นครศรีธรรมราช - พื้นที่รับน้ำในลุ่มน้ำปากพนัง วิกฤต เป็นแหล่งรับน้ำพื้นที่การเกษตรกลายเป็นทะเลสาบ ชาวบ้านหลายหมื่นคนเดือดร้อนหนัก ประตูอุทกวิภาชประสิทธิเปิดสูงสุดทุกบาน เร่งระบายน้ำออกสู่อ่าวไทย ขณะที่ถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ถึงมือผู้ประสบอุทกภัยที่ จ.นครศรีฯ แล้ว
วันนี้ (7 ธ.ค.) ชาวบ้านใน ต.ไสหมาก อ.เชียรใหญ่ และ ต.บางศาลา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ต้องนำวัวออกมาเลี้ยงบนผิวสายหูล่อง-ไสหมาก เนื่องจากพื้นที่ทางการเกษตร และพื้นที่เลี้ยงสัตว์ถูกน้ำท่วมสูง และมีระดับเพิ่มขึ้น เนื่องจากพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง เป็นพื้นที่รองรับน้ำจากตัว จ.นครศรีธรรมราช ชั้นในหลายอำเภอ โดยมวลน้ำได้มากองอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดย นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า มีมวลน้ำค้างอยู่ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช มากกว่า 860 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องเร่งระบาย แต่มีข้อกังวลในขณะนี้ว่า แนวโน้มฝนที่กำลังจะเข้ามาเพิ่มในอีก 2-3 วันข้างหน้า
ขณะที่พื้นที่การเกษตรทั้งนาข้าว สวนปาล์ม สวนมะพร้าว อยู่ในสภาพกลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยมวลน้ำที่ไหลมาจากตอนกลางของ จ.นครศรีธรรมราช ส่วนในพื้นที่เองต้องเร่งการระบายน้ำในคลองไส้ไก่ ขณะที่โครงการลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กำลังเร่งระบายน้ำโดยการเปิดประตูน้ำสูงสุดทุกบาน เพื่อระบายน้ำที่ท่วมขังลงสู่แม่น้ำปากพนัง ขณะที่ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ สำนักชลประทานที่ 15 และคณะกรรมการบริหารจัดการประตูน้ำ ได้สั่งการให้เปิดประตูน้ำสูงสุดทั้ง 10 บาน เพื่อเร่งระบายมวลน้ำออกสู่อ่าวไทยให้มากที่สุด ก่อนที่มวลน้ำระลอกใหม่จากฝนในอีก 2-3 วันข้างหน้า จะเข้ามาเพิ่มเติม
นายชลินทร์ ประพฤติตรง เกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า อุทกภัยในพื้นที่ ทั้ง 23 อำเภอ ของ จ.นครศรีธรรมราช ได้สร้างความเสียหายให้แก่ชีวิต ทรัพย์สิน สุขภาพ เส้นทางคมนาคม อาคารบ้านเรือน พืชผลการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ และทรัพย์สินอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการสำรวจความเสียหายเบื้องต้น พบว่า ครัวเรือนเกษตรกรที่ประสบภัย 127,414 ครัวเรือน พื้นที่นาข้าวที่ประสบภัย 159,363 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 100,967 ไร่ พื้นที่พืชไร่ที่ประสบภัย 15,889 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 12,151 ไร่ และพืชสวน และอื่นๆ ที่ประสบภัย 1,101,359 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 309,687 ไร่ ส่วนความเสียหายที่แท้จริงอยู่ระหว่างการสำรวจ และตรวจรับรองจากเจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกัน รศ.นพ.พิชิต สุวรรณประกร รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์ฯ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สมาชิกเหล่ากาชาด นำถุงยังชีพพระราชทานของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา มอบแก่ผู้ประสบอุทกภัย 30 ครัวเรือน ที่ ม.12 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
โดยคณะทั้งหมดต้องลงเรือหางยาวเดินทางเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วมที่หมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งพบว่า น้ำท่วมเรือกสวนไร่นาเป็นบริเวณกว้างสุดลูกหูลูกตา ระยะทางในการนำถุงยังชีพ ข้าวกล้อง และน้ำดื่มมอบให้ชาวบ้านกว่า 3 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางไปกลับกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งระหว่างทางพบว่า พื้นที่การเกษตร บ่อปลา ถนน ถูกน้ำท่วมเต็มพื้นที่สูงมากกว่า 1.5 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจรไปมา เนื่องจากไม่สามารถเดินทางตามปกติได้
รศ.นพ.พิชิต ได้เข้าประกอบอาหารด้วยตนเองเพื่อแจกจ่ายพี่น้องประชาชน ก่อนจะทำพิธีแจกถุงยังชีพพระราชทานแก่ประชาชน พร้อมกับได้บอกแก่ประชาชนที่มารับถึงยังชีพ ว่า ตอนแรกจะมีการตั้งโรงครัวแค่ 3 วัน แต่เมื่อได้ออกไปเห็นความเดือดร้อนของประชาชนที่มีมาก เลยจัดให้มีการตั้งโรงครัวต่อไปอีก 1 เดือน โดยแต่ละวันจะมีการทำอาหารวันละ 3 มื้อ แจกจ่ายให้ประชาชนที่ประสบภัยได้กิน
รศ.นพ.พิชิต ยังระบุด้วยว่า พระองค์โสมฯ ทรงเป็นผู้เลือกสิ่งของ และจัดใส่ถุงด้วยพระองค์เอง และพระองค์ทรงมีรับสั่งฝากมาถึงพี่น้องว่า ขอให้ทุกท่านดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัว และดูแลชุมชนให้ดีๆ อย่าได้มีอันตรายใดๆ ซึ่งช่วงที่ตัวแทนพระองค์ได้มีการพูดคุยกับชาวบ้านมารับถุงยังชีพนั้น ถึงรับสั่งของพระองค์โสมฯ นั้น ชาวบ้านหลายคนถึงกับน้ำตาคลอด้วยความปลื้มปีติ