ผมคิดว่าปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายคนคงงงกับคำถาม 4 ข้อของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ไม่ใช่เพราะเป็นคำถามที่ตอบยากหรืออะไร แต่ที่งงก็คือ อ่านดูแล้วคำถามทั้ง 4 ข้อ น่าจะเป็นโจทย์ที่พล.อ.ประยุทธ์เองนั่นแหละต้องคิดว่าจะแก้อย่างไรตั้งแต่วันแรกที่ทำรัฐประหาร ไม่ใช่มาถามในวันที่ยึดอำนาจผ่านมาแล้ว 3 ปี
ดังนั้น พอส่งคำถามนี้สู่สังคมก็เกิดเป็นเสียงที่สะท้อนกลับไปยังตัวของพล.อ.ประยุทธ์เองว่า ภารกิจที่ตัวเองควรจะทำใน 3 ปีนั้นล้มเหลว ยังไม่มั่นใจว่า เลือกตั้งแล้วจะได้คนดีเข้ามามีอำนาจ พูดง่ายๆ ก็คือ ขอเวลาอยู่ต่อเพื่อปฏิบัติภารกิจให้บรรลุเป้าหมายเสียก่อนใช่หรือไม่
จนกระทั่งพล.อ.ประยุทธ์ต้องออกมาชี้แจงว่า ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเลื่อนเลือกตั้ง ทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแมปเหมือนเดิม แต่ที่ต้องออกมาตั้งคำถามเพราะวันนี้มีการพูดในระดับท้องถิ่น ชุมชน และหมู่บ้าน เดินสายพูดอยู่ข้างล่างและบิดเบือนทุกอย่าง โจมตีตัวเองทางสื่อ จึงได้ถามกลับไปว่าสิ่งที่พวกเขาพูดมาทั้งหมดนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ เช่นที่บอกว่าหากได้กลับมาเป็นรัฐบาลก็จะให้มีโครงการรับจำนำข้าวอีก กลับมาแล้วจะทำหลายอย่างที่ประชาชนได้รับผลประโยชน์โดยตรง จึงได้ถามว่าถ้าปัญหาเหล่านี้กลับมา ประชาชนจะทำอย่างไร
“ในเมื่อเขาเล่นงานผม ผมก็ต้องถามกลับไปบ้าง แล้วทำไมจะต้องฟังแต่เขาข้างเดียวหรือ ผมไม่มีโอกาสจะพูดอะไรเลยหรือ”
ถ้าว่ากันตามความเป็นจริงแล้วสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์พูดว่าถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีกับประชาชนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร เพราะพล.อ.ประยุทธ์วางตัวเองเป็นศัตรูของนักการเมือง แถมรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติยังเปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เปิดโอกาสให้ คสช.คุมอำนาจต่อไปอีก 5 ปี และเปิดโอกาสให้ ส.ว.ที่ คสช.แต่งตั้งทั้งทางตรงและทางอ้อม 250 คนร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย
นอกจากนั้นรัฐธรรมนูญยังเขียนให้ คสช.กุมอำนาจไปอีก 5 ปี ใครๆ ก็เลยคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์นั่นแหละจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก หนำซ้ำ พล.อ.ประยุทธ์ยังมีมาตรา 44 จากรัฐธรรมนูญชั่วคราวอยู่ในมือจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ สามารถหยิบมาใช้เพื่อเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือก็ยังได้
แถมตลอดเวลาพล.อ.ประยุทธ์โจมตีความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยภายใต้นักการเมืองมาตลอด ดังนั้น จะแปลกอะไรล่ะถ้าฝ่ายตรงข้ามเขาจะโจมตีพล.อ.ประยุทธ์บ้าง
แต่แทนที่จะตอบโต้ด้วยการถามกลับประชาชน ผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์มีเครื่องมือสรรพกำลังมากพอที่จะชี้แจงให้สังคมรู้ว่าได้ทำอะไรไปบ้างในรอบ 3 ปี เว้นเสียแต่ว่าเอาเข้าจริงแล้ว 3 ปีนี้ยังไม่มีผลงานอะไรเลยที่จะชี้แจง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปรองดอง การปฏิรูป และการปราบปรามการทุจริตที่เคยประกาศมาตั้งแต่เข้ามายึดอำนาจ
อำนาจรัฐก็อยู่ในมือ เครื่องไม้เครื่องมือกระบอกเสียงก็เหนือกว่าทุกอย่าง
แต่หากสดับคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ที่ว่า “เพราะวันนี้มีการพูดในระดับท้องถิ่น ชุมชน และหมู่บ้าน เดินสายพูดอยู่ข้างล่างและบิดเบือนทุกอย่าง” นั่นแปลว่าฐานมวลชนของฝ่ายตรงข้ามยังเหนียวแน่น อาจจะพูดได้ว่า ถ้ากลับไปเลือกตั้งเมื่อไหร่คนเหล่านั้นก็เลือกพรรคของทักษิณกลับมาอีก
สอดคล้องกับโพลของกรุงเทพโพลที่ออกมาตอนต้นสัปดาห์ว่า การเลือกตั้งในอนาคตประชาชนจะเลือกพรรคไหน พรรคเพื่อไทย อยู่ที่ร้อยละ 17.8 (เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจเมื่อเดือนมกราคม 2560 ร้อยละ 2.1) รองลงมา คือ พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีคะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 15.6 (ลดลงร้อยละ 1.9) พรรครักประเทศไทย มีคะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 1.5 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1) พรรคชาติไทยพัฒนา มีคะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 1.0 (ลดลงร้อยละ 0.9) พรรคภูมิใจไทย มีคะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 0.8 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5) และพรรคพลังชล มีคะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 0.3 (ลดลงร้อยละ 0.1)
แถมประชาชนเกินครึ่งคือ ร้อยละ 50.6 อยากให้มีการเลือกตั้งเร็วๆ ที่สุด แต่พอถามว่าอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนเกินครึ่งคือ ร้อยละ 52.8 กลับตอบว่า อยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ
เมื่อประมวลผลของโพลนี้ก็จะได้บทสรุปแบบแปลกนะครับว่า คนเกินครึ่งอยากเลือกตั้งเร็วๆ แล้วจะออกไปเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมาก แต่อยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ งงไหมล่ะครับ
ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนเขียนคำถาม 4 ข้อให้หรือพล.อ.ประยุทธ์คิดเองนะครับ บอกตรงๆ ว่าไม่ฉลาดเลย เพราะเมื่อปฏิเสธว่าไม่ได้ถามเพราะอยากเลื่อนเลือกตั้ง คนเขากลับถามว่า ไอ้ 4 คำถามที่ท่านถามมานั่นมันเป็นสิ่งที่ท่านต้องทำหลังจากเข้ามายึดอำนาจไม่ใช่เหรอ แสดงว่าที่ผ่านมา 3 ปีนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรในทางที่ดีขึ้นมาเลย เลือกตั้งแล้วจึงกลัวว่าบ้านเมืองจะกลับไปสู่วังวนเก่าอีก
ผมลองตอบ 4 คำถามของท่านดูนะครับ ไม่ตั้งใจจะส่งไปที่ศูนย์ดำรงธรรมหรอก เพราะไม่มั่นใจว่า ทีมงานของท่านจะคัดเอาสิ่งที่ไม่ตรงกับใจส่งไปให้นายอ่านหรือไม่ ก็เลยลองตอบเอาตรงนี้ก็แล้วกัน
1. ท่านคิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลหรือไม่
ตอบ รัฐบาลนี้ซึ่งมีอำนาจมา 3 ปีแล้ว และเป็นผู้ออกแบบรัฐธรรมนูญได้เขียนกติกาป้องกันไม่ให้รัฐบาลที่ไม่มีธรรมาภิบาลเข้ามามีอำนาจหลังเลือกตั้งไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่
2. หากไม่ได้จะทำอย่างไร
ตอบ คำถามนี้พล.อ.ประยุทธ์น่าจะต้องถามตัวเองมากกว่า เพราะถ้าทำข้อ 1 ไม่ได้มันก็ต้องถามกลับว่ารัฐบาลได้ทำอะไรบ้างใน 3 ปีที่ผ่านมา
3. การเลือกตั้งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้งอย่างเดียวที่ไม่คำนึงถึงอนาคตของประเทศและเรื่องอื่นๆ เช่น ประเทศชาติจะมียุทธศาสตร์และการปฏิรูปหรือไม่นั้น ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
ตอบ ต้องถามกลับว่า 3 ปีที่ผ่านมาและ 1 ปีกว่าๆ จากนี้รัฐบาลได้มียุทธศาสตร์อะไรไปแล้วบ้าง และได้มีการปฏิรูปอะไรแล้วหรือไม่ ทำไมทำมาแล้ว 3 ปียังคิดว่าประเทศชาติยังหาทางออกไม่เจอ ถ้าเลือกตั้งจะได้ผลลัพธ์แบบเก่าอีก
และ 4. ท่านคิดว่ากลุ่มนักการเมือง ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกกรณี ควรจะมีโอกาสเข้ามาสู่การเลือกตั้งอีกหรือไม่ หากเข้ามาได้อีกเกิดปัญหาอีก แล้วจะให้ใครแก้ไข และแก้ไขด้วยวิธีอะไร
ตอบ คำตอบนี้เป็นคำตอบเดียวกับข้อ 1 และข้อ 2 รัฐบาลนี้ได้เขียนกติกาป้องกันไม่ให้คนที่เหมาะสมเข้ามามีอำนาจหรือไม่ เราไม่สามารถบังคับประชาชนให้เลือกใครคนใดคนหนึ่งได้ แต่เราสร้างกติกาที่ป้องกันคนไม่ดีเข้ามามีอำนาจได้ ท่านได้ทำอะไรหรือยัง ส่วนที่ถามว่า หากเข้ามาได้อีกเกิดปัญหาอีก แล้วจะให้ใครแก้ไข และแก้ไขด้วยวิธีอะไร #คำตอบของตรงนี้ก็คือ ตอนนี้ประชาชนเขาให้พวกท่านแก้ไขอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วตกลงแก้ไม่ได้ใช่ไหม
สรุปแล้วคนที่ถามคำถามทั้ง 4 ข้อ ควรเป็นประชาชนที่ฝากความหวังไว้กับพล.อ.ประยุทธ์ และคนตอบควรเป็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเองไม่ใช่หรือ
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan