xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ครม.ประยุทธ์ 4” สยบทุกข่าวลือ ย้ำสัมพันธ์ “พี่น้อง 3 ป.” สุดปึ้ก “เฮียกวง” บารมีเปล่ง “ไทยแลนด์ 4.0” พุ่งปรี๊ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่คราวนี้ยังไม่ถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีตามกระแสข่าวลือ แต่ก็มีสัญญาณว่าอีกไม่นานคงต้องลาโรงกลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ลับ ลวง พราง ตามสไตล์ “รัฐบาลทหาร” กระทั่งการปรับคณะรัฐมนตรีก็เดาทางได้ยาก กระทั่งเที่ยวล่าสุดที่ว่ากันว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กลั่นกรองทำรายชื่อ ครม.ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว ก็ยังแหกสารพัดโผที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้เสียกระจุย

อย่างตัวเต็งๆที่ “นอนมา” จ่อร่วม ครม.ประยุทธ 4 ก่อนหน้านี้อย่าง “บิ๊กโชย” พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตตั้งแต่การปรับครั้งก่อนนู่น มาครั้งนี้ก็ถูกคาดหมายว่า จะได้แต่งตัวเป็นเสนาบดีสักที แต่ก็เกิดขัดข้องทางเทคนิคแคล้วคลาดไม่ได้ร่วม “เรือแป๊ะ” และคงบ่ายหน้าไป “ตำแหน่งที่ใหญ่กว่า” หลังยื่นใบลาออกจากสมาชิกนิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หรืออย่างเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มวยแทน “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯเป็นองคมนตรี แคนดิเดตมาเป็นพรืด จู่ๆกลับเป็น สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ข้ามห้วยมากินตำแหน่งใหญ่ขึ้นเป็น “เจ้ากระทรวงตราชั่งคนใหม่” แบบเซอร์ไพร์สเล็กๆ ปาดหน้าแคนดิเดตคนอื่นๆที่ต้องไปกอดคอซดน้ำแห้วกัน แต่ “สุวพันธุ์” ก็ต้องทำใจยอมรับ “ของร้อน” ที่มีรออยู่เต็มกระบุง

การเลือกพลเรือน ไม่ใช่ทอปบูต มาคุมกระทรวงยุติธรรม น่าจะเป็น “หมากกล” อย่างหนึ่งอขงรัฐบาล คสช. โดยเฉพาะคดี “ธัมมชโย” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ยังเป็นยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกักกันอยู่ เรื่องของเรื่องเพราะนายสุวพันธุ์เคยกำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มา เป็นฝ่ายประสานกับมหาเถรสมาคม (มส.) เรื่อง “ธัมมชโย” ตลอดจนกรณีของ “สมเด็จช่วง” มาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่สไตล์การทำงานแตกต่างจาก พล.อ.ไพบูลย์ เพราะเป็นประเภทเป็นประนีประนอมมากกว่าจะเป็น “สายเหยี่ยว” กระนั้นก็มีลูกเหลี่ยมทางการเมืองก็ยังพอมีบ้าง ในฐานะอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

แต่หลายฝ่ายก็หวั่นๆเหมือนกันว่า นายสุวพันธุ์ยังชั้นไม่ถึงจะไปปะมือกับ “ลัทธิจานบิน” จนมีเสียงโห่ฮาไล่หลังรายชื่อที่ออกมาแล้ว

แม้แต่เก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่พื้นที่นี้เคยฟังธงฉับว่า อุตตม สาวนายน เจ้าของสัมปทานเดิมตีตราจองไว้แล้ว แต่ก็ต้องหน้าแหกเช่นเดียวกับสำนักอื่นๆ เมื่อเป็น พิเชฐ ดรุงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สลับดอกมาฟาดตำแหน่ง “เสนาบดี DE คนแรก” ไปชนิดไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ส่วนพวกทหาร-พลเรือนที่หวังหยิบชิ้นปลามันก็อกหักกันเป็นแถบๆ

นอกจาก “ลับ ลวง พราง” ตามสไตล์ทอปบูตแล้ว อีกเรื่องที่ชัดเจนคือการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หรือ “Leave no man behind” ตามสไตล์ทหารเวลาออกศึกสงคราม เพราะจะเห็นได้ว่า “ครม.ประยุทธ์ 4” ที่มีการปรับเปลี่ยนถึง 12 เก้าอี้ แต่ก็เป็นไปในแบบเก้าอี้ดนตรี มีคนเข้าใหม่มา 5 คน หากนับรวมนายอุตตมที่ไปกินตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย ไม่มีใครต้องม้วนเสื่อเก็บของกลับไปเลี้ยงหลานที่บ้าน

ในอารมณ์ที่ก็รู้กัน “นายกฯลุงตู่” เป็นประเภทขี้เกรงใจ เพราะรู้ว่าตอนชวนให้มาอยู่ด้วยกัน ทุกคนมีโอกาสต่างอยู่ในภาวะเสี่ยง มีแต่เข้าเนื้อ เจ็บตัว พอหมดค่าจะเฉดหัวทิ้งคงไม่ใช่ อย่างน้อยก็ใช้ใจซื้อใจให้อยู่ช่วยกันไปก่อน โดยรวมคือ บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ไม่มีใครต้องเสียใจ แม้ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเกรดเอ แต่ก็ยังมีเก้าอี้เสนาบดีรองก้นต่อไป

อาจจะนิยาม “ครม.ประยุทธ์ 4” สั้นๆ ง่ายๆ ว่า “ลุงตู่เลือกแล้ว”
 
ไม่เว้นแม้แต่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ลือกันสนั่นหวั่นไหวว่า ถอดใจยื่นใบลาออกไว้ล่วงหน้า หลัง “ลูกน้องคนสนิท” ไปก่อเรื่องให้ปวดเศียรเวียนเกล้า ทว่าโค้งสุดท้ายไม่มีอะไรในกอไผ่ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ยังอยู่เฝ้าถ้ำเสือเหมือนเดิม แต่เจ้าตัวก็ยังมีอาการฉุนเฉียว คล้ายกับอาฟเตอร์ช๊อคหลังเจอแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อยู่

แม้ข่าวลือที่ว่า พล.อ.ประวิตรถอดใจลาออกก่อนหน้านี้นั้น ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่การที่ “น้องตู่” ยังประคอง “พี่ป้อม” ไว้ในตำแหน่งเดิม ถือเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ “พี่รัก-น้องเลิฟ” ว่ายังแน่นปึ้กอยู่ แม้จะมี “มรสุม” พัดผ่านมาให้หวั่นไหวบ้างก็ตาม อีกทั้งยังเป็นการประกาศก้องให้รู้โดยทั่วกันว่า “เลือดข้นกว่าน้ำ” แก่นกลางของรัฐบาล คสช.ก็ยังเป็น “บูรพาพยัคฆ์” อยู่เช่นเดิม ซึ่งก็หมายรวมไปถึง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่พูดได้ว่าขาเก้าอี้มั่นคงที่สุดใน ครม.เลยทีเดียว

เท่ากับว่า “พี่น้อง 3 ป.” ยังต้องร่วมหัวจมท้ายกันไปอีก “อย่างน้อยช่วงระยะหนึ่ง” อาจรอจังหวะดีๆไทม์มิ่งลงตัวเพื่อเปิดทางให้ “พี่ใหญ่” สไลด์ลงจากหลังเสือให้นิ่มนวลที่สุด จับสัญญาณได้จากคำทำนายทายทักของ “โหร คมช.” วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าสำนักสุขิโตคนดัง ที่ระบุประมาณว่า ในปี 2560-2561 โดย พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่หมดหน้าที่ ต้องช่วยดูแลชาติบ้านเมืองต่อไป แต่ “เร็วๆนี้” อาจมีบางคนล้าไป มีเหตุต้องปรับเปลี่ยนเป็นปกติ หรือลาออก พร้อมยกชื่อ พล.อ.ประวิตร เป็นตัวอย่าง และบอกด้วยว่า 6 - 7 เดือนจะมีการปรับ ครม.อีกครั้งก่อนการเลือกตั้ง

คำพูดของนายวารินทร์นั้นมีน้ำหนักน่ารับฟัง ไม่ใช่ในฐานะ “โหร คมช.” หากแต่เป็นในฐานะ “วงใน” ที่รับรู้เรื่องต่างๆของ “บิ๊กทหาร” ทั้งในยุค คมช. ต่อเนื่องมาถึงยุค คสช. หลายครั้งจึงได้เห็นนายวารินทร์สวมบท “หมอดู” ออกมาทำนายทายทักเรื่องบ้านเมืองในลักษณะโยนหินถามทาง ที่สุดก็ตรงเป๊ะๆ ดังนั้นอนาคตของ “บิ๊กป้อม” ก็คงไม่ผิดไปจากที่นายวารินทร์ชี้ช่องไว้ เพียงแต่จะสละเรือแป๊ะไปแบบไหนให้สวยงามที่สุดเท่านั้น

เป็นที่น่าสังเกตว่าการปรับครั้งนี้มีการเสริมทัพคนใหม่เข้ามาแทนเก้าอี้ที่ว่างลง โดยไม่มีการเพิ่มอัตรานายทหารใหญ่เข้ามาตามที่คาด 4+1 คนใหม่ เป็นพลเรือนล้วนๆ ทำให้จำนวนทอปบูตในรัฐบาลประยุทธ์ เหลือเพียง 12 จาก 35 อัตรา ทั้งการเพิ่มรัฐมนตรีใหม่ที่ล้วนแล้วแต่เป็นพลเรือนนั้น ถือว่ามี “นัยสำคัญ” ไม่น้อย ยิ่งล่เรียงรายชื่อแล้วก็พบว่า “นายกฯประยุทธ์” ให้ความสำคัญให้การขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ขุนพลด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้โควต้าเสริมทัพรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง โดยคาดหวังว่าจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนโปรเจกต์ “ไทยแลนด์ 4.0 – ประชารัฐ” เพื่อกู้วิกฤตด้านเศรษฐกิจ

เพราะจุดที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด เห็นจะเป็นทีมเศรษฐกิจภายใต้การนำของ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่คนใน “ทีมสมคิด” ยังอยู่กันพร้อมหน้า สลับเก้าอี้กันเล็กน้อย โดยใน กระทรวงพาณิชย์ ก็ยังเป็น อภิรดี ตันตราภรณ์ เจ้ากระทรวงคนเดิม และดึง สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จากที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิย์ แทน สุวิทย์ เมษินทรีย์ ที่ถูกขยับไปใกล้ชิด “เฮียกวง” มากขึ้นในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ่วงตำแหน่งประธานวิปรัฐบาล ทำหน้าที่ประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

สำหรับนายสนธิรัตน์ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลเป็นสาย “เฮียกวง” โดยตรง เป็นสายการตลาด ซึ่งเคยเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะไร้ท์พาวเวอร์ จำกัด, ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะซิกเนเจอร์ แบรนด์ จำกัด และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ชมรม Y-ME สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ถูกชักชวนให้เข้ามาช่วยงาน คสช.ตั้งแต่แรกๆ ได้รับการสรรหาให้เป็น สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และที่ปรึกษารัฐมนตรี เที่ยวนี้อัพเกรดเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เช่นเดียวกับ อุตตม สาวนายน ที่คัมแบ็คมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ช่วยดันงานสร้างสตาร์ตอัพ ส่งเสริมเอสเอ็มอี และขับเคลื่อนโปรเจ็กต์ไทยแลนด์ 4.0

อีกรายก็สายเดียวกัน พิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมใหม่แกะกล่อง ก็ทำงานอยู่ใกล้ชิดมาตลอด โดยเคยเป็นประธานกรรมการและกรรมการในการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด มาในสายเดียวกับ ออมสิน ชีวพฤกษ์ ที่ลุกจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ไปเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ วีระศักดิ์ ฟูตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ที่ลาออกจาก สนช.มาร่วมรัฐบาล ก็ถือเป็นสายของ “เฮียกวง” เช่นกัน งวดนี้ได้ขยับเลเวลจากผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ช่วยงาน ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ช่วงหลังงานล้นมือ ซึ่งน่าจะเอามาช่วยแบ่งเบางานด้านเศรษฐกิจ คอยติดสอยหอยตาม “เฮียกวง” เวลาเดินทางไปเจรจาการค้าการลงทุนกับต่างแดน

ส่วนรายสุดท้ายคนนี้ไม่เซอร์ไพร์ส เพราะจัดเป็นสาย “บิ๊กตู่” อีกคน สำหรับ “ปลัดชุ” ชุติมา บุณยประภัศร อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่เที่ยวนี้ได้ขึ้นแท่นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แม้จะผิดความคาดหมายกันไปหน่อยว่า เกร็งกันว่าน่าจะได้อยู่ในกระทรวงที่ตัวเองเติบโตอย่างกระทรวงพาณิชย์ แต่หวยมาออกอีกกระทรวง

แต่ก็ไม่แปลกอะไรถ้าพลิกดูสายสัมพันธ์ น.ส.ชุติมาเองก็เคยทำงานร่วมกันกับ “บิ๊กฉัตร” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ สมัยนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มาก่อน เลยดึงคนคุ้นมือมาช่วย หลังแบกงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มานาน จนบ่นขอคนมาช่วยสักพักใหญ่ๆ
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดว่าจะมาทำหน้าที่ประสานงานระหว่าง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีข่าวว่าทำงานไม่เข้าขากัน

และเป็นที่ทราบกันว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในยุค “บิ๊กฉัตร” จะค่อนข้างเป็นเอกเทศ ไม่ขึ้นตรงต่อทีมเศรษฐกิจ ส่งผลต่อการบูรณาการแก้ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร จนมีข่าวว่า “เฮียกวง - บิ๊กฉัตร” ซดเกาเหลากันไปหลายถ้วย ที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ต้องโยกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาขึ้นกับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี แทนที่จะขึ้นตรงกับ “รองฯสมคิด” การได้ “ปลัดชุ” มาทำหน้าที่ฉนวนกันไฟฟ้าลัดวงจร คงทำให้การประสานระหว่างทีมเศรษฐกิจกับกระทรวงสำคัญแห่งนี้ราบรื่นขึ้น เพราะอย่างน้อยๆก็มีคนที่พูดคุยภาษาเดียวกันไว้คอยประสานยู่ตรงกลาง

โดยรวมเอาเป็นว่า การเลือกทีมเศรษฐกิจครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้อำนาจ นายสมคิดในการเลือกคนทำงานเอง โดยไม่เข้าไปก้าวก่าย อยากจะสลับโยกย้ายอย่างไรได้หมด แถมไม่เข้าไปเขี่ยใครออกอีกด้วย แม้ระยะหลังๆ จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงฟอร์มการแก้ไขปัญหาปากท้อง-เศรษฐกิจภาพรวมที่ยังไม่ถูกใจประชาชนเท่าไร

เมื่อผู้นำรัฐบาลให้ความไว้ใจอย่างสูง นอกจากไม่ลงมาล้วงลูกแล้ว ยังให้โควต้าในการเสริมทีมงานด้านเศรษฐกิจอีกด้วย เป็นสัญญาณไฟเขียวให้ “เฮียกวง” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเต็มที่ เดินเครื่องโปรเจกต์ “ไทยแลนด์ 4.0 - ประชารัฐ” แบบเต็มพิกัด

เมื่อได้รับโอกาสขนาดนี้แล้วก็อยู่มราว่า “เฮียกวง” จะโชว์ฟอร์มให้สมราคา “ขุนพลเศรษฐกิจ” ได้หรือไม่ หรือจะได้เป็น “ฮีโร่” กู้วิกฤตเศรษจกิจชาติให้เชิดหน้าขึ้น เพราะทั้งวางนโยบาย เลือกใช้คนเอง โดยไม่มีใครเข้ามาแทรกแซง

หากมีสรรพกำลังขนาดนี้ยังจุดไม่ติดเดินเครื่องไม่ได้ ก็คงไม่มีปี่กลองให้โทษ ต้องเซย์กู๊ดบายทางใครทางมัน

ยิ่งเศรษฐกิจในตอนนี้ตกต่ำดำดิ่งลงทุกขณะ คงไม่ใช่โอกาสที่ “ทีมสมคิด” จะฮันนีมูนซดน้ำผึ้งพระจันทร์อะไร แต่ต้องแสดงฝีมือโชว์ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจ

ส่วนจะเป็น “ฮีโร่” หรือ “ซีโร่” ไม่นานก็รู้กัน.


กำลังโหลดความคิดเห็น