ศูนย์ข่าวภาคใต้ - นายกฯ เผยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมใต้หลายจังหวัดยังวิฤกต "ผบ.ทบ." กำชับทหารช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเต็ม โดยเฉพาะที่นครศรีธรรมราช พัทลุง และชุมพรสถานการณ์ยังหนัก ขณะที่ถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ถึงมือผู้ประสบอุทกภัยที่นครศรีธรรมราช ผู้แทนพระองค์ลงเรือเข้าไปมอบให้ผู้ประสบภัยถึงบ้านที่ถูกน้ำท่วมหนัก ระบุ พระองค์โสมฯ ทรงเลือกและจัดสิ่งของด้วยพระองค์เอง
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา เขตอุทกภัยภาคใต้ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล ทั้ง ทหาร คสช. กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงได้มอบหมายให้ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนด้วยตนเอง และในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ได้มอบหมายให้พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนเช่นเดียวกัน
"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใยประชาชนที่เดือดร้อนอยู่แล้ว พระองค์ท่านจึงรับสั่งมา และได้มอบหมายให้ผู้แทนพระองค์ได้นำถุงพระราชทานไปเพิ่มเติมให้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัดยังไม่คลี่คลาย โดยที่ จ.นคศรีธรรมราช รศ.นพ.พิชิต สุวรรณประกร รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์ฯ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สมาชิกเหล่ากาชาด ได้นำถุงยังชีพพระราชทานของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา มอบแก่ผู้ประสบอุทกภัย 30 ครัวเรือนที่ ม.12 ต.ท่าเรือ อ.เมืองนครศรีะรรมราช
โดยคณะทั้งหมดต้องลงเรือหางยาวเดินทางเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วมที่หมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งพบว่าน้ำท่วมเรือกสวนไร่นาเป็นบริเวณกว้าง สุดลูกหูลูกตา ระยะทางในการนำถุงยังชีพ ข้าวกล้อง และน้ำดื่มมอบให้ชาวบ้านกว่า 3 กม.ใช้เวลาในการเดินทางไปกลับกว่า 2 ชม.ซึ่งระหว่างทางพบว่าพื้นที่การเกษตร บ่อปลา ถนน ถูกน้ำท่วมเต็มพื้นที่สูงมากกว่า 1.5 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจรไปมา เนื่องจากไม่สามารถเดินทางตามปกติไม่ได้
รศ.นพ.พิชิต ระบุว่าพระองค์โสม ทรงเป็นผู้เลือกสิ่งของและจัดใส่ถุงด้วยพระองค์เอง และพระองค์ทรงมีรับสั่งฝากมาถึงพี่น้องว่า ขอให้ทุกท่านดูแลตัวเองดูแลครอบครัวและดูแลชุมชนให้ดีๆ อย่าได้มีอันตรายใดๆ ซึ่งช่วงที่ตัวแทนพระองค์ได้มีการพูดคุยกับชาวบ้านมารับถุงยังชีพนั้นถึงรับสั่งของพระองค์โสมฯ นั้น ชาวบ้านหลายคนถึงกับน้ำตาคลอด้วยความปลื้มปิติ.
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 23 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช ชาวบ้านยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยนายชลินทร์ ประพฤติตรง เกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า อุทกภัยในพื้นที่ทั้ง 23 อำเภอ สร้างความเสียหายให้กับชีวิต ทรัพย์สิน สุขภาพ เส้นทางคมนาคม อาคารบ้านเรือน พืชผลการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ และทรัพย์สินอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ชาวบ้านหัวป่าเขียว หมู่7 ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ยังต้องเจอสภาพน้ำท่วมอย่างหนักหลังน้ำป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ไหลผ่าน อ.ศรีบรรพต และ ควนขนุน ตอนบน เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน 147 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อน หลายครอบครัวต้องอพยพออกมาพักที่ศูนย์ศิลปาชีพบ้านหัวป่าเขียว และอีกส่วนหนึ่งไปพักอาศัยบ้านญาติ ซึ่งสภาพน้ำท่วมที่นี่ต้องใช้เวลานานเป็นเดือนกว่าน้ำจะลดลงและหากมีน้ำทะเลหนุนก็จะเพิ่มระยะการท่วมขังออกไปอีก
ส่วนที่ จ.ชุมพร หลังจากฝนที่ตกหนักติดต่อกัน 4 วันที่ผ่านมาทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ท่วมพื้นที่ถนนเอเชีย 41 ในช่วง อ.ทุ่งตะโก ระดับน้ำสูง 1 เมตร ระยะทาง 500 เมตร ทำให้รถทุกชนิด ไม่สามารถผ่านจุดดังกล่าว ทั้งขาขึ้นและขาล่องใต้ได้ตั้งแต่ช่วงเช้าของวานนี้
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ว่า กองทัพบก ได้ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ประสานงานร่วมกันบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยก่อนหน้านี้ได้มีการจัดตั้งหน่วยกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเตรียมกำลังพลสำหรับให้การช่วยเหลือประชาชนทางด้านนี้ไว้โดยเฉพาะแล้ว และขณะนี้ได้ให้การช่วยเหลือเพิ่มเติมในด้านของเครื่องมือและยานพาหนะ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางด้วย
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอย่างเต็มที่ รวมถึงดำเนินการเตรียมการรองรับเหตุการณ์ในพื้นที่ที่ยังไม่เกิดน้ำท่วมด้วย
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคใต้เริ่มมีฝนลดลงแต่ยังมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.ชุมมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา เขตอุทกภัยภาคใต้ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล ทั้ง ทหาร คสช. กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงได้มอบหมายให้ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนด้วยตนเอง และในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ได้มอบหมายให้พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนเช่นเดียวกัน
"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใยประชาชนที่เดือดร้อนอยู่แล้ว พระองค์ท่านจึงรับสั่งมา และได้มอบหมายให้ผู้แทนพระองค์ได้นำถุงพระราชทานไปเพิ่มเติมให้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัดยังไม่คลี่คลาย โดยที่ จ.นคศรีธรรมราช รศ.นพ.พิชิต สุวรรณประกร รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์ฯ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สมาชิกเหล่ากาชาด ได้นำถุงยังชีพพระราชทานของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา มอบแก่ผู้ประสบอุทกภัย 30 ครัวเรือนที่ ม.12 ต.ท่าเรือ อ.เมืองนครศรีะรรมราช
โดยคณะทั้งหมดต้องลงเรือหางยาวเดินทางเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วมที่หมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งพบว่าน้ำท่วมเรือกสวนไร่นาเป็นบริเวณกว้าง สุดลูกหูลูกตา ระยะทางในการนำถุงยังชีพ ข้าวกล้อง และน้ำดื่มมอบให้ชาวบ้านกว่า 3 กม.ใช้เวลาในการเดินทางไปกลับกว่า 2 ชม.ซึ่งระหว่างทางพบว่าพื้นที่การเกษตร บ่อปลา ถนน ถูกน้ำท่วมเต็มพื้นที่สูงมากกว่า 1.5 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจรไปมา เนื่องจากไม่สามารถเดินทางตามปกติไม่ได้
รศ.นพ.พิชิต ระบุว่าพระองค์โสม ทรงเป็นผู้เลือกสิ่งของและจัดใส่ถุงด้วยพระองค์เอง และพระองค์ทรงมีรับสั่งฝากมาถึงพี่น้องว่า ขอให้ทุกท่านดูแลตัวเองดูแลครอบครัวและดูแลชุมชนให้ดีๆ อย่าได้มีอันตรายใดๆ ซึ่งช่วงที่ตัวแทนพระองค์ได้มีการพูดคุยกับชาวบ้านมารับถุงยังชีพนั้นถึงรับสั่งของพระองค์โสมฯ นั้น ชาวบ้านหลายคนถึงกับน้ำตาคลอด้วยความปลื้มปิติ.
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 23 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช ชาวบ้านยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยนายชลินทร์ ประพฤติตรง เกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า อุทกภัยในพื้นที่ทั้ง 23 อำเภอ สร้างความเสียหายให้กับชีวิต ทรัพย์สิน สุขภาพ เส้นทางคมนาคม อาคารบ้านเรือน พืชผลการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ และทรัพย์สินอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ชาวบ้านหัวป่าเขียว หมู่7 ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ยังต้องเจอสภาพน้ำท่วมอย่างหนักหลังน้ำป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ไหลผ่าน อ.ศรีบรรพต และ ควนขนุน ตอนบน เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน 147 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อน หลายครอบครัวต้องอพยพออกมาพักที่ศูนย์ศิลปาชีพบ้านหัวป่าเขียว และอีกส่วนหนึ่งไปพักอาศัยบ้านญาติ ซึ่งสภาพน้ำท่วมที่นี่ต้องใช้เวลานานเป็นเดือนกว่าน้ำจะลดลงและหากมีน้ำทะเลหนุนก็จะเพิ่มระยะการท่วมขังออกไปอีก
ส่วนที่ จ.ชุมพร หลังจากฝนที่ตกหนักติดต่อกัน 4 วันที่ผ่านมาทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ท่วมพื้นที่ถนนเอเชีย 41 ในช่วง อ.ทุ่งตะโก ระดับน้ำสูง 1 เมตร ระยะทาง 500 เมตร ทำให้รถทุกชนิด ไม่สามารถผ่านจุดดังกล่าว ทั้งขาขึ้นและขาล่องใต้ได้ตั้งแต่ช่วงเช้าของวานนี้
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ว่า กองทัพบก ได้ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ประสานงานร่วมกันบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยก่อนหน้านี้ได้มีการจัดตั้งหน่วยกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเตรียมกำลังพลสำหรับให้การช่วยเหลือประชาชนทางด้านนี้ไว้โดยเฉพาะแล้ว และขณะนี้ได้ให้การช่วยเหลือเพิ่มเติมในด้านของเครื่องมือและยานพาหนะ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางด้วย
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอย่างเต็มที่ รวมถึงดำเนินการเตรียมการรองรับเหตุการณ์ในพื้นที่ที่ยังไม่เกิดน้ำท่วมด้วย
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคใต้เริ่มมีฝนลดลงแต่ยังมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.ชุมมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม
