xs
xsm
sm
md
lg

นิติเวชเผยตรวจศพโชเฟอร์รถตู้มรณะ ไม่พบสารเสพติด-แอลกอฮอล์ ยันส่งร่างเหยื่อให้ญาติครบเย็นนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - นิติเวช รพ.ตำรวจ ยืนยันตรวจร่างโชเฟอร์รถตู้ ไม่พบสารเสพติด-แอลกอฮอล์ในเลือด เตรียมมอบศพเหยื่อให้ญาติได้ทั้งหมดภายในค่ำนี้

วันนี้ (4 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถตู้โดยสารชนประสานงากับรถกระบะที่ จ.ชลบุรี จนเกิดเพลิงไหม้มีผู้เสียชีวิต 25 ศพ ว่าขณะนี้แพทย์นิติเวชได้ตรวจสอบศพของผู้ขับขี่รถตู้เรียบร้อยแล้ว โดยผลจากการตรวจเลือดและเนื้อเยื่อของผู้ขับขี่ไม่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีสารเสพติดเจือปนอยู่ ยืนยันว่าการตรวจดีเอ็นเอและเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ของร่างกายในปัจจุบันค่อนข้างมีความแม่นยำและเชื่อถือได้อย่างแน่นอน

พล.ต.ต.นพ.พรชัยกล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการส่งมอบศพผู้เสียชีวิตให้ทางญาตินั้น ก่อนหน้านี้ทางสถาบันนิติเวชวิทยาได้ส่งศพคืนให้ญาติแล้ว 11 ราย โดยวันนี้จะคืนศพให้ญาติเพิ่มเติมอีก 8 ราย และอีก 3 รายอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์และรอญาติเข้ามาติดต่อรับศพ คาดว่าทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในค่ำคืนนี้ พร้อมเร่งตรวจสอบสาเหตุการตาย และรอผลสรุปผลทางห้องปฏิบัติการอีกครั้งว่าจะเกิดจากการขาดอากาศหายใจ หรืออุบัติเหตุไฟไหม้

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในส่วนการสอบสวนและดำเนินคดี พนักงานสอบสวนจะเร่งดำเนินการสอบสวนเพื่อเอาผิดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทุกฝ่าย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ตาย ต่อผู้ขับรถตู้โดยสาร แต่ถือว่าคดีสิ้นสุดในกระบวนการกฎหมายอาญาเนื่องจากผู้กระทำความผิดเสียชีวิต แต่ในทางแพ่งนั้นญาติสามารถฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ที่เกี่ยวข้องได้ พร้อมกันนี้ยังได้ฝากถึงประชาชนให้ร่วมกันเป็นหูเป็นตา หากพบว่าผู้ขับขี่ขับยานพาหนะด้วยความประมาท ขับเร็ว ที่อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น ให้บันทึกภาพเพื่อนำแจ้งเจ้าหน้าที่ดำเนินการเอาผิดต่อไป

รองโฆษก ตร.กล่าวว่า เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารผู้ประกอบการรถตู้โดยสารจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย คือ 1. รถตู้จะต้องมีใบอนุญาตในการประกอบรถตู้โดยสาร หากไม่มีก็จะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 20,000-100,000 และหากนำไปใช้ผิดประเภทก็จะมีความผิด มีโทษปรับตั้งแต่ 50,000-200,000 บาท อีกทั้งตัวผู้ขีบขี่จะต้องมีใบอนุญาตขับขี่และต้องใช้ถูกประเภท มิฉะนั้นจะมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท

พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ระบุอีกว่า จากการประเมินการในช่วงเทศกาลปีใหม่พบว่า มีผู้ใช้ความเร็วเกิดที่กฎหมายกำหนด และขับรถประมาทจนก่อให้เกิดอับัติเหตุขึ้นจำนวนมากขึ้น ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ออกมาตรการมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปแก้ไขปัญหาในช่วงเทศกาลอื่นๆ ต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น