“สุเทพ” ย้ำคำเดิม หนุน “ประยุทธ์” นั่งนายกฯ หากมีเลือกตั้ง บอกไม่จำเป็นต้องตั้งพรรคการเมืองเหตุ รธน.มีช่อง ฝากนักการเมืองต้องปรับตัวฟังความเห็น ปชช.เป็นหลัก แจง กปปส.กลับพรรคหวังร่วมมือปฏิรูปประเทศ เชื่อเลือกตั้งตามโรดแมป ขออย่าสร้างกระแส
วันนี้ (1 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) และอดีตเลขาธิการ กปปส. กล่าวถึงกรณีที่แกนนำ กปปส.เดินทางไปที่พรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นปรากฏการณ์ธรรมดาและคนที่ติดตามการกิจกรรมของมวลมหาประชาชนจะเข้าใจดี การเคลื่อนไหวของเรามีทุกชนชั้นหลายอาชีพมาต่อสู้เพื่อให้ชาติปลอดภัย และเมื่อเสร็จภารกิจก็กลับไปทำหน้าที่นักการเมืองในพรรคการเมืองที่เขาสังกัด
ส่วนที่มีการพูดว่านายสุเทพส่งคนไปยึดพรรค แกนนำ กปปส.ที่เข้าไปที่พรรคจะมีการไปเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรค นายสุเทพกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกเป็นล้านๆ คน แต่ กปปส.ที่ไปวันนั้นมีแค่ 8 คน จะไปเปลี่ยนอะไรได้ คิดว่าเขาไปก็ไปทำหน้าที่ของเขาในพรรคการเมืองของเขา เพียงแต่ว่าคนเหล่านี้อาจจะมีความคิดเหมือนมวลมหาประชาชนที่ติดตัวไปพรรค คือมีความคิดที่จะปฏิรูปการเมือง มีความคิดปฏิรูปพรรคการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองเป็นพรรคการเมืองของประชาชนและทำการเมืองเพื่อประชาชน การเมืองในอนาคตจะได้เป็นการเมืองเพื่อประชาชน ในอดีตการเมืองเป็นของนักการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ บ้านเมืองจึงมีปัญหา และตนบอกเลยว่าไม่กลับพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนใครจะกลับไปที่พรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นสิทธิและเป็นเรื่องของเขา ตนจะไม่เข้าไปกำกับหรือแทรกแซงวุ่นวาย แต่ในขณะเดียวกัน ตนก็จะทำงานในฐานะประชาชน คือเรียกร้องผลักดันให้มีการปฏิรูปประเทศตามเจตนารมณ์ของประชาชน
เมื่อถามว่า มีแกนนำ กปปส.เข้าหารือหรือขอคำแนะนำเรื่องการไปพรรคประชาธิปัตย์ในวันดังกล่าวหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มีเพราะเราตกลงกันแล้วว่าเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในการต่อสู้ ต่างคนก็กลับไปที่ที่ตัวเองมา มีหน้าที่มีอาชีพอะไรก็กลับไป แต่ตนไม่กลับ
เมื่อถามว่า แต่ด้วยบารมีที่มีอยู่แม้ว่าออกมาอยู่นอกพรรคแล้วหลายคนเชื่อว่ายังจะสามารถให้คำปรึกษาแนะนำได้ นายสุเทพกล่าวว่า ตนจะไม่ทำแล้ว วันนี้วางตัวเองว่าอยู่กับมวลมหาประชาชนแล้ว จะพูดจะคิด จะทำอะไรก็จะทำในฐานะประชาชน ตนแสดงออกอย่างเปิดเผยไม่ปิดบังใคร อย่างที่ประกาศสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อทำการปฏิรูปประเทศไทยตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน ถ้ามีการเลือกตั้งทั่วไปก็หวังให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไป ตนก็ตรงไปตรงมาอย่างนี้ กับพรรคประชาธิปัตย์จะมีความรู้สึกอย่างไรก็คงไม่เกี่ยวกัน เพราะตนไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์แล้วเพราะมีบทบาทหน้าที่ตามสถานการณ์
เมื่อถามว่าด้วยเรื่องสุขภาพยังดีอยู่ทำไมไม่เข้าไปอยู่ในการเมืองแล้วทำการปฏิรูปด้วยตัวเอง นายสุเทพกล่าวว่า ตนคิดว่าวันนี้คนที่จะเป็นพลังในการปฏิรูปจริงๆ คือประชาชน การที่มาอยู่นอกพรรคการเมือง และ การมาร่วมทำงานกับประชาชน เราสามารถสร้างพลังให้ประเทศเดินหน้าไปสู่การปฏิรูปตามเจตนารมณ์ของประชาชนได้ คนที่อยู่ในพรรคการเมืองโดยธรรมชาติเขาก็ต้องคิดถึงความอยู่รอดของพรรคการเมือง เราเป็นประชาชนเราก็ต้องคิดถึงความอยู่รอดของประเทศไทย คิดถึงอนาคตของลูกหลานมากกว่าการให้ความสำคัญต่อพรรคการเมือง
เมื่อถามว่าการที่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มากว่า 40 ปีนั้น ทำให้ไม่เชื่อว่าระบบที่เราเป็นมาจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ทันสถานการณ์ได้ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ ตนยังเชื่อในระบบประชาธิปไตย ยังเชื่อในระบบพรรคการเมือง แต่เราต้องปฏิรูปการเมือง เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนอยู่ในพรรคก็คิดแบบคนในพรรค แต่เมื่อออกมาใช้ชีวิตร่วมเป็นร่วมตายกับมวลมหาประชาชนก็ได้หลอมความคิดร่วมกับประชาชน คิดทำการเมืองภาคประชาชนที่ต่างออกไป แทนที่จะกังวลอยู่เฉพาะเรื่องผลประโยชน์ เรื่องความเป็นไปของพรรคการเองเราก็คิดเรื่องความอยู่รอดของประเทศ เราก็คิดว่าประชาชนจะได้อะไรจากพรรคการเมือง วิธีคิดเปลี่ยนไป
เมื่อถามว่า การที่ออกมากล่าวสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อไป คนอื่นในขณะนี้ไม่เหมาะหรืออย่างไร และทำไม นายสุเทพกล่าวว่า เพราะเราเห็นว่า พล.ประยุทธ์กล้าหาญ เป็นคนที่ประชาชนไว้ใจ จงรักภักดีต่อแผ่นดิน ซื่อสัตย์สุจริต เวลาที่บ้านเมืองวิกฤตท่านก็กล้าออกมารับผิดชอบบ้านเมือง วันนี้คนอาจจะมองอย่างหนึ่ง แต่ควรมองย้อนกลับในปี 2577 ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความกล้าที่จะออกมายึดอำนาจการปกครอง มาเอาตัวเองเข้ามาแบกรับภาระประเทศ ก็ยังสงสัยว่าสถานการณ์บ้านเมืองอาจจะเลวร้ายกว่านี้ เรื่องความกล้าหาญ ความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจไว้ใจได้
“แต่จากการติดตามดู 3 ปีที่ท่านทำงานมาถือว่าทำงานได้ดีมีผลงานหลายอย่างที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอาจจะทำไม่ได้ และจากการติดตามดูความคิดอ่านของ พล.อ.ประยุทธ์หลายเรื่องตรงกับใจประชาชน อย่างเช่นเมื่อเร็วๆ นี้มีคณะกรรมการฯ ชุดหนึ่งเสนอเอาสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปขึ้นกับกระทรวงยุติธรรม แล้วบอกนั่นคือการปฏิรูปตำรวจ แต่ พล.อ.ประยุทธ์บอกไม่ใช่ ถูกใจมาก เพราะถ้าจะปฏิรูปตำรวจต้องเพื่อประชาชน คิดว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เอาตำรวจไปขึ้นกับจังหวัด ตรงนี้ตรงใจเป๊ะเลย ที่ผ่านมาเคยบอกว่าผมเหมือนเป็นร่างทรงของประชาชน ผมพูดตามสิ่งที่ประชาชนคิดแต่ประชาชนที่เขาไม่มีโอกาสพูด เมื่อผมมีโอกาสก็พูดแทน และเสียงประชาชนก็สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แม้จะมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ในช่วงเปลี่ยนผ่านก็เพื่อให้ประเทศอยู่รอดปลอดภัย” นายสุเทพกล่าว
เมื่อถามจะสวนทางกับความเห็นของพรรคประชาธิปัตย์หรือ นายสุเทพกล่าวว่า เราอยู่คนละสถานะ นักการเมืองในพรรคก็อยู่ในฐานะนักการเมือง พวกตนก็อยู่ในฐานะประชาชน สิ่งที่พูดไม่ได้มีพิษมีภัยต่อพรรคไหนคนที่จะยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้คือบรรดานักการเมืองและ ส.ส.ที่ชนะการเลือกตั้ง สิ่งที่เราพูดเพราะต้องการสะท้อนให้นักการเมืองเห็นว่าประชาชนคิดอะไร
เมื่อถามว่า ตอนนี้เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง แต่โรดแมปของ คสช.ก็เลื่อนออกไปเรื่อยๆ อะไรคือสัญญาณของการเลือกตั้ง นายสุเทพกล่าวว่า สัญญาณอันแรก คือ การประกาศใช้รัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา การลงมติประชาชนก็สนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญก็กำลังร่าง และหลายอย่างก็อยู่ระหว่างการพิจารณา วันนี้ยังไม่มีใครมาดึงเกมตรงนี้เลย กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมาย กกต. คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเขาก็ร่างเสร็จแล้ว ไม่เห็นมีใครถ่วงเวลา ขอร้องว่าอย่าสร้างกระแสหรือมาปั่นข่าวว่า มีเจตนาเลื่อนการเลือกตั้ง เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป ยกเว้นว่ามีอะไรขึ้นอย่างเช่นการมีระเบิดก็เป็นอีกเรื่อง เพราะถ้าบ้านเมืองไม่สงบก็จัดการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้วมาเจอเรื่องแบบนี้แย่แน่นอน
นายสุเทพกล่าวต่อว่า การที่มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป และตั้งใจจะยื้อและครองอำนาจต่อไปนั้น เป็นการไม่ให้ความยุติธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ตนพูดแบบนี้ยืนยันได้เลยว่าไม่มีผลประโยชน์ได้เสียอะไรด้วย ที่พูดอย่างนี้เราพูดด้วยหัวใจเพราะต้องการเห็นบ้านเมืองเดินหน้า และเราไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เราสามารถมอบความไว้วางใจได้
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ หากมาเป็นนายกฯ โดยไม่มีพรรคการเมืองใหญ่สนับสนุน ต้องอาศัยเสียงจากพรรคเล็กพรรคน้อยจะสามารถบริหารประเทศได้อย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ในบรัฐธรรมนูญมีบทเฉพาะกาลที่จะให้วุฒิสมาชิกลงคะแนนเสียงเลือกนายกฯ ได้ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ได้ต้องมีเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า 251 เสียง และที่พูดทั้งหมดก็เพื่อบอกบรรดานักการเมืองว่าประชาชนสนับสนุนอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และ พล.อ.ประยุทธ์ไม่จำเป็นต้องตั้งพรรคการเมืองก็ได้ หากมีนักการเมืองและวุฒิสมาชิกสนับสนุน แต่ พล.อ.ประยุทธ์จะตั้งพรรคการเมืองก็ได้ หรือใครจะตั้งพรรคการเมืองแล้วประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้
เมื่อถามว่า ทำไมมั่นใจว่าพรรคร่วมจะสนับสนุนเอา พล.อ.ประยุทธ์ด้วย นายสุเทพกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเคยเป็นผู้จัดการรัฐบาล รวบรวมเสียงการจัดตั้งรัฐบาลมาจากหลายพรรค เคยอยู่ในรัฐบาลผสมที่ทำงานร่วมกันได้ คิดว่าวันนี้เชื่อว่านักการเมืองน่าจะตระหนักว่าประชาชนตื่นตัวเป็นห่วงบ้านเมืองเขาจับตามอง คิดว่านักการเมืองคิดถึงประชาชน เคารพประชาชน ก็ควรที่จะปรับปรุงตัวเองให้สอดคล้องเสียงของประชาชน