ไม่นับรวมรายได้เงินสดรายวันจากค่าจอดรถ และค่าเช่าแผงพระเครื่อง ซึ่งต้องจ่ายทั้งรายวัน และรายเดือนอีกประมาณวันละ 1.5-2 หมื่นบาท
นายจรัญ มารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตามระเบียบ เมื่อสิ้นปีทางวัดทุกวัด จะต้องส่งบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัดมาที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด เพื่อส่งต่อไปให้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยรายรับ รายจ่าย ที่วัดวังตะวันตก ส่งมาให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนั้น เมื่อปี 2559 มีรายรับ 2,646,992 บาท ส่วนรายจ่าย 1,989,724 บาท วัดมีรายได้สุทธิ 657,268 บาท โดยทางวัดแจ้งมาว่า รายได้มาจากค่าที่จอดรถ ค่าแผงเช่าวัตถุมงคล ค่าเช่าอาคาร และเงินที่มาจากตู้บริจาค ส่วนรายจ่าย เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าจ้างพนักงานขับรถ ค่าน้ำมันรถ และค่าภัตตาหารเจ้าอาวาส และพระชั้นผู้ใหญ่ ส่วนรายรับรายจ่ายปี 2560 จะมีการส่งข้อมูลมาให้เมื่อสิ้นปี
รายงานข่าวแจ้งว่า ค่าที่จอดรถ และค่าเช่าแผงวัตถุมงคล ที่ทางวัดจัดเก็บได้นั้น เฉลี่ยวันละ 15,000 บาท ซึ่งปีหนึ่งทางวัดจะมีรายได้มหาศาลถึง 5,400,000 บาท ยังไม่รวมค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ของวัดที่ให้เอกชนเช่าเกือบ 80 หลัง ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจะเข้าไปดูแลร่วมกับทางวัดต่อไป
วันเดียวกันนี้ มีรายงานข่าวว่า พระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตกและอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เดินทางออกมาจากวัดวังตะวันตก ไปพำนักอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช โดยอยู่ในอาการเครียดกับเหตุการณ์สามเณรศุภโชค เอกเกียรติกุล หรือสามเณรปลื้ม ถูกฆ่า โดยมีลูกศิษย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และมีพระสงฆ์ที่สนิทและเคารพเดินทางมาเยี่ยมเป็นระยะ
ส่วนความคืบหน้าคดีฆ่าฝังดินสามเณรปลื้ม ล่าสุดได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 คน คือ นายนที ศรีดร หรือ เบนซ์ ผู้ร่วมขุดหลุมฝังศพ และตำรวจได้ควบคุมตัวได้แล้ว และมีแนวโน้มว่าจะสาวไปถึงผู้ร่วมกระทำผิดได้ถึง 8 คน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 3 คน คือ นายเด่นชัย ภูมินิยม , น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล ผู้จัดการวัดวังตะวันตก และนายสุริยา กุศลสุข ที่ขณะนี้ถูกควบคุมตัวส่งไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช