ข่าวปนคน คนปนข่าว
00 โบกมือลาปีวอก บอกสวัสดีปีระกากันอย่างเป็นทางการกันเรียบร้อย เปิดศักราชใหม่ “ช.ชฎา”ขอมาประจำการที่เก่า-เวลาเดิม พบกันเป็นประจำทุกฉบับ จันทร์ถึงพฤหัสฯ ส่วนศุกร์หรรษา ขออู้ 1 วัน หลีกทางให้ทาง“คุณหมอศิริราช”ผลัดเปลี่ยนมาอัพเดต เทรนด์สุขภาพตามเดิมนะขอรับ
00 ช่วงปิดทำการยาวต่อเนื่องหลายวัน ข่าวคราวเรื่องการเมืองก็มิได้สร่างซา หลายคนอาศัยช่วงนี้ “ปล่อยของ”ตามออร์เดอร์กันออกมา หลายเรื่องฟังแล้วห้ามปล่อยผ่าน ล้วนแล้วแต่มี “นัยซ่อนเร้น”โดยเฉพาะที่หลุดออกมาจาก “องคาพยพ คสช.”แม้จะไม่ใช่ตัวบิ๊กๆ แต่ก็นั่นแล สไตล์ “ลับ ลวง พราง”ของพี่ทหารเขาที่จำต้อง “โยนหินถามทาง” ก่อนแล้วถึงจะเดินหมากเผด็จศึก อย่างเรื่อง “ปรองดอง”ก็อย่าดูเบาความเห็นที่ออกมาจากคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มี เสรี สุวรรณภานนท์ ที่สวมหมวกประธานอยู่
00 อาจจะเฉยๆ กับข้อเสนอ “สปท.เสรี”ที่จะขอให้ศาล “จำหน่าย”คดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองชั่วคราว ระหว่างการสืบพยานไว้ชั่วคราว แต่หมายรวมเฉพาะในส่วนของประชาชนในคดีที่มีอัตราโทษไม่รุนแรงเท่านั้น ไม่รวมถึง “แกนนำ”ที่จะต้องไปสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม เพราะทาง“เดอะตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ถามกลับไปแล้ว่า คดีเบาๆ ที่ว่ามันมีกี่มากน้อยกันเชียว หลักๆ วันนี้ที่ติดกึก ติดกัก ก็ล้วนแล้วแต่คดีแรงของบรรดาแกนนำ หรือไม่ก็คดี มาตรา 112 ของบรรดาลิ่วล้อห้าวเป้งมากกว่า
00 ที่จะเฝ้าตาไม่กระพริบน่าจะเป็นไอเดียของ สุชน ชาลีเครือ สมาชิกสปท. หนึ่งใน กมธ.การเมืองมากกว่า กับการชงให้ใช้ “มาตรา 44”นิรโทษกรรมแก่ประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมทางการเมือง ที่อาจจะยังติดคดีความอยู่บางส่วนนั้น ก็เป็นเรื่องที่คุยกันมานานตั้งแต่สมัยที่ฝ่ายการเมืองเรืองอำนาจ แต่ก็ไม่ตกผลึก เพราะจ้องจะ“ลักไก่”กันยันเต เหลาไม้ไผ่จนเป็นบ้องกัญชาอย่าง“พ.ร.บ.สุดซอย”ที่ทำ “รัฐบาลปู”อยู่ไม่ได้มาแล้ว
00 แม้จะออกตัวว่าเป็นแค่แนวคิด“เบื้องต้น” แต่ก็เชื่อว่าพูดคุยกันมาพอสมควรถึงกล้า“ทะลุกลางปล้อง”ออกมา ทาง“สปท. เสรี”ประธาน กมธ.การเมืองฯ ก็เบรกไว้พองามว่า อยากให้ใช้แนวทางตามกฎหมายปกติไปก่อน แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลด้วย หากต้องการความรวดเร็ว ก็สามารถใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษได้ ... ประโยคสร้อยต่อท้ายนี่สิ คล้ายเป็นการเปิดช่อง-ปูพรมแดงให้ใครเดิน ยังไงก็ไม่รู้ ??
00 ขอแสดงความเสียใจกับความสูญเสียที่น่าเศร้า ขึ้นชื่อว่า“โศกนาฏกรรม”คงไม่มีใครอยากให้เกิด เหตุรถตู้โดยสารพุ่งข้ามฝั่งถนน ไปชนรถกระบะที่วิ่งมาอีกฝั่ง บนถนนสาย 344 อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เกิดไฟลุกไหม้ สภาพพังยับเยิน เสียชีวิตทั้งหมด 25 คน พอเกิดเรื่องก็เข้าอิหรอบเดิม “ฝ่ายรัฐ”ต้องมานั่งหาทางล้อมคอก ออกแอกชั่น ก่อนที่เรื่องจะจางหายไปกับสายลม ครั้งนี้ก็เชื่อเช่นนั้นกับท่าทีฮึดฮัดของ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ที่บอกจะเอาจริงกับการลดจำนวนรถตู้โดยสารข้ามจังหวัด เริ่มได้ช่วงปี 2562 ที่รถตู้โดยสารสาธารณะที่ขึ้นทะเบียนไว้จะทยอยหมดอายุ ... ตามสเต็ปเรื่องเก่าเล่าใหม่ คุยยังไงก็ไม่จบ ไม่เชื่อไปถาม ออมสิน ชีวะพฤกษ์ อดีต รมช.คมนาคม ที่โยกไปเป็น รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เคยพูดเรื่องนี้ไว้ยังไง เมื่อไม่กี่เดือนก่อน
00 เชื่อไหม?? สถิติอุบัติเหตุทางท้องถนนของไทยเราอยู่หัวแถวของโลก ล่าสุดถ้าจำไม่ผิด ไม่เบอร์ 2 ก็เบอร์ 3 ส่วนในเอเชีย-อาเซียน นี่ เราระดับเต้ยเลยทีเดียว เรื่องนี้พิเคราะห์ได้หลายปัจจัย อย่างที่ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ว่าไว้ก็อาจจะถูก ที่ว่า สาเหตุที่ตัวเลขการตายในเทศกาลปีใหม่ 2560 พุ่งสูงขึ้นเพราะคนไทยไม่ตระหนักถึงอันตรายจาก “เมาแล้วขับ–ไม่เคารพกฎจราจร” อันนี้เรื่องจริงไม่เถียง ... แต่กรณีอย่าง 25 ศพ ที่บ้านบึง คงไม่เข้าข่าย “คนไร้สำนึก”อย่างที่ท่าน มท.1 ว่าไว้ แต่สะท้อนปัญหาเรื้อรังของประเทศ ทั้งการเอาจริงเอาจังของหน่วยงานด้านความปลอดภัย หรือการขาดการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน (แต่มีตังค์ไปซื้อรถถัง - เรือดำน้ำ ) ตลอดจนการกระจายอำนาจ-ความเจริญสู่ท้องถิ่น รึป่าว ทำให้ “คนต่างจังหวัด”ต้องดิ้นรนแห่เข้ามาอยู่ในเมืองกรุง .
00 โบกมือลาปีวอก บอกสวัสดีปีระกากันอย่างเป็นทางการกันเรียบร้อย เปิดศักราชใหม่ “ช.ชฎา”ขอมาประจำการที่เก่า-เวลาเดิม พบกันเป็นประจำทุกฉบับ จันทร์ถึงพฤหัสฯ ส่วนศุกร์หรรษา ขออู้ 1 วัน หลีกทางให้ทาง“คุณหมอศิริราช”ผลัดเปลี่ยนมาอัพเดต เทรนด์สุขภาพตามเดิมนะขอรับ
00 ช่วงปิดทำการยาวต่อเนื่องหลายวัน ข่าวคราวเรื่องการเมืองก็มิได้สร่างซา หลายคนอาศัยช่วงนี้ “ปล่อยของ”ตามออร์เดอร์กันออกมา หลายเรื่องฟังแล้วห้ามปล่อยผ่าน ล้วนแล้วแต่มี “นัยซ่อนเร้น”โดยเฉพาะที่หลุดออกมาจาก “องคาพยพ คสช.”แม้จะไม่ใช่ตัวบิ๊กๆ แต่ก็นั่นแล สไตล์ “ลับ ลวง พราง”ของพี่ทหารเขาที่จำต้อง “โยนหินถามทาง” ก่อนแล้วถึงจะเดินหมากเผด็จศึก อย่างเรื่อง “ปรองดอง”ก็อย่าดูเบาความเห็นที่ออกมาจากคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มี เสรี สุวรรณภานนท์ ที่สวมหมวกประธานอยู่
00 อาจจะเฉยๆ กับข้อเสนอ “สปท.เสรี”ที่จะขอให้ศาล “จำหน่าย”คดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองชั่วคราว ระหว่างการสืบพยานไว้ชั่วคราว แต่หมายรวมเฉพาะในส่วนของประชาชนในคดีที่มีอัตราโทษไม่รุนแรงเท่านั้น ไม่รวมถึง “แกนนำ”ที่จะต้องไปสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม เพราะทาง“เดอะตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ถามกลับไปแล้ว่า คดีเบาๆ ที่ว่ามันมีกี่มากน้อยกันเชียว หลักๆ วันนี้ที่ติดกึก ติดกัก ก็ล้วนแล้วแต่คดีแรงของบรรดาแกนนำ หรือไม่ก็คดี มาตรา 112 ของบรรดาลิ่วล้อห้าวเป้งมากกว่า
00 ที่จะเฝ้าตาไม่กระพริบน่าจะเป็นไอเดียของ สุชน ชาลีเครือ สมาชิกสปท. หนึ่งใน กมธ.การเมืองมากกว่า กับการชงให้ใช้ “มาตรา 44”นิรโทษกรรมแก่ประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมทางการเมือง ที่อาจจะยังติดคดีความอยู่บางส่วนนั้น ก็เป็นเรื่องที่คุยกันมานานตั้งแต่สมัยที่ฝ่ายการเมืองเรืองอำนาจ แต่ก็ไม่ตกผลึก เพราะจ้องจะ“ลักไก่”กันยันเต เหลาไม้ไผ่จนเป็นบ้องกัญชาอย่าง“พ.ร.บ.สุดซอย”ที่ทำ “รัฐบาลปู”อยู่ไม่ได้มาแล้ว
00 แม้จะออกตัวว่าเป็นแค่แนวคิด“เบื้องต้น” แต่ก็เชื่อว่าพูดคุยกันมาพอสมควรถึงกล้า“ทะลุกลางปล้อง”ออกมา ทาง“สปท. เสรี”ประธาน กมธ.การเมืองฯ ก็เบรกไว้พองามว่า อยากให้ใช้แนวทางตามกฎหมายปกติไปก่อน แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลด้วย หากต้องการความรวดเร็ว ก็สามารถใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษได้ ... ประโยคสร้อยต่อท้ายนี่สิ คล้ายเป็นการเปิดช่อง-ปูพรมแดงให้ใครเดิน ยังไงก็ไม่รู้ ??
00 ขอแสดงความเสียใจกับความสูญเสียที่น่าเศร้า ขึ้นชื่อว่า“โศกนาฏกรรม”คงไม่มีใครอยากให้เกิด เหตุรถตู้โดยสารพุ่งข้ามฝั่งถนน ไปชนรถกระบะที่วิ่งมาอีกฝั่ง บนถนนสาย 344 อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เกิดไฟลุกไหม้ สภาพพังยับเยิน เสียชีวิตทั้งหมด 25 คน พอเกิดเรื่องก็เข้าอิหรอบเดิม “ฝ่ายรัฐ”ต้องมานั่งหาทางล้อมคอก ออกแอกชั่น ก่อนที่เรื่องจะจางหายไปกับสายลม ครั้งนี้ก็เชื่อเช่นนั้นกับท่าทีฮึดฮัดของ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ที่บอกจะเอาจริงกับการลดจำนวนรถตู้โดยสารข้ามจังหวัด เริ่มได้ช่วงปี 2562 ที่รถตู้โดยสารสาธารณะที่ขึ้นทะเบียนไว้จะทยอยหมดอายุ ... ตามสเต็ปเรื่องเก่าเล่าใหม่ คุยยังไงก็ไม่จบ ไม่เชื่อไปถาม ออมสิน ชีวะพฤกษ์ อดีต รมช.คมนาคม ที่โยกไปเป็น รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เคยพูดเรื่องนี้ไว้ยังไง เมื่อไม่กี่เดือนก่อน
00 เชื่อไหม?? สถิติอุบัติเหตุทางท้องถนนของไทยเราอยู่หัวแถวของโลก ล่าสุดถ้าจำไม่ผิด ไม่เบอร์ 2 ก็เบอร์ 3 ส่วนในเอเชีย-อาเซียน นี่ เราระดับเต้ยเลยทีเดียว เรื่องนี้พิเคราะห์ได้หลายปัจจัย อย่างที่ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ว่าไว้ก็อาจจะถูก ที่ว่า สาเหตุที่ตัวเลขการตายในเทศกาลปีใหม่ 2560 พุ่งสูงขึ้นเพราะคนไทยไม่ตระหนักถึงอันตรายจาก “เมาแล้วขับ–ไม่เคารพกฎจราจร” อันนี้เรื่องจริงไม่เถียง ... แต่กรณีอย่าง 25 ศพ ที่บ้านบึง คงไม่เข้าข่าย “คนไร้สำนึก”อย่างที่ท่าน มท.1 ว่าไว้ แต่สะท้อนปัญหาเรื้อรังของประเทศ ทั้งการเอาจริงเอาจังของหน่วยงานด้านความปลอดภัย หรือการขาดการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน (แต่มีตังค์ไปซื้อรถถัง - เรือดำน้ำ ) ตลอดจนการกระจายอำนาจ-ความเจริญสู่ท้องถิ่น รึป่าว ทำให้ “คนต่างจังหวัด”ต้องดิ้นรนแห่เข้ามาอยู่ในเมืองกรุง .