หลังจากตกเป็นข่าวเดินทางไปญี่ปุ่นร่วมกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งถูกตำรวจญี่ปุ่นจับข้อหาพกอาวุธปืน นางปวีณา หงสกุล ผู้ก่อตั้งมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรีก็เงียบหายไปพักใหญ่ จนข่าวพล.ต.ท.คำรณวิทย์จางลง จึงเริ่มกลับมาทำกิจกรรมทางสังคมต่อ
แต่กิจกรรมทางสังคมครั้งล่าสุด นางปวีณาตกเป็นข่าวฉาวโฉ่อีก ถูกสังคมออนไลน์โจมตีกรณีสร้างภาพช่วยเหลือเด็กที่ถูกแม่ทำทารุณ ทั้งที่ไม่ได้ลงไปในพื้นที่เกิดเหตุแต่อย่างใด
เหตุการณ์แม่ทารุณลูกสาวซึ่งเป็นเด็กเล็ก เกิดขึ้นที่บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ในท้องที่สน.บางแก้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยโลกออนไลน์ได้แพร่ภาพการทารุณ ทำให้เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสมุทรปราการ ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือเด็กออกมา
นางปวีณาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่กลับแสดงบทเหมือนกับคนที่เข้าไปช่วยเหลือเด็กออกมา
สังคมออนไลน์เปิดโปงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางแก้ว พยายามถ่วงเวลา เพื่อรอนางปวีณามาที่โรงพัก เมื่อเดินทางมาถึงจึงเปิดแถลงข่าวการช่วยเหลือเด็ก โดยได้นัดสื่อมวลชนไว้ล่วงหน้า
นางปวีณาอาจมีเส้นสายในแวดวงตำรวจ เพราะมีความสนิทสนมกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์มานาน และพล.ต.ท.คำรณวิทย์เพิ่งสิ้นอำนาจเพียง 2 ปีเศษ จึงยังมีตำรวจบางส่วนที่ยังเกรงบารมีอยู่ โดยแจ้งข่าวการช่วยเหลือเด็กให้นางปวีณารู้
แต่การสร้างภาพช่วยเหลือเด็กที่บางพลีครั้งนี้ ทำให้นางปวีณาถูกตั้งฉายา เป็น “นางฟ้าหน้ากล้อง” เพราะชิงแสดงบทแถลงข่าวเหมือนนางเอกตัดหน้าเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งทำงานช่วยเหลือเด็กตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่รู้ว่า การช่วยเหลือเด็กหรือสตรีที่ถูกทำร้าย ถูกทารุณของนางปวีณาที่ผ่านมา จะมีลักษณะการสร้างภาพบ้างหรือไม่ แต่การช่วยเหลือเด็กที่บางพลี ถูกตีแผ่ถึงพฤติการณ์การสร้างภาพ
การตั้งมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี เป็นการแสดงบทบาทงานด้านสังคม และแม้จะมีเป้าหมายเพื่อเรียกคะแนนนิยมทางการเมือง แต่ก็ไม่มีใครโจมตีนางปวีณาในการสร้างภาพเป็นนักกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์เท่าไหร่นัก
เพราะงานที่นางปวีณาทำถือว่าเป็นประโยชน์ เป็นอีกหน่วยหนึ่งในสังคมที่ทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนเด็กและสตรี เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้เด็กและสตรีที่ถูกกระทำ
เพียงแต่การช่วยเหลือเด็กที่บางพลี นางปวีณามุ่งการสร้างภาพมากไปหน่อย จนสังคมรับไม่ได้
เพราะทำให้เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ทุ่มเทการทำงานเสียกำลังใจ
นางปวีณารู้หรือยังว่า ทำอะไรลงไปในวันนั้น ถ้ายังไม่รู้ ต้องฟังเสียงสะท้อนของนายเตชะ ทับทอง ผู้ประสานงานให้เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปช่วยเหลือเด็กที่โพสต์ความในใจผ่านโลกออนไลน์ โดยระบุว่า วันเกิดเหตุ ทุกคนต้องนั่งรอ “ทีมนางฟ้าหน้ากล้อง” อยู่บนโรงพัก และภาพข่าวที่ออกไป เหมือนนางฟ้าไปอุ้มเด็กช่วยมาจากบ้าน
นายเตชะระบุต่อว่า ประเทศชาติเราเลิกวิธีการอย่างนี้กันเถอะครับ สงสารเจ้าหน้าที่ที่ทำงานทุ่มเทกันเหนื่อยกายเหนื่อยใจ แต่กลับถูกตัดหน้าผลงาน ข้าราชการดีๆ ที่ไหนจะทนได้ เห็นใจข้าราชการน้ำดีที่ตั้งใจทำงานถวายแผ่นดินกันบ้างเถอะ
“ไม่อยากด่าใครนะครับ หวังเพียงให้สังคมสำนึกกับเรื่องแบบนี้ ขอออกโรงกระตุกสำนึกความเป็นคนกันหน่อยนะครับ” นายเตชะโพสต์ข้อความส่งท้าย
มูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี อาจเคยถูกวิจารณ์มาบ้างในเรื่องของการสร้างภาพ แต่นางปวีณาไม่เคยถูกตีแผ่อย่างเสียหายหนักเท่าการสร้างภาพช่วยเด็กที่ย่านบางพลีในครั้งนี้
สังคมพยายามแยกบทบาทของนางปวีณา ระหว่างการเป็นนักสังคมสงเคราะห์กับนักการเมือง หรือแม้แต่การสนิทสนมกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ นายตำรวจที่เปิดตัวรับใช้นายทักษิณ ชินวัตร โดยไม่นำมูลนิธิฯ ไปโยงกับการเมืองและพล.ต.ท.คำรณวิทย์
แต่นางปวีณาแยกบทของตัวเองถูกหรือไม่ แยกเป้าหมายของมูลนิธิฯ กับเป้าหมายทางการเมืองออกหรือไม่
งานด้านสาธารณประโยชน์ต้องทุ่มเทกันทั้งใจ และต้องเป็นใจที่เต็มไปด้วยกุศล ไม่ฝักใฝ่การสร้างภาพเพื่อผลทางการเมือง เพราะถ้าแฝงเร้นเป้าหมายการสร้างภาพทางการเมือง วันหนึ่งพฤติกรรมจะถูกเปิดโปง
และวันนี้บทบาทในฐานะนักสังคมสงเคราะห์ของนางปวีณาก็ถูกเปิดโปงแล้ว ฉายา “นางฟ้าหน้ากล้อง” ที่คนในโลกออนไลน์ตั้งให้หลังกรณีสร้างภาพช่วยเด็กย่านบางพลี จะกระทบต่อศรัทธาของมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ปวีณา หงสกุล” หาที่ยืนยากขึ้นแล้ว เพราะเป็นนักการเมืองก็หาจุดขายลำบาก หนีมาเป็นนักสังคมสงเคราะห์ ก็ถูกเปิดโปงการเป็นนักสร้างภาพเสียอีก
ต้องทบทวนตัวเองแล้ว จะเป็นนางฟ้าผู้ใจบุญหรือจะเป็นแค่นางฟ้าหน้ากล้องไปวันๆ
แต่กิจกรรมทางสังคมครั้งล่าสุด นางปวีณาตกเป็นข่าวฉาวโฉ่อีก ถูกสังคมออนไลน์โจมตีกรณีสร้างภาพช่วยเหลือเด็กที่ถูกแม่ทำทารุณ ทั้งที่ไม่ได้ลงไปในพื้นที่เกิดเหตุแต่อย่างใด
เหตุการณ์แม่ทารุณลูกสาวซึ่งเป็นเด็กเล็ก เกิดขึ้นที่บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ในท้องที่สน.บางแก้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยโลกออนไลน์ได้แพร่ภาพการทารุณ ทำให้เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสมุทรปราการ ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือเด็กออกมา
นางปวีณาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่กลับแสดงบทเหมือนกับคนที่เข้าไปช่วยเหลือเด็กออกมา
สังคมออนไลน์เปิดโปงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางแก้ว พยายามถ่วงเวลา เพื่อรอนางปวีณามาที่โรงพัก เมื่อเดินทางมาถึงจึงเปิดแถลงข่าวการช่วยเหลือเด็ก โดยได้นัดสื่อมวลชนไว้ล่วงหน้า
นางปวีณาอาจมีเส้นสายในแวดวงตำรวจ เพราะมีความสนิทสนมกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์มานาน และพล.ต.ท.คำรณวิทย์เพิ่งสิ้นอำนาจเพียง 2 ปีเศษ จึงยังมีตำรวจบางส่วนที่ยังเกรงบารมีอยู่ โดยแจ้งข่าวการช่วยเหลือเด็กให้นางปวีณารู้
แต่การสร้างภาพช่วยเหลือเด็กที่บางพลีครั้งนี้ ทำให้นางปวีณาถูกตั้งฉายา เป็น “นางฟ้าหน้ากล้อง” เพราะชิงแสดงบทแถลงข่าวเหมือนนางเอกตัดหน้าเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งทำงานช่วยเหลือเด็กตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่รู้ว่า การช่วยเหลือเด็กหรือสตรีที่ถูกทำร้าย ถูกทารุณของนางปวีณาที่ผ่านมา จะมีลักษณะการสร้างภาพบ้างหรือไม่ แต่การช่วยเหลือเด็กที่บางพลี ถูกตีแผ่ถึงพฤติการณ์การสร้างภาพ
การตั้งมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี เป็นการแสดงบทบาทงานด้านสังคม และแม้จะมีเป้าหมายเพื่อเรียกคะแนนนิยมทางการเมือง แต่ก็ไม่มีใครโจมตีนางปวีณาในการสร้างภาพเป็นนักกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์เท่าไหร่นัก
เพราะงานที่นางปวีณาทำถือว่าเป็นประโยชน์ เป็นอีกหน่วยหนึ่งในสังคมที่ทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนเด็กและสตรี เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้เด็กและสตรีที่ถูกกระทำ
เพียงแต่การช่วยเหลือเด็กที่บางพลี นางปวีณามุ่งการสร้างภาพมากไปหน่อย จนสังคมรับไม่ได้
เพราะทำให้เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ทุ่มเทการทำงานเสียกำลังใจ
นางปวีณารู้หรือยังว่า ทำอะไรลงไปในวันนั้น ถ้ายังไม่รู้ ต้องฟังเสียงสะท้อนของนายเตชะ ทับทอง ผู้ประสานงานให้เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปช่วยเหลือเด็กที่โพสต์ความในใจผ่านโลกออนไลน์ โดยระบุว่า วันเกิดเหตุ ทุกคนต้องนั่งรอ “ทีมนางฟ้าหน้ากล้อง” อยู่บนโรงพัก และภาพข่าวที่ออกไป เหมือนนางฟ้าไปอุ้มเด็กช่วยมาจากบ้าน
นายเตชะระบุต่อว่า ประเทศชาติเราเลิกวิธีการอย่างนี้กันเถอะครับ สงสารเจ้าหน้าที่ที่ทำงานทุ่มเทกันเหนื่อยกายเหนื่อยใจ แต่กลับถูกตัดหน้าผลงาน ข้าราชการดีๆ ที่ไหนจะทนได้ เห็นใจข้าราชการน้ำดีที่ตั้งใจทำงานถวายแผ่นดินกันบ้างเถอะ
“ไม่อยากด่าใครนะครับ หวังเพียงให้สังคมสำนึกกับเรื่องแบบนี้ ขอออกโรงกระตุกสำนึกความเป็นคนกันหน่อยนะครับ” นายเตชะโพสต์ข้อความส่งท้าย
มูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี อาจเคยถูกวิจารณ์มาบ้างในเรื่องของการสร้างภาพ แต่นางปวีณาไม่เคยถูกตีแผ่อย่างเสียหายหนักเท่าการสร้างภาพช่วยเด็กที่ย่านบางพลีในครั้งนี้
สังคมพยายามแยกบทบาทของนางปวีณา ระหว่างการเป็นนักสังคมสงเคราะห์กับนักการเมือง หรือแม้แต่การสนิทสนมกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ นายตำรวจที่เปิดตัวรับใช้นายทักษิณ ชินวัตร โดยไม่นำมูลนิธิฯ ไปโยงกับการเมืองและพล.ต.ท.คำรณวิทย์
แต่นางปวีณาแยกบทของตัวเองถูกหรือไม่ แยกเป้าหมายของมูลนิธิฯ กับเป้าหมายทางการเมืองออกหรือไม่
งานด้านสาธารณประโยชน์ต้องทุ่มเทกันทั้งใจ และต้องเป็นใจที่เต็มไปด้วยกุศล ไม่ฝักใฝ่การสร้างภาพเพื่อผลทางการเมือง เพราะถ้าแฝงเร้นเป้าหมายการสร้างภาพทางการเมือง วันหนึ่งพฤติกรรมจะถูกเปิดโปง
และวันนี้บทบาทในฐานะนักสังคมสงเคราะห์ของนางปวีณาก็ถูกเปิดโปงแล้ว ฉายา “นางฟ้าหน้ากล้อง” ที่คนในโลกออนไลน์ตั้งให้หลังกรณีสร้างภาพช่วยเด็กย่านบางพลี จะกระทบต่อศรัทธาของมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ปวีณา หงสกุล” หาที่ยืนยากขึ้นแล้ว เพราะเป็นนักการเมืองก็หาจุดขายลำบาก หนีมาเป็นนักสังคมสงเคราะห์ ก็ถูกเปิดโปงการเป็นนักสร้างภาพเสียอีก
ต้องทบทวนตัวเองแล้ว จะเป็นนางฟ้าผู้ใจบุญหรือจะเป็นแค่นางฟ้าหน้ากล้องไปวันๆ