xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สุดยอด 10 คดีดังแห่งปี “หญิงไก่ –กิมเอ็ง” 2 พี่น้องแสบนรกสั่ง ครองแชมป์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - รวบรวมจัด 10 อันดับคดีดังที่ประชาชนให้ความสนใจระดับทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ มากที่สุดในรอบปี 2559 ที่ผ่านมา ดังนี้

อันดับที่ 1 “คุณนายไก่ -กิมเอ็ง” 2 พี่น้องแสบนรกสั่ง!!??
เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงปลายเดือนมิ.ย.2559 โดยนายจาตุรงค์ สุขเอียด นักข่าวอาชญากรรมโทรทัศน์ ได้รับการร้องเรียนว่าเกิดคดีไม่ชอบมาพากลขึ้นที่ สน.ประชาชื่น โดยนางวันทนีย์ หรือไก่ หยกรัตนกาญ แจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์มูลค่านับ 10 ล้านกับ น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือน้องก้อย นักเรียนเรียนดีที่มาหารายได้พิเศษเป็นลูกจ้าง ข้อมูลนี้ถูกนำไปขยายจากทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งต่อมาได้ทำหน้าที่ทนายให้กับน้องกล้า และเหยื่ออีกหลายคนที่เคยถูกนางไก่ แจ้งเท็จเอาเข้าคุก

จนเกิดกระแสขุดคุ้ยตีแผ่ประวัติเบื้องหลังความเป็นมาของนางไก่ แม้แต่การเป็นพี่น้องต่างมารดากับ นางกิมเอ็ง แซ่เตียว อดีตผู้ต้องหาคดีทุจริตเครื่องราชฯ จนนางไก่จนมุมด้วยพยานหลักฐาน ไม่ว่าในเรื่องแจ้งความเท็จทองคำแท่งมูลค่าหลายล้านบาท ถูกขโมยหรือการแอบอ้างเบื้องสูงจึงถูกตำรวจดำเนินคดีข้อหาแจ้งเท็จ และความผิดตามมาตรา 112

หลังจากกระแสคดีนางไก่ เริ่มซาลงวันที่ 27 ส.ค.2559 ถัดมาไม่นานนักตำรวจสอบสวนกลางนำโดย พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.เปิดแถลงข่าวจับกุม ดร.กมนทรรศน์ ธนธรณ์โฆษิตจิร หรือแม่ตุ่ม คนเดียวกับ นางกิมเอ็ง แซ่เตียว ที่ทำตัวเป็นขอมดำดินหายเงียบไปจากวงสังคมนานกว่า 20 ปี

เป็นอันว่าชะตากรรมของ 2 พี่น้อง “แสบนรกสั่ง” เมื่อไม่ยอมหลาบจำยังคงวนเวียนทำความชั่วอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ฉากสุดท้ายจึงจบลงที่ได้ใช้ชีวิตในบั้นปลายภายใต้กำแพงคุกนั่นเอง

อันดับที่ 2 คดี 7 โจ๋ลูกตำรวจรุมฆ่าชายพิการ
1 พ.ค.2559 สังคมไทยต้องตื่นตะลึงกับคลิปภาพเหตุการณ์สุดสยองภายในซอยโชคชัย 69 ย่านลาดพร้าว กทม.นั่นคือปฏิบัติการอำมหิตของกลุ่มวัยรุ่นถืออาวุธมีดโอบล้อมชายขาพิการ และมีเสียงยั่วยุจากหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนว่า... “เอามันให้ตาย” ก่อนช่วยกันรุมฟัน-แทงจนเสียชีวิต แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย จับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ทั้งหมดและแจ้งข้อหาร่วมกันทะเลาะวิวาทจนมีผู้เสียชีวิต ซึ่งขัดแย้งกับคลิปภาพที่แชร์กันสนั่นสังคมออนไลน์ ก็ได้สร้างความไม่พอใจแก่กระแสสังคมเป็นอย่างยิ่ง จึงมีกระแสคัดค้านการตั้งข้อหาดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่ากลุ่มคนร้ายตั้งใจจะมาก่อเหตุโดยมีการตระเตรียมอาวุธมีด อีกทั้งมีการวางแผนระดมสมัครพรรคพวกมาประทุษร้าย

กระแสความไม่พอใจลุกลามไปถึง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.ซึ่งแสดงความคิดเห็นทำนองว่าความผิดยังไม่เข้าข่ายเจตนาฆ่าด้วย อีกทั้งมีการตั้งข้อสังเกตว่า 4 ในกลุ่มผู้ต้องหาเป็นลูกตำรวจ สน.โชคชัย ในที่สุดจึงเกิดปรากฏการณ์อารยะขัดขืนไม่เห็นด้วยกับวิธีดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยมีการแสดงออกในโลกโซเชียลฯติดแฮชแทก “คนพิการถูกทำร้าย คนดีๆทำอะไรอยู่-เป็นลูกตำรวจแล้วไง!!?? นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่เขย่าความเชื่อมั่นวงการตำรวจส่งผลมาถึงปัจจุบัน

อันดับที่ 3 คดีไลฟ์สด ดร.ฆ่าตัวตายหลังยิงเพื่อน 2 ศพ
อีกคดีหนึ่งที่สั่นสะเทือนวงการศึกษาไทย และสร้างความตื่นตะลึงไปทั้งประเทศเมื่อโทรทัศน์ดิจิทัลถ่ายทอดสดเหตุการณ์ทุกขั้นตอนตั้งแต่ปิดล้อมจับกระทั่งวินาทีลั่นกระสุนปลิดชีพตนเอง...เช้าวันที่ 18 พ.ค.2559 ขณะที่นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร เขตบางเขน กทม.รวมทั้งอีกหลากหลายชีวิตกำลังสาละวนทำภารกิจกันตามปกติ เกิดเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดภายในห้องประชุมชั้น 5 อาคารพุทธวิชชาลัย ต่อจากนั้นเพียงเล็กน้อยมีพยานเห็น ดร.วันชัย ดนัยตโมนุท อาจารย์ประจำวิทยาลัยการฝึกหัดครูฯ เดินกึ่งวิ่งลงมาจากอาคารและรีบขับรถเก๋งส่วนตัวบึ่งไปจากลานจอด เมื่อ รปภ.ประจำอาคารรีบรุดขึ้นไปดูบนอาคารพบศพ ดร.พิชัย ไชยสงคราม ประธานสาขาวิชาการศึกษา กับดร.ณัฐพล ชุมวรฐายี ประธานสภาภาคคณาจารย์และข้าราชการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร นอนตายเลือดอาบ มีรอยกระสุนเข้าที่ศรีษะและลำตัวหลายนัด จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ดร.วันชัย มือปืนมีความไม่พอใจคนตายทั้งสองจึงก่อเหตุสยองขึ้น

ต่อมาเช้าตรู่วันที่ 19 พ.ค.2559 กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.และพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.และหน่วยอรินทราช 26 ได้ปิดล้อมโรงแรมสุภาพ ย่านสะพานควาย กทม. เพราะจับสัญญาณการใช้โทรศัพท์มือถือของ ดร.วันชัย ได้ แต่ผู้ต้องหาไหวตัวและใช้อาวุธปืนพกประจำกายขนาด 9 มม.ที่ก่อคดีจ่อศรีษะ ท่ามกลางการเจรจาต่อรองที่เคร่งเครียดนานถึง 6 ชั่วโมงเต็มๆ กระทั่งเวลา 18.43 น.สิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ปิดฉากลงด้วยความสลดใจเมื่อ ดร.วิชัย ตัดสินใจลั่นกระสุนปลิดชีพตนเองตายตกตามไป นอกเหนือจากการเจรจาที่ขัดหลักการแล้ว ยังมีการตำหนิสื่อโทรทัศน์อย่างน้อย 5 ช่องที่ยกเลิกผังรายการแล้วหันมาถ่ายทอดสดแบบนาทีต่อนาทีนั่นคือ ไทยรัฐทีวี สปริงนิวส์ เนชั่นฯ ทีเอ็นเอ็น และทีนิวส์ ถึงขนาดที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต้องเรียกผู้บริหารมาคาดโทษเนื่องจากเป็นการเสนอความรุนแรง และเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 37

อันดับที่ 4 คดี “เผานั่งยาง -สุสานคนเป็นแห่งบ้านผือ”
นับเป็นคดีสะเทือนขวัญสร้างบรรยากาศแห่งความน่าสะพรึงกลัวโดยเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง....เดือน เม.ย.2559 นายดารา พาไสย์ ราษฎร อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนระบุว่าถูกดาบตำรวจนายหนึ่งอุ้มไปเรียกค่าไถ่จำนวน 5 แสนบาทตั้งแต่ปี 2558 ขณะขับรถจะไปทำกิจธุระ โดยตำรวจนายนั้นอ้างว่าตนมีหมายจับคดียาเสพติด และมีการเจรจาต่อรองกระทั่งไม่สามารถตกลงกันได้นายดารา จึงติดต่อเข้ามอบตัวเพื่อทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว ต่อมาปี 2559 ดาบตำรวจคนเดียวกันยังติดต่อเข้ามาเป็นระยะๆพร้อมกับข่มขู่ซึ่งนายดารา เห็นว่าชีวิตกำลังอยู่ในอันตรายเนื่องจากดาบตำรวจผู้นี้มีประวัติพัวพันกับการฆาตกรรมอุ้มฆ่า และทำผิดกฎหมายเสียเองในหลายๆเรื่องจึงเข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว และเป็นที่มาของการเปิดโปงสุสานคนเป็น หรือเผานั่งยางแห่ง อ.บ้านผือ ซึ่งพบว่ามีเหยื่อถูกลักพาตัวไปเผาทำลายซากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันแม้ดาบตำรวจคนดัง หรือดาบปราโมทย์ บุพศรี อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนประจำ สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี จะถูกดำเนินคดีในข้อหาฆาตกรรม และอยู่ในเรือนจำไปแล้วก็ตาม แต่การข่มขู่ญาติผู้เสียหาย รวมทั้งอาณาจักรแห่งความน่าหวาดหวั่นก็ยังไม่หมดไปจากดินแดนที่ราบสูงแห่งนี้ กระทั่งคำสั่งย้ายนายตำรวจประจำโรงพักเดียวกันมีพยานหลักฐานเชื่อมไปถึงกรณีพัวพันกับการอุ้มฆ่าเผานั่งยางสุสานบ้านผือ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นถึง 31 ราย แต่ดูเหมือนว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนตำรวจภาค 4 หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ ต่างไม่มีอะไรคืบหน้าจนกลุ่มญาติผู้สูญหายหมดความหวัง บรรยากาศความน่าสะพรึงกลัวยังคงครอบงำอยู่ต่อไป

อันดับที่ 5 คดี “แก๊งปืนควายยอดชั่ว-ข่มขืนเมียต่อหน้าก่อนฆ่าผัว”
คดีสุดสะเทือนขวัญรายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 28 ม.ค.2559 โดย พ.ต.ต.อธิคม ขุนรอง พนักงานสอบสวน สภ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง รับแจ้งว่ามีเหตุหญิงสาวถูกข่มขืน และใช้อาวุธมีดแทงบาดเจ็บสาหัสมีพลเมืองดีนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลตรัง จึงไปสอบสวนทราบว่าคนเจ็บชื่อ น.ส.บี นามสมมุติตรวจพบว่ากำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ให้การว่ากลุ่มคนร้ายมีนายคิว นายเจมส์ นายผา และอื่นๆประมาณ 5 คนซึ่งรู้จักกับคนเจ็บเป็นอย่างดีโทรศัพท์ลวงให้เดินทางมากับ นายภาสกร คงสวัสดิ์ อายุ 19 ปีแฟนใหม่เพื่อปรับความเข้าใจกันในเรื่องความรัก ก่อนที่คนร้ายจะมัดนายภาสกร ไว้และช่วยกันจับตนผลัดกันขืนใจ น.ส.บีต่อหน้าต่อตานายภาสกร เมื่อขืนใจเสร็จเรียบร้อย จึงเอาก้อนหินทุบศรีษะก่อนใช้ปืนลูกซองยิงซ้ำที่หน้าอกจนขาดใจตาย และลากศพไปฝัง ส่วน น.ส.บีถูกกลุ่มคนร้ายช่วยกันทุบตี และใช้มีดจ้วงแทงหวังฆ่าปิดปาก แต่โชคดีที่บาดแผลไม่ถูกที่สำคัญ จึงรอดตายอย่างหวุดหวิด เมื่อได้สติกลับมาอีกครั้งจึงปีนขึ้นจากเหวมาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีที่ขับรถผ่านไปมา

คดีนี้จบลงที่ตำรวจสามารถติดตามตัวผู้ต้องหาซึ่งยังเป็นเยาวชนมาได้ครบทุกคน เฉพาะนายคิว ปืนควายหัวหน้าแก๊งเวลาให้สัมภาษณ์ยังคงยิ้มแย้ม ไม่สะทกสะท้านกับความผิดที่ได้ก่อขึ้นโดยรับสารภาพว่าทำไปเพราะแค้นใจนายภาสกร คนตายที่ได้ญาติของตนเป็นเมีย แต่กลับทิ้งขว้างไปรับ น.ส.บี มาเป็นภรรยาใหม่จึงเกิดความแค้นและวางแผนก่อเหตุร้ายขึ้น คดีนี้ศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2559 ลงโทษผู้ต้องหาที่ 1-2 จำคุกคนละ 25 ปี 36 เดือนโดยให้เหตุผลว่าเป็นการกระทำที่ขาดจิตสำนึก และไม่เกรงกลัวต่อกฏหมายบ้านเมือง

อันดับที่ 6 “ระเบิด-เผา 7 วินาศกรรมป่วนเมือง”
คดีอุกอาจสะเทือนขวัญนี้มาคล้ายๆกับบรรยากาศลอบวางระเบิดที่ศาลท่านท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2558 ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากนั่นคือเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายแยกกันปฏิบัติการลอบวางระเบิดและวางเพลิง 7 จังหวัดท่องเที่ยวทางภาคใต้ของประเทศไทย ในระหว่างวันที่ 10-12 ส.ค.2559 แยกเป็นการวางระเบิด 14 จุด และลอบวางเพลิง 5 จุด ตามแหล่งท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต จ.ตรัง จ.สุราษฎร์ธานี ยิ่ง จ.นครศรีธรรมราช จ.พังงา และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สร้างความตื่นตระหนกกับสังคมไทยเป็นอย่างมาก หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ทยอยออกหมายจับผู้ต้องสงสัยหลายคนเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

อันดับที่ 7 คดี เสี่ยทายาท “เลนโซ่กรุ๊ป”ควบเบนซ์ดำขยี้นักศึกษา ป.โท 2 ศพ
ก่อนเป็นข่าวสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศคงต้องยกยอดความดีทั้งหมดให้กับสื่อโซเชียลฯหลังจากภาพคลิปนาทีมรณะ รถเบนซ์ CLS 63 AMG สีดำทะเบียนกรุงเทพ ษง 3333 ขับโดยนายเจนภพ วีรพร นักธุรกิจหนุ่มนำเข้ารถหรู ชนท้ายเก๋งฟอร์ดเฟียตต้า สีเทาทะเบียนกรุงเทพ ฆย 6911 เหตุเกิดถนนพหลโยธิน กม.52 ใกล้ทางต่างระดับบางปะอินทร์ จนไฟลุกท่วมทำให้นายกฤษณะ หรือโต้ง ถาวร น.ส.ธันฐภัทร์ หรือเบนซ์ ฮ้อแสงชัย นักศึกษาปริญญาโทมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถูกไฟคลอกเสียชีวิตติดอยู่ในซากรถ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 มี.ค.2559 แต่ก็มีเสียงวิจารณ์การทำงานของตำรวจ สภ.พระอินทร์ราชา ที่ไม่ตรวจยาเสพติด หรือแอลกอฮอล์กับผู้ต้องหา จนผู้กำกับถูกย้าย ก่อนที่ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 ในขณะนั้นถูกคำสั่งให้ลงมาควบคุมคดี และตั้งข้อหาหนักแก่นายเจนภพ ถึง 8 ข้อหา

อันดับที่ 8 ขบวนการข้ามชาติ -พาสปอร์ตปลอม-ฆ่าหั่นศพ!!??
เรื่องราวชวนสยองขวัญสั่นประสาทครั้งนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 13.40 น.ของวันที่ 23 ก.ย.2559 เสียงวิทยุ ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ที่กำลังปฏิบัติภารกิจสืบหาต้นตอหนังสือเดินทางปลอม ซึ่งพบระบาดมากแถวถนนข้าวสาร จนตามดมกลิ่นมาถึงตึกแถว 5 ชั้นแห่งหนึ่งภายในซอยสุขุมวิท 56 เขตพระโขนง กทม. เต็มไปด้วยความละล่ำละลักจับใจความได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ถูกยิงบาดเจ็บ กำลังปิดล้อมกลุ่มคนร้ายชาวต่างชาติที่มีอาวุธปืนกันครบมือ ก่อนจะควบคุมคนร้ายไว้ได้คือ นายปีเตอร์ วิลเลียม จอห์นสัน หรือชาลี เอ็ดเวิร์ด ไตเติ้ล อายุ 66 ปี นายเจมส์ ดักกลาส อีเกอร์ อายุ 63 ปีและนายแอรอน เอโด้ อายุ 40 ปี ทั้งหมดมีสัญชาติอเมริกัน

และเมื่อตรวจค้นตึกแถวดังกล่าวอย่างละเอียดพบตู้แช่ขนาดกว้าง 2 เมตร สูง 1.80 เมตรตั้งอยู่ด้านหลังชั้นล่างเมื่อเปิดออกดูมีถุงดำจำนวนมากเรียงซ่อนเป็นชั้นๆแต่เมื่อเปิดออกทุกคนถึงกับผงะเมื่อพบชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์แยกเป็นลำตัว แขนขาและอื่นๆรวม 6 ชิ้นทำให้เจ้าหน้าที่ชักไม่แน่ใจว่าคนร้ายเป็นเพียงแก๊งทำพาสปอร์ตปลอม น่าจะเป็นเครือข่ายแก๊งยาเสพติด หรือมาเฟียสำคัญที่หลบหนีมากบดานในเมืองไทยหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน ยังไม่มีความกระจ่างชัด และยังคงเป็นปริศนาต่อไป

อันดับที่ 9 คดี DSI งานเข้า -ฆาตกรรมซ่อนเงื่อนพนักงานที่ดินพังงา
คดีสะเทือนยุติธรรมไทยจนเกิดวาทะกรรมทำลายสังคม “มีผู้อื่นทำให้ตายแต่ไม่ใช่ฆาตกรรม” สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2559 ชุดสืบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ถือหมายจับศาลอาญาที่ 1165/2559 วันที่ 24 มิ.ย.2559 ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และร่วมกันทุจริตออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวจับกุมนายธวัชชัย อนุกุล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินพังงา สาขาท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ซึ่งพัวพันการออกโฉนดทับซ้อนที่อุทยานแห่งชาติหลายแห่ง ได้ที่ จ.นนทบุรี จากนั้นจึงนำตัวไปควบคุมยังชั้น 6 อาคารทำการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ต่อมากลางดึกวันที่ 30 ส.ค.2559 เจ้าหน้าที่ รปภ.ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้โทรศัพท์แจ้งขอรถพยาบาลฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เพื่อช่วยเหลือนายธวัชชัย โดยระบุว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นลมหมดสติแต่ต่อมาเมื่อถึงมือแพทย์เพียงไม่กี่นาทีอดีตพนักงานที่ดินพังงา ได้เสียชีวิต และผลการชันสูตรศพพบว่ามีเลือดไหลในช่องท้อง ตับแตก ญาติจึงนำความไม่ชอบมาพากลมาเปิดเผย รวมทั้งแถลงการณ์ของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ที่ระบุอย่างชัดเจนว่าสาเหตุการตายมาจากถูกทำร้าย คดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังไม่มีบทสรุปที่แน่ชัดออกมา

อันดับที่ 10 “ผัวดารา-สั่งการ์ดรุมตืบลูกนายพล”
คดีดังปิดท้าย 10 อันดับข่าวอาชญากรรมแห่งปีหากไม่ยกให้กรณี “บอล-กฤษณะ อมิตรสูญ”เจ้าของวลีเด็ด “กูรวย กูมีเมียดารา”ให้ติดท็อปเท็นก็คงกระไรอยู่...25 พ.ย.2559 ชณะที่ นายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ หรือน้องเจมส์บอนด์ หนุ่มน้อยหน้ามล ที่เข้าไปเที่ยวดื่มกินในผับมารินสกาย จ.เชียงใหม่ กำลังเดินเข้าห้องน้ำชายเพื่อปลดทุกข์ พลันได้ยินเสียงเข้มของกลุ่มการ์ดดาราชาย-หญิง ซึ่งเป็นหุ้นส่วนกิจการตะโกนห้ามไม่ให้เข้าเนื่องจากมีลูกค้าระดับวีไอพี กำลังใช้งานอยู่ หนุ่มน้อยเจมส์บอนด์ จึงเข้าไปใช้ห้องน้ำหญิง ก่อนเดินออกมาและถูกกลุ่มการ์ด พร้อมเด็กเสิร์ฟ ช่วยกันรุมสกรัมจนสลบเหมือด

หลังตกเป็นข่าวโดยทราบต่อมาว่าหนุ่มน้อยเจมส์บอนด์ หรือ นายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ ไม่ใช่นักเที่ยวลุกชาวบ้านธรรมดาๆแต่เป็นบุตรชายคนเดียวของ พล.ต.วิทยา วรรคาวิสันต์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 ประเด็นจึงเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เริ่มจากการหลบหน้าหลบตาของ บอล-กฤษณะ รวมทั้งการออกมาแถลงด่วนของทายาท “โค้วยุฮะ”ว่าบอล ไม่ใช่เจ้าของโรงแรมเดอะ คอร์ท และไม่เกี่ยวข้องกับโครงการเดอะเชียงใหม่ คอมเพล็กซ์ เพียงแค่เป็นลูกจ้างที่ให้มาบริหารงานเท่านั้น และหลังจากเกิดเหตุได้ยกสัญญาเลิกจ้างไปแล้ว

ฐานะของ บอล-กฤษณะ ขาโจ๋ขวัญใจ อุ้ม-ลักขณา จึงโดดเดี่ยว กลายเป็นต้องหลบฉาก หนีหน้าจากวงการราตรีไปอย่างไร้ร่องรอยแต่ที่สุดแล้วหลังตำรวจเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำซึ่งล้วนเป็นดาราดังอาทิ อุ้ม-ลักขณา หมาก-ปริญ แต้ว-ณฐพร มิว-นิษฐา บอล-กฤษณะ ก็โผล่เข้ามอบตัวในฐานะผู้ต้องหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส คดีนี้สร้างความเกรียวกราวให้กับสังคมไทยมากโดยเฉพาะคอบันเทิงที่รู้สึกหมั่นไส้ บอล-กฤษณะ เป็นทุนอยู่แล้ว ผลของการเสนอข่าวยังกระเพื่อมถึงบรรดาโรงแรม ผับ บาร์ที่กระทำผิดกฎหมาย เฉพาะร้านมารินสกาย “ต้นเรื่อง-ยำลูกนายพล” เจ้าของตัดสินใจรื้อทิ้งทันทีหลังเกิดเรื่องขึ้น.


กำลังโหลดความคิดเห็น