ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่เป็นเรื่อง แต่ก็เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ จนผู้คนในสังคมมีความสงสัยว่า สิ่งที่เกิดกับตัวละคร 4 ตัวหลักที่โลดแล่นอยู่ในโลกสังคมออนไลน์นั้น มี “เบื้องหน้า” และ “เบื้องหลัง” อะไรหรือไม่ เพราะจู่ๆก็กลายเป็นข่าวใหญ่ข่าวโตที่เล่นเอามึนตีบกันไปทั้งบ้านเมือง
นั่นก็คือเรื่องราวของ เบส-อรพิมพ์ รักษาผล เจ้าของฉายานักพูดเพื่อพ่อและอีกสารพัดที่จะเรียกขาน กับ ตุ๊กกี้ชิงร้อยชิงล้าน หรือ สุดารัตน์ บุตรพรหม ดาราตลกสาวสังกัดค่ายเวิร์คพอยท์ ของเสี่ยตา-ปัญญา นิรันดร์กุล ว่าด้วยวาทกรรม “คนอีสาน” ไม่รักสถาบัน
นั่นก็คือเรื่องราวการปะทะคารมหักล้างกันของ “2 เจียม” เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา หรือโต้ง และสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่เปิดศึกห้ำหั่นกันอย่าง สนุกสนาน
แน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อพินิจพิเคราะห์ดูแล้ว หลายคนมองว่าเป็น “สงครามตัวแทน” โดยมีความเกี่ยวโยงกับความเชื่อที่มีต่อ “สถาบัน” ซึ่งถูกนำมาใช้ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายในยามที่ไม่สามารถแสดงออกได้อย่างตรงไปตรงมา
ทว่า ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ และงานนี้บอกได้เลยว่า “ไม่ธรรมดาคับพ่อแม่พี่น้อง”
เบสท์ อรพิมพ์ VS ตุ๊กกี้
เธอคือใคร?
เป็นคำถามแรกหลัง เบส อรพิมพ์ รักษาผล ตกเป็นข่าวดังหลังสหรัฐอเมริกาไม่อนุมัติคำขอ “วีซ่า” เดินทางเข้าประเทศ และเกิดกระแสดรามาหรือมโนกันไปว่า เหตุที่วีซ่าไม่ผ่านเพราะไม่ต้องการให้เบสไปพูดเรื่อง “สถาบัน”ที่สหรัฐฯ ก่อนที่ความจริงจะปรากฏและกลับกลายเป็นว่า เพราะเธอมีปัญหาสถานะการเงินเอง
คนที่ไม่รู้จักก็ค้นหาสอบถามกันใหญ่ว่าเธอเป็นใคร ทำไมถึงได้กลายเป็น “นักพูดขวัญใจประชาชน” และทำไมถึงเรียกตัวเองว่า “นักพูดของพ่อ”
เรื่องราวของเธอถูกล้วงแคะแกะเกาออกมาทีละนิดๆ ด้วยความไม่พอใจของผู้คนในสังคมจากทั้งฝ่ายที่รักสถาบันและฝ่ายที่ไม่รักสถาบัน
ฝ่ายที่รักสถาบันก็วิพากษ์วิจารณ์ในทำนองว่า เบสใช้สถาบันเป็นเครื่องมือในการทำหากิน
แต่ที่ดุเดือดเลือดพล่านที่สุดก็คือ ฝ่ายที่ไม่เอาสถาบันซึ่งไปขุดคุ้ยประเด็นที่เบสไปพูดที่อีสานมาเกือบปีว่าดูหมิ่นคนอีสานในประเด็นความจงรักภักดีต่อสถาบัน
เบส พูดที่มหาสารคามเมื่อต้นปีนี้ ว่า “พี่จะไม่ถามว่ารักในหลวงไหม รู้อย่างเดียวว่าคนอีสาน ในหลวงเสด็จฯ บ่อยมาก และช่วยคุณเยอะมาก คนอีสานคะ โปรดฟัง ในหลวงรักพวกคุณ แปลกนะที่บางทีพวกคุณลืมในหลวงเนอะ แปลกอะ พี่ไม่ได้ว่านะ พี่เข้าใจ เพราะคุณมันเกิดช้าไง”
ในห้วงเวลาที่เบสพูดต่อหน้าคนอีสาน ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ หากแต่คล้อยหลังมาเกือบปี กลับกลายเป็นว่า สถานการณ์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลักมือ ทั้งๆ ที่ถ้าจะว่าไปแล้ว หากฟังโดยรวมก็เข้าใจเจตนาและเป้าหมายในการพูดของเบส-อรพิมพ์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอพลาดในเรื่องนี้และเธอก็ขอโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มีการขึ้นป้ายไวนิลต่อต้านนักพูดคนดังตามพื้นที่สาธารณะต่างๆ
ทนายเสื้อแดงถึงกับไปแจ้งความดำเนินคดีว่าเบสท์พูดดูหมิ่นคนอีสาน
ตุ๊กกี้ชิงร้อยชิงล้านก็ออกมาจวกเบส ด้วยการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวโดยใช้ถ้อยคำที่ทำให้กลายเป็นประเด็นที่ดุเดือดเลือดพล่านมากขึ้นว่า “บารมียังไม่พอ อย่าไปกล่าวถึงใคร เอาเรื่องตัวเองเท่านั้นโลกจะดี โลกไปไกล คำพูด ถ้าพาดพิง มันจะกลับมาทำลายเรา! เอาเรื่องในหลวงมาพูด จนมีงานการทำ นี่ก็ควรจะพอแล้ว ไปพูดถึงคนอีสานทำไม เอาเรื่องเดียว พอแล้ว จำไว้ ใครๆ ก็รักในหลวงทั้งนั้น”
ไม่แน่ใจว่า เบสคือ “หมากตัวหนึ่ง” ของหน่วยงานทหารหรือหน่วยงานทางด้านคามมั่นคงหรือไม่
ไม่แน่ใจว่า เบสคือ “หมากตัวหนึ่ง” ในปฏิบัติการ “I.O.(Information Operations)” หรือไม่
แต่ดูเหมือนว่า “กลุ่มคนเสื้อแดง(บางคน)” ปักใจเชื่อในเรื่องนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และโดยข้อเท็จจริงก็คือ ส่วนใหญ่เบสได้รับการว่าจ้างจากหน่วยงานทหารให้พูดถึงพระราชกรณียกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเปลี่ยนทัศนคติคนที่ไม่รักสถาบัน
การออกโรงมาถล่มเบสดำเนินไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน จากทั้งกลุ่มรักสถาบันและกลุ่มไม่เอาสถาบัน แต่ที่จับตามองเป็นพิเศษก็คือการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงดังที่กล่าวมาแล้วต้นเพราะมีความผิดปกติ ประหนึ่งกำลังหา “เหยื่อ” มาบดขยี้ให้จมพสุธาไปเช่นนั้น
ที่สำคัญคือ ถ้าจะว่าไปแล้ว เมื่อเกิดกรณีการจาบจ้วงหรือหมิ่นสถาบันก็ไม่เห็นจะมี “คนเสื้อแดง” ออกมาโจมตี “พวกล้มเจ้า” ให้เห็นเสียด้วยซ้ำไป แต่กับกรณีของเบสกลับออกมากล่าวหาสารพัดสารพัน โดยกล่าวหาว่า การพูดเรื่องสถาบันของเบสไม่เหมาะสม ฯลฯ
และคำถามนี้ก็ดูเหมือนจะย้อนกลับไปที่ตลกดังอย่าง “ตุ๊กกี้” เสียด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะในโลกสังคมออนไลน์ เนื่องจากสงสัยว่า ทำไมตลกหญิงชื่อดังอย่างตุ๊กกี้ถึงออกตัวแรงในเรื่องนี้เมื่อเทียบกับดารานักแสดงคนอื่นๆ
งานนี้ ชัดเจนว่า เบสคือเหยืออันโอชะของกลุ่มคนเสื้อแดง...
เทอดเจียม VS สมเจียม
ในห้วงที่เบสถูกบดขยี้อย่างหนัก ได้ปรากฏตัวละครคนสำคัญขึ้นมาอีกคนหนึ่งคือ เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ที่ออกมาโพสต์เกาะกระแสกรณีตุ๊กกี้กับเบสในประเด็นหมิ่นคนอีสาน พร้อมขยายประเด็นเรียกร้องให้เสี่ยตาปลดเธอออกจากเวิร์คพอยท์ โดยอ้างว่าตุ๊กกี้โพสต์ตำหนิบิดเบือนเจตนารมณ์ของนักพูดสาวเจ้าของประเด็น
ความจริง ชื่อของเทอดศักดิ์ได้โลดแล่นอยู่ในโลกสังคมออนไลน์มาได้พักใหญ่ และกำลังเป็นที่จับตาถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังของบุคคลคนนี้ เนื่องเพราะถ้าหากตรวจสอบย้อนหลังในการเคลื่อนไหวของเทอดศักดิ์ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวก็จะเห็นความผิดปกติ
เพราะการโพสต์แสดงความคิดเห็นของเขาส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องสถาบันนับเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
และแต่ละโพสต์ แต่ละคลิปที่เขาทำขึ้นมาก็มีคนดูเป็นจำนวนมาก กระทั่งทำให้ยอดไลค์เฟซบุ๊กของเทอดศักดิ์พุ่งกระฉูดอย่างรวดเร็ว เพราะหัวข้อที่เขาตั้งแต่ละหัวข้อ เนื้อหาที่เขาเขียน เขาพูด ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยกระหายใคร่รู้ ซึ่งได้ทำให้เขากลายเป็น “เน็ตไอดอล” ไปในฉับพลันทันที
ประหนึ่งว่า เทอดศักดิ์เป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาในการทำสงครามออนไลน์กับกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มคนไม่เอาสถาบันอย่างไรอย่างนั้น
การปรากฏตัวของเทอดศักดิ์ ทำให้หลายคนมองว่า นี่คือปฏิบัติการช่วยเหลือเบส-อรพิมพ์มิให้ถูกลงทัณฑ์ทางสังคมไปมากกว่านี้ และก็ดูเหมือนว่า จะค่อนข้างได้ผล โดยเฉพาะการทำความเข้าใจกับกลุ่มคนรักสถาบันที่เคยโจมตีเบส
ขณะเดียวกัน หลายคนก็เชื่อเสียด้วยซ้ำไปว่า เทอดศักดิ์คือหนึ่งในตัวละคร ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงใช้ในการทำสงครามออนไลน์กับกลุ่มล้มสถาบัน
ขณะที่ทางด้านกลุ่มคนเสื้อแดงโดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงไม่เอาสถาบันก็ปักใจเชื่อเช่นนั้นเช่นกันและเดินทางโจมตีเทอดศักดิ์อย่างหนักหน่วง
มีการขุดคุ้ยเรื่องกล่าวเก่าๆ ของเทอกศักดิ์ออกมา “แฉ” จำนวนมาก ชนิดที่ทำเอาเทอดศักดิ์ไปไม่เป็นเหมือนกัน โดยเฉพาะจากบรรดา “เพจ” ที่รับรู้กันว่า เป็นเสื้อแดง เช่น เพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ๆ” และ สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด
ตลอดจนคนดังระดับผู้นำทางจิตวิญญาณของอย่าง “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” ที่เวลานี้หนีไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส
โดยเฉพาะการอัดกันซึ่งๆ หน้าของ “สมศักดิ์ เจียม” ทิ่วิเคราะห์เทอดศักดิ์ในฐานะที่เขาอ้างว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์การเมืองการปกครองออกมาเป็นขดๆ ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างยิ่ง เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้วก็ต้องยอมรับว่า “ข้อมูล” ที่เทอดศักดิ์นำมามาพูดมาสื่อสารนั้น “มั่ว” แบบได้โล่ และไม่ว่าจะอ้างเหตุผลอย่างไร ก็ฟังไม่ขึ้นเพราะมั่วจริงๆ
เทอดศักดิ์บอกว่า จอมพล ป.พิบูลสงครามคือผู้ที่สั่งยกเลิกธงชาติไทยแบบธงแดงที่มีรูปช้างอยู่ตรงกลางหรือ “ธงช้างเผือก” และคิดธงชาติไทยใหม่แบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวต่างหากที่พระราชทานธงชาติไทยแบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
เทอดศักดิ์มั่วว่า “อับราฮัม ลินคอล์น” คือประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วคือ “จอร์จ วอชิงตัน (George Washington)” ส่วนลินคอล์นก็ไม่ได้ใกล้เคียงเบอร์แรกของดินแดนแห่งเสรีภาพ แต่เป็นประธานาธิบดีลำดับที่ 16 ของสหรัฐอเมริกาต่างหาก
เทอดศักดิ์บอกว่า “กรณีสวรรคต (ในหลวงรัชกาลที่ 8) ผมไปดูในหนังสือของบิดาของสุรชัย แซ่ด่าน” ซึ่งเป็นเรื่องต้องบอกว่า น่าอายสิ้นดี เพราะความจริงแล้ว “สุรชัย แซ่ด่าน” มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องสวรรคตเลยแม้แต่น้อย และผู้ที่เขียนหนังสือเรื่องดังกล่าวแท้ที่จริงก็คือ “สุพจน์ ด่านตระกูล” ที่ไม่ได้บิดาของสุรชัย แซ่ด่านและไม่ได้เป็นญาติโกโหติกากันเลยเสียด้วยซ้ำไป ฯลฯ
นี่คือความผิดพลาดและความมั่วในข้อมูลที่เทอดศักดิ์ไม่สามารถแก้ตัวได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงเนื้อๆ และถ้าเขาจะยังคงเดินหน้าในจุดยืนเดิมๆ ก็จำต้องกำจัดจุดอ่อนของตนเองในเรื่องนี้ให้หมดไป ไม่เช่นนั้น จะทำให้ความน่าเชื่อถือของเขาไม่เหลือ
เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง มอบหมายนายภาณุวัฒน์ บุญญะกิตติ ทนายความ เข้าพบ พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย ผู้บังคับการ ปอท. เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เชียงใหม่ และ นางกัลยภรณ์ เจียมกิจวัฒนา ภรรยา โดยทั้งคู่เป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ “เทอดศักดิ์ โต้ง เจียมกิจวัฒนา” และ “กัลยภรณ์ เจียมกิจวัฒนา”
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ชัจจ์ระบุว่าบุคคลทั้งสองกับพวก ร่วมกันสร้างและบันทึกคลิป กล่าวหาใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จความว่า “เป็นอดีตนายตำรวจไทย ยศพลตำรวจโท ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ผ่านมาเป็นผู้ประสานงานบงการฆ่า พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล”
นั่นเป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของเทอดศักดิ์
แต่เชื่อเถอะว่า คงไม่สามารถหยุดความเคลื่อนไหวของเทอดศักดิ์ได้
ถึงนาทีนี้ต้องบอกว่า ทุกการเคลื่อนไหวทั้งทางการเมืองและสังคมในยุคนี้จะต้องกระทำอย่างมีสติ โดยเฉพาะบรรดาผู้เสพข่าวสารทั้งหลายที่จะรู้จัก “คิด วิเคราะห์และแยกแยะ” เพราะชั่วโมงนี้สถานการณ์แหลมคมยิ่ง.