“ประยุทธ์” สั่งกวดขันน้ำหนักรถบรรทุกเข้มข้น ขออย่ากดดัน จนท.ดับไฟใต้ ย้ำพูดคุยสันติสุขต้องเคารพสองฝ่าย สั่งใช้มาตรการแก้ปัญหาราคาข้าวทุกจังหวัด ขอบคุณ ปชช.-เอกชน ร่วมมือบรรเทาความเดือดร้อน ลุยแก้ปัญหาข้าวโพดทั้งระบบ ยันไม่ทิ้งทุกภาค ขอสื่อช่วยแจงงานรัฐ ลั่นไม่ให้ทุกอย่างถอยหลัง
วันนี้ (8 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวถึงการกวดขันน้ำหนักรถบรรทุกว่า วันนี้ได้สั่งฝ่ายความมั่นคงให้ไปดูแลกวดขันน้ำหนักรถบรรทุกบนถนน พอมีการเข้มงวดก็มีการโยนระเบิดขวดใส่เจ้าหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ เพื่อข่มขู่ เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ฉะนั้นเราจะไม่ผ่อนผัน มันทำให้ถนนชำรุดและต้องเสียเงินซ่อมมหาศาล ดังนั้นต้องเป็นไปตามกฎหมาย ขอแจ้งเตือนไว้ก่อนจะกวดขันทุกเรื่อง ถนนพังแล้วใครรับผิดชอบ รัฐบาลเอาเงินไปอุดหนุนเท่าไหร่ กี่ปี สร้างทางซ่อม มันไม่คุ้มค่า ฉะนั้นต้องไปปรับในกระบวนการของตัวเอง ไม่ต้องไปร้องเรียนราคาต้นทุน เพราะน้ำมันก็ราคาลดลง ต้องไปปรับตัวเองบ้าง ถ้าทุกคนจะเอารายได้เท่าเดิม หรือมากกว่าเดิม มันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งสถานการณ์โลกในปัจจุบันแล้วด้วย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนภาคใต้ว่า เรามีความก้าวหน้าในการพูดคุย ตนไม่อยากบอกว่าหากพูดคุยกันจะต้องแถลงเพราะจะเป็นการกดดันกันไปมา จึงอยากให้เป็นหน้าที่ของคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ ซึ่งแบ่งเป็นหลายกลุ่มงาน เช่น พูดคุยเรื่องเซฟตี้โซน การพัฒนา กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เป็นต้น ถ้าเราขยายความกันไปเรื่อยๆ ตำหนิเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน ตำหนิฝ่ายคนเห็นต่างก็จะเกิดความไม่สงบอยู่แบบนี้ ขอให้ทุกคนติดตามเราเองไม่อยากให้ใครต้องบาดเจ็บทั้งสิ้น ทั้งเจ้าหน้าที่ ประชาชน เพราะทุกคนต่างมีครอบครัวเหมือนกันทั้งหมด เราต้องนึกถึงจุดนี้ด้วย เราต้องให้เวลาเขาทำงานด้วยความรู้ความสามารถของเขา ให้ใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหา
นายกฯ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการไปว่าเราได้แก้ไขปัญหาทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ซึ่งวันนี้ได้มีการทำงานรวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ด้านกระทรวงต่างๆ ก็มีงบประมาณในการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการกันทั้งหมด ขณะนี้เรามีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนหน้า (คปต.สน.) ลงไปดูว่าการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ แล้วรายงานขึ้นมาให้ตนรับทราบผ่านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนากรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แล้วตนก็จะสั่งการลงไป เราจะไม่ทำงานทับซ้อนกัน
“ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขทุกวิถีทาง แต่วันนี้มีการกดดันกันการพูดคุยก็ยากลำบาก แล้วมันจะจบได้อย่างไร หากเราพูดคุยกันเงียบๆ ได้โดยยืนยันหลักการของเราภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ส่วนหลักการของเขาเราก็ต้องฟังว่าเขาต้องการอะไร บางอย่างยังไม่ได้ข้อยุติหากแถลงก็ไม่เกิดประโยชน์ ขอว่าอย่ากดดันกันเอง เพราะเมื่อมี คปต.สน.ก็มากดดันรัฐบาลอีก สรุปว่าทำอะไรก็กดดันหมด แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร คนเดือดร้อนจะทำอย่างไร ผมขอว่าจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ขอให้ดูรายละเอียดกันด้วย ถ้าไม่ทำก็พูดกันง่าย ปัญหาบ้านเราอยู่ที่ประชาชนจำนวนมากที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ผมไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก เพียงแต่เราต้องฟังเหตุผลกันบ้างว่าจะหาทางร่วมมือกันให้ได้ จะกดดันทะเลาะกันไปมาไม่เกิดประโยชน์อะไร” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือปัญหาราคาข้าวตกต่ำว่า วันนี้ตนได้เพิ่มเติมให้ชัดเจนมากขึ้น โดยต้องทำให้ครบทุกจังหวัดเพื่อให้การช่วยเหลือทั่วถึงทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวขาวหอมปทุม ซึ่งเดิมมี 23 จังหวัด ตรงนี้ได้แจ้งในที่ประชุม นบข.แล้ว ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือชาวนาทั้งระบบนั้นรัฐบาลได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง แต่ชาวนามีจำนวนมาก หากกลุ่มไหนที่รวมกลุ่มแล้ว และกลุ่มไหนที่รัฐสามารถเข้าช่วยเหลือได้โดยทันทีก็จะทำให้การแก้ปัญหาเร็วขึ้น ความเดือดร้อนน้อยลง วันนี้ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องหนี้สินชาวนาว่าจะทำอย่างไร ต้องมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงเสถียรภาพการเงินการคลังด้วย เพราะเราจะใช้เงินในลักษณะการแก้ปัญหาปลายเหตุ หรือบรรเทาหนี้สินที่มีจำนวนมากในคราวเดียวนั้นตนทำไม่ได้ จะทำให้อย่างอื่นวุ่นวายไปด้วย แต่ก็เห็นใจพี่น้องชาวนาทุกคน
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่น่ายินดีคือได้เกิดความร่วมมือมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคประชาชน ภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งวันนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้รายงานว่ามีการรับซื้อข้าวขาวเพิ่มเติมมากว่า 600 ตัน โดยบริษัทต่างๆได้ช่วยกัน ถือเป็นความร่วมมือแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวนา ตรงนี้หากสามารถทำได้อย่างยั่งยืนก็จะดีจะได้สอดคล้องกับเรื่องของสหกรณ์ที่จะผลิตและสีข้าวกันเองและต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ ซึ่งก็ได้มากพอสมควรในการสีข้าวเอง อีกส่วนก็นำไปสีที่โรงสี และอีกส่วนนำไปส่งออก ซึ่งรวมแล้วมีด้วยกันสามส่วน หากจะขายข้าวกันแบบทุกวันนี้ คงไม่เพียงพอ เพราะได้ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ เว้นแต่จะทำให้เข้มแข็งขึ้นได้ ขณะเดียวกัน สหกรณ์ที่มีกว่า 3 พันแห่งต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ ที่ผ่านมามีปัญหาต้องเข้าไปฟื้นฟู ซึ่งเราได้ตรวจสอบมาตลอด ถ้าเราสามารถสร้างความเข้มแข็งในการสีข้าวเองได้ ก็จะเป็นโรงสีของสหกรณ์การเกษตร บวกกับโรงสีภาคเอกชน นำไปสู่การบริโภคในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ กลไกมีเยอะรัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง
นายกฯ กล่าวถึงมาตรการแก้ไขปัญหาราคาข้าวโพด ว่าในที่ประชุม ครม.ได้หารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งกำลังหามาตรการที่เหมาะสม โดยสัปดาห์หน้าจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.อีกครั้ง เพราะต้องพูดถึงเรื่องโควต้าต่างๆด้วย ยืนยันว่าไม่ได้ถึงส่วนใดส่วนหนึ่ง ซึ่งราคาข้าวโพดที่ตกต่ำมีผลต่อผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ด้วย ต้องดูให้ครบทุกมาตรการทุกปัจจัย ทั้งภายในและภายนอก ประเด็นสำคัญคือได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง จากทุกภาคส่วน ซึ่งในเวลานี้ตนถือว่าเป็นเวลาที่สำคัญ ฝากสื่อช่วยสร้างความเข้าใจที่ตรงกับสิ่งที่รัฐบาลพูดและทำอยู่ ตนไม่อยากให้ทุกอย่างถอยหลังไปอีก
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เกษตรแปลงใหญ่เกิดล้านกว่าไร่ ซึ่งไม่ใช่ง่ายๆ เพราะที่ผ่านมาเป็นพื้นที่ เครือข่ายโครงสร้างเดิมๆทั้งหมด เราก็จูงเขาออกมาตรงนี้ ให้เขาเข้มแข็งเป็นสหกรณ์ รัฐบาลจะได้ไปทุ่มเททรัพยากรให้ ส่วนที่เหลือหากยังไม่รวมกลุ่มต้องรวมให้ได้ รัฐบาลจะได้ไปช่วยเหลือ ถ้ารัฐบาลปูพรมไปง่ายนิดเดียว จ่ายเงินอย่างเดียว ไปซื้อรถไถแจก อย่างที่หลายคนบอก แจกทุกหมู่บ้าน มันแจกได้ไหม ใครจะดูแล ใครจะรักษา และต้องไปสร้างระบบอีก เราก็ทำให้ถ้าเป็นสหกรณ์หรือเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่เพียงพอ ทุกคนต้องการทั้งโรงสี ต่างๆ รัฐบาลก็คิดทั้งหมด แต่ถ้าไม่มีงบประมาณเพียงพอจะทำได้หรือไม่ ต้องคิดแบบนี้ถึงจะช่วยตนทำความเข้าใจและแก้ไขได้ทุกปัญหา สื่อเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศ ปฏิรูปประเทศ ถ้าประชาชนไม่เข้าใจนโยบายรัฐบาลโดยเข้าใจแต่เพียงบางส่วน มันบกพร่องตรงนี้ตรงโน้นก็เดินหน้าไม่ได้ ท่านต้องชักจูงคนให้เข้ามาสู่ในระบบการรวมกลุ่ม การปรับเปลี่ยนการปลูกพืช ไม่ได้หมายความว่าจะเลิกไปเลย ตรงไหนที่ปลูกแล้วเสียหายก็อย่าไปปลูก ให้ไปปลูกอย่างอื่นแทน รัฐบาลจะได้ไปดูแลตลาดให้ได้
นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างเริ่มจากปลายทาง แล้วมาดูต้นทางว่าจะผลิตแค่ไหน ถ้าผลิตมากเกินไปราคามันก็ตก ก็ต้องเกาะกันอยู่แบบนี้หรอ แล้วเมื่อไหร่จะดีขึ้น ไม่สงสารพี่น้องชาวนาชาวไร่หรือ วิธีการคือต้องช่วยให้เขาเข้มแข็งด้วยตนเอง รัฐบาลนี้ต้องการแบบนี้ พระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานว่าต้องให้ไปตกปลา ดีกว่าให้ปลา วันนี้เราให้ปลาตลอด แล้วมันก็หมด ไม่แข็งแรง หาปลาไม่เป็น ดังนั้นวันนี้ให้นำมาปรับใช้ โลกเขาก็นำไปใช้แล้ว เราไม่ใช้เอง มันอยู่ที่ความเข้าใจหลายๆเรื่อง เราก็ต้องเป็นหนี้เรื่องปลูกข้าว ลดพื้นที่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ การตลาด การสร้างความเข้มแข็ง สีเอง การที่เกษตรกรจะมีรายได้ประจำวัน โดยคัดข้าวส่วนหนึ่งมาสีขายเอง มีเครื่องสีเล็กๆประจำหมู่บ้าน อันนี้ขายเพื่อกินอยู่เป็นวันๆ ไป พอเพียง อย่างที่ตนดูตัวอย่างต่างประเทศบางประเทศเรือจับปลาขึ้นมาบนฝั่ง ไม่ได้ส่งพ่อค้าคนกลางหมด ส่วนหนึ่งเขานำไปกินที่บ้าน ส่วนสองคัดขึ้นกระบะมีคนรองรับ ปลาดีๆ มาขาย ก็ได้เงินกลับบ้าน ไม่ใช่ส่งคนกลางหมด ดังนั้นต้องแก้ด้วยความร่วมมือก่อน การจะไปชำระหนี้ให้ทั้งหมดเป็นไปได้หรือไม่ มันมหาศาล หนี้ชาวนา ชาวไร่ชาวสวน หนี้เกษตรกรทั้งหมดทุกประเภท หนี้ครู ข้าราชการ มีหนี้กันทั้งนั้น ถามว่ารัฐบาลมีเงินหรือยัง ก็ต้องดูโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ไทยแลนด์ 4.0 การลงทุนต่างๆ และทั้งหมดจะนำมาสู่ต้นทางคือประชาชน รัฐบาลคิดแบบนี้มาหมด