วานนี้ (16พ.ย.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวผู้กระทำความผิดหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามมาตรา 112 ในต่างประเทศว่า ตนได้หารือกับ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ แล้ว ซึ่งมีแนวคิดในการขอความร่วมมือกับต่างประเทศ เพราะหากใช้การบังคับทางกฎหมายอาจทำไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายแต่ละประเทศต่างกัน จึงใช้วิธีการขอความร่วมมือ ซึ่งมี 2 กรณี คือ เราเอาตัวเขากลับมาก็จบ และการไม่นำตัวกลับ แต่ทำให้เขาหยุดการเคลื่อนไหว
"การขอความร่วมมือกับประเทศเหล่านั้น เพื่อขอให้ส่งตัวคนทำผิดกลับมานั้น ที่ผ่านมาเราทำมาตลอดเป็น 10 ปีแล้ว และจะทำต่อไป แต่สิ่งที่เราทำได้และยังมีโอกาสเป็นไปได้คือ การทำให้เขาหยุดเคลื่อนไหว อย่างประเทศนิวซีแลนด์ ก็ดำเนินการช่วยเหลือเราอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีขึ้น"
สำหรับสถานทูต ก็พยายามหาวิธีและขอข้อมูลไป เพื่อเร่งจัดการเรื่องนี้เป็นการภายใน เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งทูตของไทยในหลายประเทศจะใช้แนวทางนี้ เช่นเดียวกับกระทรวงการต่างประเทศ แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่พยายามบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ เช่น การขอลี้ภัยในต่างประเทศเราก็พยายามให้ข้อมูลใหม่กับประเทศต้นทางอีกด้านหนึ่ง เพื่อให้เขาพิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นเรื่องทางกฎหมาย และเน้นขอความร่วมมือเรื่องดังกล่าวไปด้วยอีกทางหนึ่ง และยืนยันว่ารัฐบาลพยายามขอตัวผู้กระทำผิดกลับมา แม้อาจจะเป็นเรื่องที่ยาก เพราะเป็นเรื่องกฎหมายภายในประเทศที่ยากต่อการไปละเมิดอธิปไตย แต่รัฐบาลกำลังดูว่าใครที่ไปหาประโยชน์จากการลี้ภัย ทั้งทางการเมือง และการไม่ได้รับความยุติธรรมในประเทศไทย ซึ่งเราก็พยายามสอบถามไป เพื่อทำข้อมูลทักท้วงไป แต่จะได้หรือไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามว่ามีประเทศใดบ้างที่รับปากว่าจะดูแลเรื่องนี้ให้เรา พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เกือบทุกประเทศให้ความร่วมมือทั้งนั้น นี่ก็นิ่งลงไปเยอะแล้ว จะเห็นได้จากสื่อโซเชียลมีเดีย ที่เขาใช้เป็นช่องทางเคลื่อนไหวก็ดีขึ้น ซึ่งเราก็พอใจในภาพรวม แต่ก็ยังไม่พอใจมากนัก เพราะปัญหายังไม่หมดไป
"การขอความร่วมมือกับประเทศเหล่านั้น เพื่อขอให้ส่งตัวคนทำผิดกลับมานั้น ที่ผ่านมาเราทำมาตลอดเป็น 10 ปีแล้ว และจะทำต่อไป แต่สิ่งที่เราทำได้และยังมีโอกาสเป็นไปได้คือ การทำให้เขาหยุดเคลื่อนไหว อย่างประเทศนิวซีแลนด์ ก็ดำเนินการช่วยเหลือเราอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีขึ้น"
สำหรับสถานทูต ก็พยายามหาวิธีและขอข้อมูลไป เพื่อเร่งจัดการเรื่องนี้เป็นการภายใน เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งทูตของไทยในหลายประเทศจะใช้แนวทางนี้ เช่นเดียวกับกระทรวงการต่างประเทศ แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่พยายามบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ เช่น การขอลี้ภัยในต่างประเทศเราก็พยายามให้ข้อมูลใหม่กับประเทศต้นทางอีกด้านหนึ่ง เพื่อให้เขาพิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นเรื่องทางกฎหมาย และเน้นขอความร่วมมือเรื่องดังกล่าวไปด้วยอีกทางหนึ่ง และยืนยันว่ารัฐบาลพยายามขอตัวผู้กระทำผิดกลับมา แม้อาจจะเป็นเรื่องที่ยาก เพราะเป็นเรื่องกฎหมายภายในประเทศที่ยากต่อการไปละเมิดอธิปไตย แต่รัฐบาลกำลังดูว่าใครที่ไปหาประโยชน์จากการลี้ภัย ทั้งทางการเมือง และการไม่ได้รับความยุติธรรมในประเทศไทย ซึ่งเราก็พยายามสอบถามไป เพื่อทำข้อมูลทักท้วงไป แต่จะได้หรือไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามว่ามีประเทศใดบ้างที่รับปากว่าจะดูแลเรื่องนี้ให้เรา พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เกือบทุกประเทศให้ความร่วมมือทั้งนั้น นี่ก็นิ่งลงไปเยอะแล้ว จะเห็นได้จากสื่อโซเชียลมีเดีย ที่เขาใช้เป็นช่องทางเคลื่อนไหวก็ดีขึ้น ซึ่งเราก็พอใจในภาพรวม แต่ก็ยังไม่พอใจมากนัก เพราะปัญหายังไม่หมดไป