ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพิ่งให้สัมภาษณ์หมาดๆ กล่าวขอบคุณ รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่สั่งปิด “วิทยุของกลุ่มคนเสื้อแดง” แต่ไม่ทันไร วิทยุคนเสื้อแดงในลาวก็กลับมาออกอากาศใหม่ และจาบจ้วงโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อีกครั้ง
วิทยุคนเสื้อแดงในลาว ออกอากาศในนครเวียงจันทน์ ดำเนินงานโดยกลุ่มคนเสื้อแดงที่หนีคดีมาตรา 112 นับสิบคน รวมทั้ง “โกตี๋” หรือนายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ แกนนำเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานีที่มีความสนิทสนมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
วิทยุแห่งนี้หยุดออกอากาศเมื่อวันที่19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประวิตรอ้างว่า ระหว่างเดินทางเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ที่นครเวียงจันทน์ เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีกลาโหมลาว จนนำไปสู่การสั่งปิดวิทยุคนเสื้อแดง นอกจากนั้น หากทางการลาวจับคนเสื้อแดงได้ คงส่งตัวให้ไทย
คำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตรทำให้เชื่อกันว่า วิทยุคนเสื้อแดงที่สุมหัวกันโจมตีสถาบันฯ คงจะปิดฉากลงถาวรแล้ว และคนเสื้อแดงที่หนีคดีมาตรา112 คงจะลี้ภัยในสภาพที่ต้องซุกหัวหลบอยู่ในลาว
เพราะหากออกมาเคลื่อนไหวโจมตีสถาบันฯ โจมตีประเทศไทย รัฐบาลลาวคงต้องจัดการ และส่งตัวข้ามฝั่งกลับมารับโทษในประเทศไทย
ไม่มีใครคิดว่า ทางการลาวจะวางเฉยกับบทบาทของคนเสื้อแดงที่หลบไปพักพิง ไม่มีใครคิดว่า รัฐบาลลาวจะ “ให้ท้าย” กลุ่มผู้ร้ายหนีคดีใช้นครเวียงจันทน์ เป็นฐานที่มั่น เคลื่อนไหวทำลายความมั่นคงของประเทศไทย เพราะลาวต้องตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
แต่เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา วิทยุเสื้อแดงก็กลับมาอาละวาด ออกอากาศอีกครั้ง โจมตีสถาบันตามเดิม
และเป็นการฉีกหน้าพล.อ.ประวิตรอย่างสิ้นเชิง
ไม่รู้ว่า พล.อ.ประวิตรไปคุยอะไรกับรัฐมนตรีกลาโหมไว้บ้าง แต่สิ่งที่คุยไว้ไม่มีความหมาย เพราะการโผล่ของวิทยุเสื้อแดง สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลลาวไม่ได้ให้ความสนใจใน “คำขอ” ของไทย
ไม่ได้จัดการคนเสื้อแดงที่อาศัยลาวเป็นที่ลี้ภัย และยังปล่อยให้คนเสื้อแดงใช้เวียงจันทน์เป็นฐานที่มั่นในการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกด้วย
ถ้าประเทศไทยเปิดพื้นที่ให้กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลลาวตั้งฐานที่มั่น ถ้าไทยสนับสนุนชนกลุ่มน้อยในลาวที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลลาวให้เข้ามาเคลื่อนไหวในประเทศไทยบ้าง ลาวจะรู้สึกอย่างไร จะสำนึกบ้างไหม
บางทีอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการรุนแรงตอบโต้กดดันลาวบ้างเหมือนกัน เพราะถ้ายังไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปล่อยให้กลุ่มผู้ร้ายที่ทางการไทยต้องการตัวไปเคลื่อนไหวอย่างอิสระ อำนวยความสะดวกถึงขั้นให้ตั้งวิทยุโจมตีสถาบันฯ ทำลายความมั่นคงของไทย รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะทนอีกหรือ
จะปล่อยให้ลาวมองประเทศไทย “ไร้น้ำยา” จะปล่อยให้คนเสื้อแดงที่มุดหัวไปฝั่งลาวเหิมเกริมต่อไปหรือ
การกลับมาใหม่ของวิทยุคนเสื้อแดงที่นครเวียงจันทน์ เหมือนเป็นการตบหน้าพล.อ.ประวิตรฉาดใหญ่ เพราะเคยประกาศเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ทางการลาวตกปากรับคำ จะจัดการคนเสื้อแดง แต่แล้วก็ตะบัดสัตย์ ไม่ดำเนินการอะไรแม้แต่น้อย
การให้ที่พักพิงกับคนเสื้อแดงที่หนีคดี การเปิดพื้นที่ให้เคลื่อนไหวทางการเมือง การปล่อยให้จัดตั้งวิทยุ เพื่อใช้เป็นกระบอกเสียงโจมตีประเทศไทย ประชาชนคนไทยมีสิทธิ์ที่จะคิดได้ไหมว่า รัฐบาลลาว ไม่เห็นรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในสายตา ไม่หวั่นไหวในผลกระทบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
และไม่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนคนไทย
ลาวไม่ได้ประกาศตัวเป็นศัตรูกับไทย แต่การปล่อยให้คนเสื้อแดงใช้ลาวเป็นฐานที่มั่น เป็นการแสดงท่าทีที่ไม่สู้จะเป็นมิตรนัก และไม่น่าเป็นการปฏิบัติในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน
นายทักษิณ ชินวัตรอยู่เบื้องหลัง เจรจาให้ลาวรับคนเสื้อแดงไปลี้ภัยหรือไม่ เป็นคนประสาน เพื่อให้ลาวอำนวยความสะดวกคนเสื้อแดงในการจัดตั้งวิทยุโจมตีสถาบันฯหรือเปล่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสืบสาวหาความจริง เพราะคำตอบที่ประชาชนอยากรู้ขณะนี้คือ
เพราะเหตุใดลาวจึงไม่ตอบสนองคำขอของประเทศไทย ทำไมจึงยอมให้คนเสื้อแดงใช้แผ่นดินเพื่อเคลื่อนไหวทำลายความมั่นคงของประเทศไทย
ทำไมจึงไม่จับคนเสื้อแดงที่หนีกฎหมายส่งกลับมาให้ไทยดำเนินคดี
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์จะเมินเฉยต่อท่าทีที่ไม่เป็นมิตรของลาวหรือ จะปล่อยให้เลี้ยงดูปูเสื่อคนเสื้อแดงอย่างดี เหมือนจงใจหยามหน้าประเทศไทยอย่างนั้นหรือ
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพิ่งให้สัมภาษณ์หมาดๆ กล่าวขอบคุณ รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่สั่งปิด “วิทยุของกลุ่มคนเสื้อแดง” แต่ไม่ทันไร วิทยุคนเสื้อแดงในลาวก็กลับมาออกอากาศใหม่ และจาบจ้วงโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อีกครั้ง
วิทยุคนเสื้อแดงในลาว ออกอากาศในนครเวียงจันทน์ ดำเนินงานโดยกลุ่มคนเสื้อแดงที่หนีคดีมาตรา 112 นับสิบคน รวมทั้ง “โกตี๋” หรือนายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ แกนนำเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานีที่มีความสนิทสนมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
วิทยุแห่งนี้หยุดออกอากาศเมื่อวันที่19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประวิตรอ้างว่า ระหว่างเดินทางเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ที่นครเวียงจันทน์ เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีกลาโหมลาว จนนำไปสู่การสั่งปิดวิทยุคนเสื้อแดง นอกจากนั้น หากทางการลาวจับคนเสื้อแดงได้ คงส่งตัวให้ไทย
คำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตรทำให้เชื่อกันว่า วิทยุคนเสื้อแดงที่สุมหัวกันโจมตีสถาบันฯ คงจะปิดฉากลงถาวรแล้ว และคนเสื้อแดงที่หนีคดีมาตรา112 คงจะลี้ภัยในสภาพที่ต้องซุกหัวหลบอยู่ในลาว
เพราะหากออกมาเคลื่อนไหวโจมตีสถาบันฯ โจมตีประเทศไทย รัฐบาลลาวคงต้องจัดการ และส่งตัวข้ามฝั่งกลับมารับโทษในประเทศไทย
ไม่มีใครคิดว่า ทางการลาวจะวางเฉยกับบทบาทของคนเสื้อแดงที่หลบไปพักพิง ไม่มีใครคิดว่า รัฐบาลลาวจะ “ให้ท้าย” กลุ่มผู้ร้ายหนีคดีใช้นครเวียงจันทน์ เป็นฐานที่มั่น เคลื่อนไหวทำลายความมั่นคงของประเทศไทย เพราะลาวต้องตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
แต่เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา วิทยุเสื้อแดงก็กลับมาอาละวาด ออกอากาศอีกครั้ง โจมตีสถาบันตามเดิม
และเป็นการฉีกหน้าพล.อ.ประวิตรอย่างสิ้นเชิง
ไม่รู้ว่า พล.อ.ประวิตรไปคุยอะไรกับรัฐมนตรีกลาโหมไว้บ้าง แต่สิ่งที่คุยไว้ไม่มีความหมาย เพราะการโผล่ของวิทยุเสื้อแดง สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลลาวไม่ได้ให้ความสนใจใน “คำขอ” ของไทย
ไม่ได้จัดการคนเสื้อแดงที่อาศัยลาวเป็นที่ลี้ภัย และยังปล่อยให้คนเสื้อแดงใช้เวียงจันทน์เป็นฐานที่มั่นในการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกด้วย
ถ้าประเทศไทยเปิดพื้นที่ให้กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลลาวตั้งฐานที่มั่น ถ้าไทยสนับสนุนชนกลุ่มน้อยในลาวที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลลาวให้เข้ามาเคลื่อนไหวในประเทศไทยบ้าง ลาวจะรู้สึกอย่างไร จะสำนึกบ้างไหม
บางทีอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการรุนแรงตอบโต้กดดันลาวบ้างเหมือนกัน เพราะถ้ายังไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปล่อยให้กลุ่มผู้ร้ายที่ทางการไทยต้องการตัวไปเคลื่อนไหวอย่างอิสระ อำนวยความสะดวกถึงขั้นให้ตั้งวิทยุโจมตีสถาบันฯ ทำลายความมั่นคงของไทย รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะทนอีกหรือ
จะปล่อยให้ลาวมองประเทศไทย “ไร้น้ำยา” จะปล่อยให้คนเสื้อแดงที่มุดหัวไปฝั่งลาวเหิมเกริมต่อไปหรือ
การกลับมาใหม่ของวิทยุคนเสื้อแดงที่นครเวียงจันทน์ เหมือนเป็นการตบหน้าพล.อ.ประวิตรฉาดใหญ่ เพราะเคยประกาศเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ทางการลาวตกปากรับคำ จะจัดการคนเสื้อแดง แต่แล้วก็ตะบัดสัตย์ ไม่ดำเนินการอะไรแม้แต่น้อย
การให้ที่พักพิงกับคนเสื้อแดงที่หนีคดี การเปิดพื้นที่ให้เคลื่อนไหวทางการเมือง การปล่อยให้จัดตั้งวิทยุ เพื่อใช้เป็นกระบอกเสียงโจมตีประเทศไทย ประชาชนคนไทยมีสิทธิ์ที่จะคิดได้ไหมว่า รัฐบาลลาว ไม่เห็นรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในสายตา ไม่หวั่นไหวในผลกระทบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
และไม่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนคนไทย
ลาวไม่ได้ประกาศตัวเป็นศัตรูกับไทย แต่การปล่อยให้คนเสื้อแดงใช้ลาวเป็นฐานที่มั่น เป็นการแสดงท่าทีที่ไม่สู้จะเป็นมิตรนัก และไม่น่าเป็นการปฏิบัติในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน
นายทักษิณ ชินวัตรอยู่เบื้องหลัง เจรจาให้ลาวรับคนเสื้อแดงไปลี้ภัยหรือไม่ เป็นคนประสาน เพื่อให้ลาวอำนวยความสะดวกคนเสื้อแดงในการจัดตั้งวิทยุโจมตีสถาบันฯหรือเปล่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสืบสาวหาความจริง เพราะคำตอบที่ประชาชนอยากรู้ขณะนี้คือ
เพราะเหตุใดลาวจึงไม่ตอบสนองคำขอของประเทศไทย ทำไมจึงยอมให้คนเสื้อแดงใช้แผ่นดินเพื่อเคลื่อนไหวทำลายความมั่นคงของประเทศไทย
ทำไมจึงไม่จับคนเสื้อแดงที่หนีกฎหมายส่งกลับมาให้ไทยดำเนินคดี
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์จะเมินเฉยต่อท่าทีที่ไม่เป็นมิตรของลาวหรือ จะปล่อยให้เลี้ยงดูปูเสื่อคนเสื้อแดงอย่างดี เหมือนจงใจหยามหน้าประเทศไทยอย่างนั้นหรือ
