ผูู้จัดการสุดสัปดาห์ - เรียกว่า “ซู้ดและซี๊ดปาก” กันทั้งบ้านทั้งเมืองเลยทีเดียว กับปฏิบัติการ “ปิด” DMC ซึ่งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของ “พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย” หรือ “พระเทพญาณมหามุนี” อดีตเจ้าอาวาสวัดและผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวธรรมกาย
กระบอกเสียงที่ใช้สร้างศรัทธา ขยายเครือข่ายวัดและสานุศิษย์ รวมทั้งการระดมสาวกออกมาเป็นกำแพงมนุษย์ปกป้องคุ้มครองพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ให้รอดพ้นเงื้อมมือกฎหมาย
การแยกสลายมวลชนเพื่อแยกน้ำออกจากปลาด้วยการปิดช่องทางการ สื่อสารสำคัญครานี้ เกิดขึ้นคล้อยหลังจากที่ “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไปอำลา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อไปรับตำแหน่งองคมนตรี โดยบิ๊กต๊อกทิ้งปริศนาก่อนลุกจากเก้าอี้ว่า คดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มีข้าราชการระดับสูงของดีเอสไอเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องสาวไปให้ถึงตัวการใหญ่ที่อยู่สูงกว่าให้ได้ และคดีพระธัมมชโย จะทำอย่างไรกันต่อไปนั้นได้สั่งการเจ้าหน้าที่ไว้เรียบร้อยแล้ว
คล้อยหลังจากนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ส่งหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ขอให้พิจารณาระงับการเผยแพร่ภาพและเสียงชั่วคราวของสถานีโทรทัศน์วัดพระธรรมกาย (DMC)ในวันรุ่งขึ้น
ถือเป็นความเคลื่อนไหวในกระบวนการที่จะพิสูจน์ว่ากฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ ใครทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ
เพราะต้องไม่ลืมว่า พระธัมมชโย นั้นตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ในคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร สืบเนื่องจากการยักยอก ฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ซึ่งอัยการสั่งฟ้องแล้วความผิดชัดเจนขนาดนี้ จะมัวเกรงเกิดปัญหามวลชน และเกรงว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หวั่นเกิดความสูญเสียที่อาจตามมาหากมีการบุกใช้กำลังเข้าไปจับกุมถึงภายในวัดจึงไม่กล้าทำอะไรอยู่อย่างนั้นคงไม่ได้
การสั่งปิดทีวีธรรมกายชั่วคราว ถึงจะยังไม่แน่ว่าจะเป็นการสยบมวลชนหรือเรียกมวลชนให้ออกจากที่ตั้งมาเฝ้าวัดธรรมกายเพื่อปกป้องคุ้มครองพระธัมมชโยมากขึ้น แต่การขอให้ กสทช. มีคำสั่งดังกล่าว ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ดีเอสไอ จะลงมือเอาจริงแล้ว หลังการเจรจาขอให้พระธัมมชโยมอบตัวไม่ได้ผลและหมดเวลาขีดเส้นตายกันแล้ว
โดยก่อนการขอให้ กสทช. ปิด “ทีวีธัมมี่” พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ ก็ออกมายืนยันอีกครั้งว่า ดีเอสไอ จะต้อง “ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป” โดยแผนปฏิบัติการนั้นเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว จะมีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และคณะสงฆ์ฝ่ายปกครองเข้าร่วมปฏิบัติการตรวจค้นและจับกุมพระธัมมชโย ด้วย
“....เหลือเพียงการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนธิกำลังและทำการขอหมายค้นต่อไป คาดว่าจะดำเนินการได้เร็วๆ นี้...”อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้า
ต้องยอมรับว่าการจัดการกับอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั้นไม่หมู กลยุทธ์การใช้ศรัทธาของสานุศิษย์ออกมาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่จะบุกเข้าตรวจค้นจับกุมจนต้องล่าถอยทุกครั้งนั้นนับว่าได้ผล ฉะนั้น อันดับแรกจึงต้องตัดสัญญาณจากยานแม่ผ่านช่องทางของดีเอ็มซีและสถานีวิทยุในเครือข่ายที่ส่งไปยังบรรดาสาวกเสียก่อน
“.... ความกังวลเรื่องการระงับสัญญาณจะเกิดกระแสต่อต้านจากมวลชนหรือไม่นั้น ยืนยันว่าที่ผ่านมาดีเอสไอ พยายามทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งการขอให้เข้ามอบตัว การขอหมายค้น หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมวลชน” อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวย้ำ
ตามคำร้องขอในหนังสือของดีเอสไอที่ส่งถึง กสทช. ระบุว่า ดีเอสไออยู่ระหว่างการกำหนดแผนเพื่อดำเนินการเข้าตรวจค้นสถานที่เพื่อจับกุมพระธัมมชโย ซึ่งที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์วัดพระธรรมกาย ได้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเชิญชวนให้ผู้ที่มีความเชื่อถือและศรัทธาต่อวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย มารวมตัวกันทำพิธีกรรมทางศาสนา แต่วัตถุประสงค์แท้จริงก็เพื่อขัดขวางไม่ให้เจ้าพนักงานปฏิบัติงานตามหน้าที่ ช่วยเหลือไม่ให้ผู้ต้องหาถูกจับกุม
หากปล่อยให้สถานีโทรทัศน์วัดพระธรรมกาย ทำการเผยแพร่ข้อมูลที่เข้าข่ายเป็นการชักชวน ยุยง เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน หรือเพื่อให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดินต่อไป อาจเกิดการกระทบกระทั่งกับเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ จนเกิดเหตุรุนแรงและเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งรัฐได้ จึงขอให้มีการพิจารณาระงับการเผยแพร่ภาพและเสียงที่นำเสนอผ่านสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุของวัดพระธรรมกาย เป็นการชั่วคราว
หลังจากบอร์ด กสท. พิจารณาคำร้องของดีเอสไอ ก็มีมติสั่งปิดทีวีช่องธรรมกาย นับตั้งแต่เวลา 00.01 นาฬิกา วันที่ 8 ธันวาคม 2559 เป็นต้นไป จนครบ 30วัน เหตุใช้สื่อปลุกระดมนัดผู้ศรัทธารวมตัวที่วัด ซึ่งขัดมาตรา 64, ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ฉบับ 97
“นอกจากต้องปิดสถานีโทรทัศน์ DMC ของธรรมกาย ที่เป็นเครื่องมือระดมคนมาร่วมชะตาบาปของคนเพียงคนเดียวแล้ว ควรมีมาตรการที่เข้มยิ่งขึ้นเช่นตัดสัญญาณการสื่อสารเฉพาะพื้นที่ และเพิ่มแรงกดดันอื่นๆ ต่อไป น่าจะเป็นหนทางที่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่สุด เพราะการเลื่อนเส้นตายไปเรื่อยๆ หรือข้ออ้าง "ความละเอียดอ่อน" นั้นหมดมนต์ขลังไปแล้ว” นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต สปช. และอดีตแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. ออกโรงมาสนับสนุนทันควัน
ปฏิบัติการดับกระบอกเสียงธรรมกาย คล้ายๆ กับว่า “บิ๊กตู่”หนุนอยู่เบื้องหลังเต็มที่เพื่อเอาคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติ เพราะเรื่องนี้หากยืดเยื้อไป ไม่ใช่แค่ตำรวจหรือดีเอสไอที่จะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาลก็จะพลอยเสียหายถูกสังคมมองว่าไร้ฝีมือ ละเว้น ไม่เอาจริงไปด้วย
และถ้าจะว่าไปปฏิบัติการครั้งนี้ เท่ากับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยทีเดียว เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่า “ลัทธิธัมมี่-ลัทธิแม้ว” เป็นของคู่กัน หากจะ “จัดระเบียบ” ใหม่ รับศักราชใหม่ ก็มีแต่ต้องลงมือจัดการกับธรรมกายให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปเสียในคราวเดียวกัน
งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกโรงปรามสื่อด้วยว่า “....อย่าไปขยายความให้แก่ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิด เหมือนกับเป็นการให้ท้ายกันอยู่ แล้วเล่นงานเจ้าหน้าที่แทนว่าเมื่อไหร่จะทำ ถ้าปลุกกันอยู่แบบนี้ก็จะเป็นอยู่แบบนี้...”
“....สร้างความขัดแย้งไปเรื่อย ไม่มีผลดีอะไรทั้งสิ้น”
“ถ้ามองคดีนี้ก็เหมือนคดีทั่วๆ ไป คนคนหนึ่งทำความผิดก็ต้องดำเนินคดี จะจับกุมมีหมายค้นจับได้เมื่อไหร่ ก็จับเมื่อนั้น ถ้ามีมาตรการเข้าไปแล้วเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็จำเป็นต้องระมัดระวังให้มากที่สุด แต่ก็ต้องจับ .... คนทำความผิดก็ต้องดำเนินคดีภายใต้กฎหมายเดียวกัน ซึ่งวันนี้ใช้มาตรการตรวจสอบต่างๆ ทั้งภายนอก กองทุน เม็ดเงิน วันนี้ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ ว่าเขาผิดหรือไม่ ถ้าเขาไม่ผิดก็ต้องมาชี้แจงแค่นั้นเอง มามอบตัว ไม่ใช่มายื่นคำขาดนี่นู่น แล้วสื่อก็ให้ท้ายอยู่เรื่อยว่าต้องประกันหรือไม่ประกัน จะให้หรือไม่ให้ประกันไม่ใช่เรื่องของผม เป็นเรื่องของตำรวจและศาล เข้าใจหน้าที่กันเสียบ้าง”นายกฯ กล่าวด้วยเสียงเข้มตามสไตล์
ทันทีที่ กสทช. มีคำสั่งให้จอดำ “ทีวีธัมมี่” ปฏิกิริยาโต้กลับจากทางวัดธรรมกาย ก็เป็นไปตามคาด คือ นอกจากจะแถลงปฏิเสธกรณีนำเงินวัดไปเล่นหุ้นแล้ว ยังยื่นค้านปิดทีวี DMC ด้วย โดยอ้างว่าการให้ข่าวของพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ที่ว่าพระธัมมชโย เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนเช็คจากสหกรณ์ฯ คลองจั่น เข้าวัดพระธรรมกาย และนำเช็คไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น ทางวัดขอปฏิเสธ วัดรับบริจาคโดยสุจริตและเปิดเผยและนำเงินบริจาคไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค ส่วนการปิดสถานีโทรทัศน์วัดพระธรรมกาย “DMC TV” หวั่นยุยง สร้างความปั่นป่วนนั้น ทางวัดขอคัดค้าน
กล่าวสำหรับสถานี ช่อง DMC (Dhammakaya Media Channel) ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2545 หรือกว่า 14 ปีแล้ว ทางวัดธรรมกาย อวดโอ่ว่า เป็น “ช่องทีวีธรรมะสากล ระดับโลก” มีการเผยแพร่ 4 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ผ่านเว็บไซต์และดาวเทียม 7 ดวง ครอบคลุมทุกทวีป
นอกจากนั้น ศิษย์ธัมมี่ ยังอวดอ้างคุณภาพคับแก้วของ DMC ว่า ที่ผ่านมาได้รับ 5 รางวัล การันตี ได้แก่1. รางวัล “สถานีวิทยุโทรทัศน์ ส่งเสริมพระพุทธศาสนาดีเด่น”พ.ศ. 2551 จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 2. รางวัล “มาตรฐานการผลิตสื่อTelly Awards” ครั้งที่28 ในปี พ.ศ. 2550 จำนวน 12 รางวัล 3. รางวัล “พุทธคุณูปการ” ประเภทวัชรเกียรติคุณ ประจำปี 2553 โดยคณะอนุกรรมาธิการกิจการพระพุทธศาสนา สภาผู้แทนราษฎร 4. รางวัล “ช่อสะอาด” ประจำปี2553 โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 5.รางวัล “สื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล5” ปี พ.ศ. 2559 โดยคณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานี
มีรางวัลการันตีขนาดนี้ พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ศิษย์ธัมมี่ ที่ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 จึงโต้กลับดีเอสไอว่า สถานีฯ หาได้มีพฤติการณ์อย่างที่ดีเอสไอว่า และการกล่าวหานั้นนำมาสู่ความเสื่อมเสียชื่อเสียงของสถานีเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากจะไม่ได้มีพฤติกรรมยุยงส่งเสริมให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายแล้ว จุดยืนของสถานียังมุ่งส่งเสริมการศึกษาศีลธรรม ทำนุบำรุงพระศาสนา ฯลฯ หาได้มีพฤติการณ์อันเป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยแต่อย่างใดไม่ ขณะนี้ทางสถานีฯ กำลังเตรียมยื่นคัดค้านการระงับเผยแพร่ภาพและเสียง ทั้งนี้ การกระทำของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ถือว่าขัดกับหลักเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารของประชาชนอีกด้วย
DMC ถือเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่ พระธัมมชโย มีความตั้งใจว่า สถานีแห่งนี้ “จะเป็นรายการที่ทำให้ผู้ชมมีจิตใจผ่องใส ไม่เศร้าหมอง เพลิดเพลินกับธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จิตใจจะผูกพันอยู่กับพระรัตนตรัยและบุญกุศล” และ “มีรายการที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย”
แต่หากยังจำกันได้ DMC นั้น มีกรณีอื้อฉาวสุดๆ ที่อวดอุตริ ก็คือ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2555รายการปรโลกนิวส์ ได้ถ่ายทอดบทบรรยายโดยพระธัมมชโย เกี่ยวกับชีวิตหลังความตายและอดีตชาติของ “สตีฟ จอบส์” ซึ่งได้กล่าวไว้ว่าหลังจากได้เสียชีวิตแล้ว ตัวเขาก็ได้ไปบังเกิดใหม่เป็น “เทพบุตรภุมมเทวาระดับกลางสายวิทยาธรกึ่งยักษ์” ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วบ้านทั่วเมือง
บทบาทสำคัญของ DMC ที่สำคัญยิ่งต่อลัทธิธรรมกาย คือ การทำหน้าที่เป็นแขนขาในการสยายปีกธรรมกาย ขยายศรัทธา ครอบคลุมไปทุกหนแห่ง ทุกอณูของสังคม โดยมีรายการที่เจาะเข้าถึงทุกเพศทุกวัย ยิ่งเมื่อสแกนเครือข่ายของ DMC สามารถรับชมได้ถึง 5 ช่องทาง ครอบคลุมผู้ชมกว่า 20 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศไทย และกว่า 180 ประเทศทั่วโลก แล้วจะเห็นความไม่ธรรมดาในการเผยขยายอิทธิพลและพลังศรัทธาของลัทธิธรรมกาย
ไม่ใช่แต่ DMC Satellite โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ครอบคลุม 5 ทวีป กว่า 180ประเทศทั่วโลก ได้แก่ อเมริกา (ยกเว้นอเมริกาใต้) เอเชีย ยุโรป ออสเตรเลีย และแอฟริกา โดยใช้ดาวเทียม 6 ดวง ได้แก่ Galaxy 19, Hot Bird 8, Intelsat 8, Thaicom 5, Optus D2, NSS 6 ผู้สนใจสามารถรับสัญญาณได้จากจานประเภท C-Bandและ KU-Band เท่านั้น
แต่ยังมี DMC Website ผ่านเว็บไซท์ www.dmc.tv ปัจจุบันผู้เข้าชมกว่า 10,000 คน/วัน และDMC Mobile ผ่านโทรศัพท์มือถือทุกระบบ www.m.dmc.tv, www.dmc.tv/mobile รวมทั้งDMC Cable TV จากผู้ประกอบการกว่า 300 รายทั่วประเทศ และ DMC Radio จำนวน 50 คลื่น ครอบคลุม 76 จังหวัด ผ่านสถานีวิทยุ AM 1521KHz. ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล, และสถานีวิทยุชุมชนใกล้บ้าน ซึ่งเฉพาะสองช่องทางหลังนี้จะเห็นได้ว่าธรรมกายเจาะเข้าถึงทุกครัวเรือนทุกปริมณฑลเลยทีเดียว
ส่วนรายการกว่า 30ร ายการ “เพื่อทุกคนในครอบครัว” นั้น จะเน้นเนื้อหาธรรมะ ที่มีทั้งสาระและบันเทิงในธรรม สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย เข้ากับแนวคิด “เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี” แบ่งรายการหลักเป็น 4 หมวด คือ 1. รายการธรรมะ2. รายการสำหรับเด็กและเยาวชน เช่น รายการพลังมด, รายการSuper Kids, รายการเคลียร์คัต ชัดเจน, รายการการ์ตูนธรรมะ,รายการปฏิบัติการกุ๊กกิ๊ก 3.รายการข่าวสารงานบุญ และ 4. รายการวาไรตี้และปกิณกะธรรม
ขณะที่งานอีเว้นท์ต่างๆ ก็ถือเป็นภารกิจสำคัญของ DMC ที่ทำมาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน โดยได้ทำการแพร่ภาพสัญญาณถ่ายทอดสดไปทั่วโลก เพื่อเผยแพร่กิจกรรมเพื่อพระพุทธศาสนาต่างๆ เช่น ถ่ายทอดสดโครงการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา,พิธีบุญวันอาทิตย์, การอบรมในโครงการอุปสมบทหมู่เข้าพรรษา 100,000 รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย และโครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน1 แสนคน และ 5 แสนคน, พิธีมุทิตาสักการะพระภิกษุ-สามเณรผู้สอบได้เปรียญธรรม9 ประโยคทั่วประเทศ เป็นประจำทุกปี และถ่ายทอดสดพิธีประกาศผลสอบบาลีสนามหลวง ซึ่งจัดโดยกองธรรมสนามหลวง ณ วัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร ในช่วงเดือนมกราคม โดยเริ่มครั้งแรกปี พ.ศ. 2548 และถ่ายทอดสดเป็นประจำทุกปี ติดต่อกันเป็นที่ปี 6
แต่ที่จำเป็นต้องขีดเส้นใต้เอาไว้ก็คือ ทีวีช่องนี้ยังได้รุกขยายและเผยแพร่ความคิดตามแนวทางของวัดพระธรรมกายเข้าไปยัง “วัดวาอาราม” ต่างๆ ทั่วประเทศ ด้วยการแจกจานดาวเทียมและกล่องรับสัญญาณให้ฟรี แถมว่ากันว่า มี “ค่าน้ำร้อนน้ำชา” ในแต่ละเดือนให้กับวัดต่างๆ ที่รับช่องสัญญาณนี้ไปอีกด้วย
ดังนั้น ปฏิบัติการปิดสถานีโทรทัศน์ของวัดพระธรรมกายในครั้งนี้ จึงมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับเป็นการ “เตะผ่าหมาก” พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย อย่างจั๋งหนับกันเลยทีเดียว