ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - บัตรเครดิตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนจำนวนไม่น้อย ธุรกิจบัตรเครดิตจึงมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น สถาบันการเงินต่างออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภค หวังชิงมาร์เก็ตแชร์ในตลาด ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจของเมืองไทยที่ยังไม่อาจเรียกได้ว่าสดใสนัก การปรับตัวและทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจของผู้เล่นในตลาดบัตรเครดิตจึงยิ่งน่าจับตามอง
ล่าสุด บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี ออกมาเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจของปี 2560 หลังจากที่ได้แถลงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของปี 2559 ทั้ง 3 ไตรมาส ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งยังคงสร้างรายได้และทำกำไรจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและการขยายตัวของยอดลูกหนี้ทั้งสองธุรกิจหลักคือบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลได้อย่างต่อเนื่อง
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,854 ล้านบาท เติบโต21% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ฐานสมาชิกบัตรเครดิต 2.04 ล้านบัตร อัตราเติบโตของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสูงกว่าอุตสาหกรรม ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.86%
ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 61,146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่ 54,773 ล้านบาท พอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิ 57,015 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 2.8 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น บัตรเครดิต 2,039,967 บัตร สินเชื่อบุคคล 793,486 บัญชี หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) ลดลงเหลือ 1.86% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 2.19% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโตที่ 14.0% สูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 7.2%
ซึ่งจากผลประกอบการที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าบริษัทยังคงความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาผลประกอบการจะเป็นไปในทางบวก แต่ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีต่อไปก็ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของเคทีซี
สำหรับทิศทางการทำธุรกิจในปี 2560 นั้น เคทีซีมุ่งเน้นการดูแลและพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งสู่การเป็นบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่ได้รับการยอมรับและเลือกใช้มากที่สุด พร้อมวางแผนระยะยาวรับกระแสดิจิทัลที่กำลังมาแรง
ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคทีซี เปิดเผยว่า “เพื่อบรรลุแผนในการก้าวสู่แบรนด์ในใจที่สมาชิกชื่นชอบและเลือกใช้ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืนในระยะยาว บริษัทจะดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 องค์ประกอบทางความคิดใหม่ (Brand Core Value) อันได้แก่ 1. ความกล้า กล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง (Courageous) 2. ทำในสิ่งที่ฉลาดและเรียบง่าย (Smart & Simplicity) และ 3. สิ่งที่ทำต้องมีคุณค่า (Meaningful) ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนให้สมาชิกหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกล้าตัดสินใจที่จะเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ใช่และต้องการ เพื่อชีวิตที่มีความหมาย โดยเป็นการต่อยอดแนวคิดในการสร้างแบรนด์จากภายในองค์กร ซึ่งประสบความสำเร็จไปสู่ภายนอกองค์กรให้ครอบคลุมรอบด้าน อันจะทำให้เกิดความผูกพัน และนำไปสู่การเป็นแบรนด์บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่ได้รับการยอมรับและเลือกใช้มากที่สุด”
นอกจากนี้เคทีซียังเตรียมแผนระยะยาวเพื่อรองรับกระแสเทคโนโลยีดิจิทัลที่ส่งผลต่อโครงสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงระบบชำระเงินของประเทศ (National E-Payment) ที่รัฐจะนำมาใช้ อย่างระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) ตลอดจนธุรกิจฟินเทค หรือไฟแนนเชียล เทคโนโลยี (Financial Technology) ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน
โดยจะสร้างทางเลือกในการชำระค่าใช้จ่ายผ่านแพลทฟอร์มการชำระเงินใหม่ๆ ด้วยบัตรเครดิตให้กับลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และควบคุมคุณภาพหนี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
การดำเนินธุรกิจของปีที่จะถึงนี้ เคทีซีจะมุ่งเน้นขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงานและกลุ่มพนักงานประจำที่อาศัยในกรุงเทพฯ และในเขตเมืองที่มีกำลังซื้อสูง รวมถึงในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กลุ่มลูกค้าเดินทางไปท่องเที่ยว โดยมีธนาคารกรุงไทยเป็นช่องทางหลักในการขยายฐานสมาชิก
แต่ด้วยพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าในเมืองและคนรุ่นใหม่ที่ปรับเปลี่ยนไป โดยหันมาทำธุรกรรมบนออนไลน์กันมากขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์การขยายฐานสมาชิกในปีหน้าจึงมุ่งเน้นช่องทางการสมัครทางออนไลน์ต่างๆ ของเคทีซี ทั้งเว็บไซต์ โมบายแอพพลิเคชั่น และเฟซบุ๊ก เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า โดยตั้งเป้าจำนวนสมาชิกใหม่ในปี 2560 ไว้ที่ 560,000 ราย แบ่งเป็นสมาชิกบัตรเครดิต 400,000 ราย และสินเชื่อบุคคล 160,000 ราย
ด้านกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจบัตรเครดิตนั้น ยังคงมุ่งเน้นให้ความสำคัญในทุกหมวดร้านค้าทั้งที่เป็นการใช้จ่ายประจำวันและตามโอกาสต่างๆ พร้อมประสานความร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนารูปแบบการตลาดที่สร้างสรรค์และหลากหลาย เพื่อให้บัตรเครดิตเคทีซีเป็นบัตรหลักในการใช้จ่าย โดยตั้งเป้าการเติบโตอยู่ที่ 15% และมียอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ประมาณ 190,000 ล้านบาท
ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อบุคคลจะเน้นการจัดกิจกรรมการตลาดที่สร้างสรรค์ เพื่อรองรับสมาชิกใหม่และรักษาฐานสมาชิกเดิม ตั้งเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตธุรกิจสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 15%
สำหรับปี 2560 ที่จะถึงนี้ เคทีซีตั้งเป้าในการทำกำไรเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% จากปีนี้ และจะพยายามรักษาระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 2559 โดยมุ่งขยายธุรกิจในทุกกลุ่ม ทั้งธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อบุคคล ร้านค้า การบริหารช่องทางจัดจำหน่าย ออนไลน์ รวมถึงสร้างทางเลือกในการชำระค่าใช้จ่ายผ่านแพลทฟอร์มการชำระเงินใหม่ๆ ด้วยบัตรเครดิต เพื่อรองรับกระแสดิจิทัล ตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไปของลูกค้า
ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ยังต้องจับตามองกันทุกขณะ ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่ในการดำเนินธุรกิจขององค์กรต่างๆ เคทีซีในฐานะองค์กรธุรกิจที่เน้นการสร้างแบรนด์ ควบคู่กับการทำการตลาด และสร้างนวัตกรรมของคนในองค์กรในการสร้างสรรค์ผลงาน จะนำพาให้องค์กรให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่เป็นเรื่องที่น่าติดตามไม่น้อย