ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์โรคติดเชื้อ โรคอุบัติใหม่ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ โรคพิษสุนัขบ้า กลับมาระบาดอีกครั้ง จึงอยากแนะนำประชาชน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
ปกติเราจะเคยเห็น แต่วัคซีนที่ฉีดตอนโดนกัดแล้ว แต่ตัวนี้เป็นการฉีดล่วงหน้า ซึ่งต้องฉีดทั้งหมดสามเข็มคือ ฉีดวันแรก วันที่ 3 และเข็มสุดท้ายวันที่ 28โรคพิษสุนัขบ้า
โดยแพทย์จะฉีดเข้าชั้นผิวหนังครั้งละ 0.1 ซีซี เมื่อฉีดครบทั้งสามเข็ม จะสามารถป้องกันได้ทันที วัคซีนกันโรคพิษสุนัขบ้า ตัวนี้สามารถฉีดได้ตั้งแต่ เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ คือฉีดได้ทุกช่วงวัย เมื่อฉีดไปแล้วจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เป็นวัคซีนที่ปลอดภัย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า หลังจากฉีดไปแล้ววัคซีนตัวนี้จะป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ได้ 20-30 ปี หากผู้ฉีดไม่ได้เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพียงแต่หากถูกสุนัขกัด ต้องล้างแผลด้วยน้ำสะอาด สบู่ หรือยาฆ่าเชื้อ จากนั้นมาพบแพทย์ เพื่อฉีดยากระตุ้น โดยแจ้งแพทย์ว่าเคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า มาตั้งแต่เมื่อใด เพื่อที่แพทย์จะได้ทราบว่าควรฉีดยากระตุ้นกี่เข็ม และหากเมื่อใดที่ทราบว่าตนเองเป็นภูมิคุ้มกันบกพร่องต้องไปฉีดวัคซีนใหม่ตั้งแต่เข็มแรก เพราะวัคซีนที่เคยฉีดไปแล้วจะไม่ได้ผล และฉีดเข้ากล้ามเนื้อเท่านั้น
ช่วงที่โรคพิษสุนัขบ้ากลับมาระบาด คนที่ทราบว่าตัวเองมีความเสี่ยงควรไปฉีดวัคซีนป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า เช่น สัตวแพทย์ บุคลากรด้านสาธารณสุข หรือคนที่เลี้ยงสุนัข ในบริเวณรอบบ้านมีสุนัขอาศัยอยู่ เสี่ยงต่อการจะโดนกัดแน่นอนก็ควรไปฉีด
โดยขณะนี้ที่สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ได้เปิดให้เข้ารับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าฟรี เสียเพียงค่าทำบัตรใหม่ 20 บาท ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 กันยายน ในเวลาราชการเท่านั้น ขอให้ประชาชนเข้ารับบริการได้
หากพบเห็นสัตว์ที่ต้องสงสัยว่าอาจเป็นโรคพิษสุนัขบ้า คือโรคพิษสุนัขบ้า
1. หางตก
2. เดินโซเซ
3. น้ำลายย้อย
4. ลิ้นห้อย
5. ตาขวาง
ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์หรือผู้นำชุมชน เพื่อช่วยกันจับระมัดระวังอย่าให้ถูกกัด จากนั้นให้กักสัตว์ไว้เพื่อรอดูอาการ จำนวน 10 วัน หากสัตว์ตาย ให้นำหัวสัตว์ส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการต่อไป
หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อสายด่วนกรมควบคุมโรคได้ที่ โทร 1422