นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กล่าวถึงกรณี แกนนำ กปปส. หวนกลับเข้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อออกมาต่อสู้เพื่อให้ชาติปลอดภัย และเมื่อเสร็จภารกิจ ก็กลับไปทำหน้าที่นักการเมืองในพรรคที่เขาสังกัด
ส่วนที่มีการพูดว่านายสุเทพ ส่งคนไปยึดพรรค เพื่อเปลี่ยนหัวหน้าพรรคนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีสมาชิกเป็นล้านๆ คน แต่ กปปส.ที่ไปมีแค่ 8 คน จะไปเปลี่ยนอะไรได้ เขาก็แค่ไปก็ไปทำหน้าที่ของเขาในพรรคการเมืองของเขา เพียงแต่ว่าคนเหล่านี้อาจจะมีความคิดเหมือนมวลมหาประชาชน คือมีความคิดที่จะปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปพรรคการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองเป็นพรรคของประชาชน เพราะในอดีตมันเป็นของนักการเมือง และกลุ่มผลประโยชน์ บ้านเมืองจึงมีปัญหา ยืนยันว่า ตนจะไม่เข้าไปกำกับ หรือแทรกแซงให้วุ่นวาย แต่จะทำงานในฐานะประชาชน คือ เรียกร้อง ผลักดัน ให้มีการปฏิรูปประเทศ ตามเจตนารมณ์ของประชาชน
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการประกาศสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ ต่อไป ก็เพื่อให้ทำการปฏิรูปประเทศไทย ตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน
"ถ้ามีการเลือกตั้ง ก็หวังให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไป ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะมีความรู้สึกอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวกัน เพราะผมไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์แล้ว ซึ่งจากการติดตามดู 3 ปี ที่ท่านทำงานมา ถือว่าทำงานได้ดี มีผลงานหลายอย่างที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอาจทำไม่ได้ และความคิดอ่านหลายเรื่อง ตรงกับใจประชาชน อย่างเช่นเรื่องที่มีคณะกรรมการฯชุดหนึ่ง เสนอเอาสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปขึ้นกับกระทรวงยุติธรรม แล้วบอกนั่นคือการปฏิรูปตำรวจ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกไม่ใช่ ซึ่งถูกใจผมมาก เพราะถ้าจะปฏิรูปตำรวจ ต้องเพื่อประชาชน ท่านเสนอให้เอาตำรวจไปขึ้นกับจังหวัด อันนี้ตรงใจผมเป๊ะเลย ที่ผ่านมาผมเคยบอกว่า ผมเหมือนเป็นร่างทรงของประชาชน พูดตามสิ่งที่ประชาชนคิด แต่ประชาชนที่เขาไม่มีโอกาสพูด เมื่อก็พูดแทนเขา และเสียงประชาชนก็สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แม้จะมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ในช่วงเปลี่ยนผ่านก็อยากให้ประเทศอยู่รอดปลอดภัย"
เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ หากมาเป็นนายกฯ โดยไม่มีพรรคการเมืองใหญ่สนับสนุน ต้องอาศัยเสียงจากพรรคเล็ก พรรคน้อย จะสามารถบริหารประเทศได้อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ในรธน. มีบทเฉพาะกาลที่จะให้วุฒิสมาชิก ลงคะแนนเสียงเลือกนายกฯได้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกฯได้ ต้องมีเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า 251 เสียง และที่พูดทั้งหมด ก็เพื่อบอกบรรดานักการเมืองว่า ประชาชนสนับสนุน อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ และพล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องตั้งพรรคการเมืองก็ได้ หากมีนักการเมือง และวุฒิสมาชิกสนับสนุน แต่พล.อ.ประยุทธ์ จะตั้งพรรคก็ได้ หรือใครจะตั้งพรรคแล้วประกาศสนับสนุนก็ได้
ส่วนที่มีการพูดว่านายสุเทพ ส่งคนไปยึดพรรค เพื่อเปลี่ยนหัวหน้าพรรคนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีสมาชิกเป็นล้านๆ คน แต่ กปปส.ที่ไปมีแค่ 8 คน จะไปเปลี่ยนอะไรได้ เขาก็แค่ไปก็ไปทำหน้าที่ของเขาในพรรคการเมืองของเขา เพียงแต่ว่าคนเหล่านี้อาจจะมีความคิดเหมือนมวลมหาประชาชน คือมีความคิดที่จะปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปพรรคการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองเป็นพรรคของประชาชน เพราะในอดีตมันเป็นของนักการเมือง และกลุ่มผลประโยชน์ บ้านเมืองจึงมีปัญหา ยืนยันว่า ตนจะไม่เข้าไปกำกับ หรือแทรกแซงให้วุ่นวาย แต่จะทำงานในฐานะประชาชน คือ เรียกร้อง ผลักดัน ให้มีการปฏิรูปประเทศ ตามเจตนารมณ์ของประชาชน
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการประกาศสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ ต่อไป ก็เพื่อให้ทำการปฏิรูปประเทศไทย ตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน
"ถ้ามีการเลือกตั้ง ก็หวังให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไป ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะมีความรู้สึกอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวกัน เพราะผมไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์แล้ว ซึ่งจากการติดตามดู 3 ปี ที่ท่านทำงานมา ถือว่าทำงานได้ดี มีผลงานหลายอย่างที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอาจทำไม่ได้ และความคิดอ่านหลายเรื่อง ตรงกับใจประชาชน อย่างเช่นเรื่องที่มีคณะกรรมการฯชุดหนึ่ง เสนอเอาสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปขึ้นกับกระทรวงยุติธรรม แล้วบอกนั่นคือการปฏิรูปตำรวจ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกไม่ใช่ ซึ่งถูกใจผมมาก เพราะถ้าจะปฏิรูปตำรวจ ต้องเพื่อประชาชน ท่านเสนอให้เอาตำรวจไปขึ้นกับจังหวัด อันนี้ตรงใจผมเป๊ะเลย ที่ผ่านมาผมเคยบอกว่า ผมเหมือนเป็นร่างทรงของประชาชน พูดตามสิ่งที่ประชาชนคิด แต่ประชาชนที่เขาไม่มีโอกาสพูด เมื่อก็พูดแทนเขา และเสียงประชาชนก็สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แม้จะมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ในช่วงเปลี่ยนผ่านก็อยากให้ประเทศอยู่รอดปลอดภัย"
เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ หากมาเป็นนายกฯ โดยไม่มีพรรคการเมืองใหญ่สนับสนุน ต้องอาศัยเสียงจากพรรคเล็ก พรรคน้อย จะสามารถบริหารประเทศได้อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ในรธน. มีบทเฉพาะกาลที่จะให้วุฒิสมาชิก ลงคะแนนเสียงเลือกนายกฯได้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกฯได้ ต้องมีเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า 251 เสียง และที่พูดทั้งหมด ก็เพื่อบอกบรรดานักการเมืองว่า ประชาชนสนับสนุน อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ และพล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องตั้งพรรคการเมืองก็ได้ หากมีนักการเมือง และวุฒิสมาชิกสนับสนุน แต่พล.อ.ประยุทธ์ จะตั้งพรรคก็ได้ หรือใครจะตั้งพรรคแล้วประกาศสนับสนุนก็ได้