ดร.นพ.จรุง เมืองชนะ ผอ.การสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติว่า ที่ประชุมซึ่งมี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี รับหลักการข้อเสนอแนวทางการส่งเสริมการผลิตวัคซีนในประเทศ พร้อมสนับสนุนในด้านงบประมาณเพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนาและการผลิตวัคซีนในระดับอุตสาหกรรม ครอบคลุมผู้ผลิตทั้งภาครัฐและเอกชน ขณะเดียวกันภาครัฐต้องมีกลไกในการประกันตลาดวัคซีนภายในประเทศ และส่งเสริมการค้าวัคซีน ในระดับนานาชาติ
"เรื่องนี้ เราได้พูดคุยกันมากว่า 30 ปี แต่ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน เรามีหน่วยงานรัฐกว่า 50 แห่ง ที่ทำเรื่องนี้แต่ยังขาดเอกภาพและแผนบูรณาการร่วมกัน อย่างไรก็ดี กรรมการวัคซีนแห่งชาติ ซึ่งล้วนแล้วเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง เห็นตรงกันว่ารัฐบาลปัจจุบันมีศักยภาพที่จะกำหนดทิศทางและผลักดันแนวทางการส่งเสริมการผลิตวัคซีนในประเทศอย่างเป็นรูปธรรมให้เกิดขึ้นได้"
ดร.นพ.จรุง กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น สถานเสาวภา สภากาชาดไทย องค์การเภสัชกรรม และภาคเอกชน อาทิ วัคซีนป้องกันวัณโรค วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า วัคซีนป้องกันบาดทะบัก-คอตีบ-ไอกรน ชนิดไร้เซลล์ นอกจากนี้ยังอยู่ในขั้นกำลังพัฒนาการผลิตอีกหลายชนิด อาทิ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี เป็นต้น เราจึงต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเป็นระบบ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การสร้างความมั่นคงทางด้านวัคซีน และเป็นหลักประกันด้านสุขภาพให้กับคนไทย ตลอดจนเป็นผู้ผลิตวัคซีนเพื่อจำหน่ายให้ประเทศต่าง ๆ และองค์กรนานาชาติ
หลังจากนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จะประสานผู้เกี่ยวข้องเพื่อหารือแผนปฏิบัติงานในรายละเอียดเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติในครั้งหน้า อาทิ ข้อปฏิบัติหรือข้อตกลงในการแบ่งปันผลประโยชน์ในการลงทุนของภาคเอกชน ที่มาร่วมทุนกับภาครัฐ แนวทางการสนับสนุนงบประมาณด้านการวิจัยให้ภาคเอกชน การกำหนดให้มีแผนการจัดซื้อวัคซีนล่วงหน้า 5 ปี จากหน่วยงานที่ผลิตได้ภายในประเทศ และข้อเสนอให้รัฐบาลกำหนดให้ใช้วัคซีนเป็นสินค้าที่จะใช้ในการเจรจากับประเทศคู่ค้า เป็นต้น หากที่ประชุมเห็นชอบก็จะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
"เรื่องนี้ เราได้พูดคุยกันมากว่า 30 ปี แต่ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน เรามีหน่วยงานรัฐกว่า 50 แห่ง ที่ทำเรื่องนี้แต่ยังขาดเอกภาพและแผนบูรณาการร่วมกัน อย่างไรก็ดี กรรมการวัคซีนแห่งชาติ ซึ่งล้วนแล้วเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง เห็นตรงกันว่ารัฐบาลปัจจุบันมีศักยภาพที่จะกำหนดทิศทางและผลักดันแนวทางการส่งเสริมการผลิตวัคซีนในประเทศอย่างเป็นรูปธรรมให้เกิดขึ้นได้"
ดร.นพ.จรุง กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น สถานเสาวภา สภากาชาดไทย องค์การเภสัชกรรม และภาคเอกชน อาทิ วัคซีนป้องกันวัณโรค วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า วัคซีนป้องกันบาดทะบัก-คอตีบ-ไอกรน ชนิดไร้เซลล์ นอกจากนี้ยังอยู่ในขั้นกำลังพัฒนาการผลิตอีกหลายชนิด อาทิ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี เป็นต้น เราจึงต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเป็นระบบ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การสร้างความมั่นคงทางด้านวัคซีน และเป็นหลักประกันด้านสุขภาพให้กับคนไทย ตลอดจนเป็นผู้ผลิตวัคซีนเพื่อจำหน่ายให้ประเทศต่าง ๆ และองค์กรนานาชาติ
หลังจากนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จะประสานผู้เกี่ยวข้องเพื่อหารือแผนปฏิบัติงานในรายละเอียดเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติในครั้งหน้า อาทิ ข้อปฏิบัติหรือข้อตกลงในการแบ่งปันผลประโยชน์ในการลงทุนของภาคเอกชน ที่มาร่วมทุนกับภาครัฐ แนวทางการสนับสนุนงบประมาณด้านการวิจัยให้ภาคเอกชน การกำหนดให้มีแผนการจัดซื้อวัคซีนล่วงหน้า 5 ปี จากหน่วยงานที่ผลิตได้ภายในประเทศ และข้อเสนอให้รัฐบาลกำหนดให้ใช้วัคซีนเป็นสินค้าที่จะใช้ในการเจรจากับประเทศคู่ค้า เป็นต้น หากที่ประชุมเห็นชอบก็จะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป