“สุวพันธุ์” มายังไง

ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา

บรรดาคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา4 รัฐมนตรีที่ถูกจับจ้องมากที่สุด คงต้องยกให้กับ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

ประเด็นที่ถูกถามดังๆ คือ ทำไม พล.อ.ประยุทธ์จึงเลือกนายสุวพันธุ์มาคุมกระทรวงยุติธรรม และนายสุวพันธุ์จะสู้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ได้หรือไม่ และจะจัดการวัดธรรมกายอยู่หรือเปล่า

การประกาศรายชื่อนายสุวพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แม้จะไม่มีเสียง “ยี้” แต่ก็ไม่มีกระแสตอบรับมากนัก เนื่องจากสังคมไม่มีความคาดหวังนายสุวพันธุ์เท่าไหร่

ผลงานเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่มีอะไรโดดเด่น

มีเพียงการชะลอกาเสนอแต่งตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์หรือสมเด็จช่วง เป็นสมเด็จกระสังฆราชเท่านั้น ส่วนผลงานด้านอื่นไม่ชัดเจน

การโยกคนที่พูดน้อย ไม่ค่อยแสดงวิสัยทัศน์ และยังไม่มีผลงานที่สร้างความประทับใจ เข้ามาดูแลกระทรวงสำคัญ ทำให้ประชาชนมีความรู้สึกผิดหวังเล็กๆ

เพราะพล.อ.ไพบูลย์สร้างผลงานไว้ดี เป็นรัฐมนตรีที่มีผลงานโดดเด่นที่สุด เป็นหน้าเป็นตาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และเป็นที่ยอมรับของประชาชน

ผลงานของกระทรวงยุติธรรมยุค พล.อ.ไพบูลย์มีหลายด้าน ไม่เฉพาะการดำเนินคดีธัมมชโย การจัดการวัดธรรมกายการจัดระเบียนในกรมราชทัณฑ์ และยังมีแนวคิดในการปฏิรูปตำรวจ โดยเตรียมผลักดันให้มีการยกเลิกสินบนนำจับยาเสพติด รวมทั้งอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนการปฏิรูปกระทวนการยุติธรรม

พล.อ.ไพบูลย์เป็นคนพูดชัด ทำจริง ไม่หวั่นไหวแรงกดดันใดๆ แตกต่างจากนายสุวพันธ์ ซึ่ง ไม่ค่อยพูด และไม่ค่อยได้ชนกับปัญหา

เมื่อพล.อ.ประยุทธ์เลือกให้มานั่งกระทรวงยุติธรรม จึงเกิดความห่วงใยในบทบาทของกระทรวงแห่งนี้ ห่วงว่าปัญหาธัมมชโยอาจไม่จบ ห่วงว่า นโยบายที่พล.อ.ไพบูลย์ปูรากฐานไว้ จะไม่ได้รับการสานต่อ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอาจสะดุดหยุดลง

ทุกคนพร้อมให้โอกาส ทุกคนพร้อมให้เวลานายสุวพันธุ์ในการพิสูจน์ฝีมือ แต่ระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กว่า 2 ปีที่ผ่านมา จึงแทบไม่มีความคาดหวังกับรัฐมนตรียุติธรรมคนใหม่

เพราะถ้ามีฝีมือ มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ มีความมุ่งมั่น ผลงานน่าจะปรากฏตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีสำนักนายกฯ แล้ว พล.อ.ไพบูลย์ทำไว้ดี นายสุวพันธุ์จึงต้องแบกรับแรงกดดันไว้เต็มบ่า เพราะถ้าทำได้ไม่ดีกว่า จะถูกวิพากษ์ เสียหายไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ที่ยอมรับว่า คัดเลือกนายสุวพันธุ์มากับมือ

นายสุวพันธุ์ไม่มีเวลาที่จะร่ายรำอีกแล้ว ต้องเดินหน้าลุยสร้างผลงานทันที

คดีธัมมชโยจะจบเมื่อไหร่ คดีวัดธรรมกายจะเอาอย่างไร การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมจะเดินหน้าต่อให้เกิดเป็นรูปธรรมได้หรือไม่

ถ้านายสุวพันธุ์มีความมุ่งมั่นสร้างผลงาน เป็นนักสู้ ไม่ถอดใจง่ายๆ การรับตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม ถือเป็นความท้าทายสำคัญในชีวิต ยิ่งพล.อ.ไพบูลย์สร้างผลงานนำร่องไว้ ยิ่งเพิ่มความท้าทาย เพราะจะต้องทุ่มเทการทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อลบล้างคำสบประมาท

ที่สำคัญ จะต้องไม่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องผิดหวัง

ช่วงเป็นรัฐมนตรีสำนักนายกฯ มีผลงานบ้าง ไม่มีผลงานบ้าง พออภัยกันได้ แต่เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นรัฐมนตรียุติธรรมแล้ว จะอยู่กันไปวันๆ ไม่ได้

เพราะรัฐมนตรีคนเก่าซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกันยังกระฉับกระเฉง และกระตือรือร้นในการแก้ปัญหาตลอดเวลา ผลงานจึงปรากฏ จนเป็นรัฐมนตรีระดับหัวแถวที่ประชาชนศรัทธา ขณะที่นายสุวพันธ์หมิ่นเหม่ที่จะอยู่ในข่ายรัฐมนตรีที่โลกลืมด้วยซ้ำ

ต้องส่งกำลังใจเชียร์นายสุวพันธุ์กันหน่อย ขอให้สู้ๆ เพราะถ้าไม่สู้ ถ้าไม่มีผลงาน ชื่อเสียงจะจบสิ้นกันที่กระทรวงยุติธรรมนี่แหละ

กระทรวงเดียวกันแท้ๆ คนหนึ่งมาดูแลแล้ว กลายเป็นกระทรวงที่มีผลงานโดดเด่น กลายเป็นกระทรวง “ดัง” แต่เปลี่ยนคนใหม่ดูแล ถ้ากลับกลายเป็นกระทรวงที่ไร้ผลงาน กลายเป็นกระทรวงที่ “ดับ” นายสุวพันธ์คงได้อายบ้างล่ะ

ไม่มีใครอยากเห็นนายสุวพันธ์ได้อาย พล.อ.ไพบูลย์ แต่อยากเห็นรัฐมนตรียุติธรรมคนใหม่สร้างผลงานได้ไม่น้อยหน้า พล.อ.ไพบูลย์มากกว่า