นราธิวาส - ชาวสวนทุเรียนนราธิวาสสุดทน ลุกฮือร้องสื่อเผยถูกผู้ใหญ่บ้านโกงเกือบ 3 ล้านบาท วอนรัฐจัดการ ขณะที่นายอำเภอจะแนะขอเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อความชัดเจน
วันนี้ (11 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจาก นายนัจมุจดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาสหลายสมัย ในฐานะประธานมูลนิธิเสริมสร้างความยุติธรรมและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับการร้องทุกข์จากกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเป็นชาวสวนทุเรียนบ้านไอร์ลากอ และบ้านไอร์กิส 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส จำนวน 20 ครัวเรือน กว่า 30 คน ขอให้ร้องเรียนมายังสื่อมวลชน เพื่อขอให้เสนอข่าวหลังชาวบ้านถูกเอารัดเอาเปรียบ และไม่ได้รับความเป็นธรรม อันสืบเนื่องจากกรณีชาวบ้านได้ขายทุเรียนให้แก่นายทุนในพื้นที่ แต่ถูกโกง และไม่ได้รับเงินตามที่ตกลงไว้ ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน 59 ที่ผ่านมา
และในการเดินทางเข้าพื้นที่ผู้สื่อข่าวต้องประสบปัญหา เนื่องจากถนนในหมู่บ้านทุรกันดารเป็นเขาลาดชัน ห่างจากถนนสายหลัก จะแนะ-ศรีสาคร เข้าไปหมู่บ้านอีก 8 กิโลเมตร ซึ่งต้องใช้รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ในการเข้าถึงหมู่บ้านดังกล่าว ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย
นายยาการียา เจะเด็ง อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 5 บ้านไอร์กิส ม. 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ชาวบ้านรวมตัวเนื่องจากสุดทนกับพฤติกรรมของนายทุนผู้รับซื้อทุเรียนจากชาวบ้าน คือ นายปะดอ เจ๊ะมะ อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ ตนได้ประกอบอาชีพสวนทุเรียนบนเนื้อที่ 30 ไร่ รวมของชาวบ้านรายอื่นๆ 12 ราย รวมประมาณ 130 ไร่ ได้ถูกนายทุนดังกล่าวใช้กลอุบายเสนอราคาให้ชาวบ้านทั้งหมดให้ขายทุเรียนให้แก่ตน โดยให้ราคาที่ 35 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งหากชาวบ้านได้นำส่งขายเองราคาตลาดในขณะนั้นอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 130 บาท
แต่ชาวบ้านได้หลงเชื่อ เนื่องจากเกรงใจนายทุนเป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ชาวบ้านจึงขายให้แก่ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวโดยไม่ทำสัญญาแต่อย่างใด เนื่องจากทุกคนเชื่อมั่นนายทุนซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงผู้ใหญ่บ้าน แต่เมื่อถึงเวลาจ่ายเงินค่าทุเรียนนายทุนกลับบ่ายเบี่ยงจ่ายเพียงส่วนเดียว ไม่เป็นตามข้อตกลง และหาข้ออ้างสารพัดไม่ยอมจ่าย หากนับเป็นเงินที่ยังติด และไม่จ่ายชาวบ้านจำนวนประมาณ 2,800,000 บาท เฉพาะของตนรายเดียว 1 ล้านกว่าบาทแล้ว จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐ สอบสวนพฤติกรรมบุคคลดังกล่าว ชาวบ้านพร้อมเป็นพยานทุกคน
ด้าน น.ส.ฟารีดะ ปะดอมิง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 /2 ม.5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ กล่าวว่า ชาวบ้านทุกคนมีภาระ มีครอบครัว การที่นายทุน หรือผู้ใหญ่บ้านไม่จ่ายตามข้อตกลง ทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปทั่ว จึงขอความเป็นธรรมให้ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวจ่ายเงินแก่ชาวบ้าน ไม่ใช่เบี้ยวอย่างที่เป็นอยู่ ควรมีคำตอบที่ชัดเจน และหน่วยงานปกครองควรเร่งรัดเรื่องความเดือดร้อนของชาวบ้าน ไม่ใช่ปล่อยเวลาเนิ่นนานแบบที่เป็นอยู่
ผู้สื่อข่าวได้ประสานทางโทรศัพท์ไปยัง นายยาลา ใบกาเด็ม นายอำเภอจะแนะ จ.นราธิวาส ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายยาลา กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องทุกข์ และความเดือดร้อนของชาวบ้านที่เป็นชาวสวนทุเรียนแล้ว ซึ่งมีข้อเท็จจริง และไม่ได้นิ่งดูดาย ได้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริง 12 รายกับชาวบ้านที่กล่าวอ้างถูกผู้ใหญ่บ้านโกง นอกจากนั้น ทางอำเภอได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยผู้ใหญ่บ้านที่เป็นปัญหา ในส่วนคดีโกงชาวบ้านจะต้องว่าไปตามคดีเพื่อสอบสวนนำขึ้นฟ้องในลำดับต่อไป ซึ่งทางปกครอง หรืออำเภอขอเวลาประชาชนที่เดือดร้อน 2 สัปดาห์ เพื่อความชัดเจน และจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายอย่างแน่นอน
สำหรับข้อมูลสวนทุเรียน 1 ไร่ สามารถปลูกทุเรียนได้ 40 ต้น เฉลี่ยรายได้ 1 ไร่ 1 ล้านบาท สวนพื้นที่ที่มีปัญหาของชาวบ้านประมาณ 130 ไร่ หากคิดเป็นรายได้ 130 ล้านบาท (คิดตามราคาทุเรียนในเดือนกันยายน 59)