การเมืองระบอบประชาธิปไตยแบบประเทศสหรัฐฯ ช่วงนี้กำลังอยู่ในมิติของการทดสอบในระดับราคาแพง เมื่อชาวอเมริกันนิยมพรรคเดโมแครตพากันออกมาใช้สิทธิ สำแดงฤทธิ์เดชด้วยการชุมนุมเดินขบวนประท้วงในเมืองต่างๆ ขยายตัวไปเรื่อยๆ จนมากกว่า 25 เมืองแล้ว
กลุ่มพวกนี้ไม่เอา โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ยอมรับชัยชนะแบบช็อกโลกของอภิมหาเศรษฐี วันอังคารที่แล้ว เหนือตัวเต็งหาม ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครตที่ถูกคาดการณ์อย่างมากหลายว่าจะชนะ เมื่อผลปรากฏว่าพ่ายแพ้อย่างหลุดลุ่ยทำให้แฟนๆ ทำใจไม่ได้
จะให้พวกเดโมแครตยอมรับง่ายๆ โดยไม่โวยวายแสดงอารมณ์แค้นรุนแรงได้อย่างไร เพราะต่างผิดหวังอย่างเจ็บปวด ต้องชักชวนผ่านโซเชียลมีเดียก่อม็อบเดินขบวนประท้วง จนถึงขั้นก่อการจลาจลเผาบ้านเผาเมืองบางจุด ชาวโลกมองว่าจะไปถึงไหน
การประท้วงส่วนใหญ่ยังเป็นไปอย่างสงบ แต่บางแห่งเกิดความรุนแรงที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางทรัพย์สิน โดยพวกชอบสวมรอย ไม่พอใจแล้ววิ่งเข้าห้าง ฉกฉวยทรัพย์สินเป็นการเอากำไรไว้ก่อน ไม่ให้เหนื่อยเปล่า ทำเอากลุ่มนักประชาธิปไตยเสียหาย
มีตีกินแบบนี้ทุกครั้งเมื่อมีการเดินขบวนประท้วง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโวยวายตำรวจผิวขาวทำเกินกว่าเหตุยิงคนผิวดำตาย หรือใช้ดุลพินิจแบบคนผิวสีเสียเปรียบ เจ็บตัว ก็จะมีพวกชอบมั่วออกมาหาเรื่องปล้นร้านค้า หอบอุปกรณ์ไฟฟ้าสารพัดเอาไปเก็บไว้ที่บ้าน
งานนี้ทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบามา นางคลินตัน ต้องเหวอ ไม่คาดคิดว่าจะมีการเดินขบวนมากมายเช่นนี้ ตัวเองก็เจ็บปวดกับความพ่ายแพ้ ยังทำใจไม่ได้ ดันต้องมีพวกเดียวกันทำนอกกติกา ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง สร้างความรุนแรงบ้านเมืองเสียหาย
ตลาดหุ้น ราคาน้ำมัน ราคาทองปั่นป่วน เพราะไม่รู้ว่าพวกนักประชาธิปไตย นักรักสิทธิมนุษยชน นักโซเชียลลิสต์ รวมทั้งนักอื่นๆ จะเลิกการประท้วงเมื่อไหร่ หรือจะหาทางลากยาวไปเรื่อยๆ รู้ทั้งรู้ว่าต่อให้กินยาตายหมู่ อดข้าวประท้วง ก็เปลี่ยนแปลงผลไม่ได้
เมื่อเห็นฝ่ายแพ้ไม่ยอมเลิก ความรุนแรงยังเพิ่มขึ้นเมื่อมีการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้สนับสนุนฝ่ายคลินตันและฝ่ายทรัมป์ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายก็ต้องเล่นบทเข้ม
คนไทยก็ได้เห็นประชาธิปไตยสไตล์อเมริกันก็มีแบบไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เล่นนอกกติกา จนยกระดับไปถึงขั้นใช้ความรุนแรง บุกเข้าห้าง เผาบ้านเผาเมืองเหมือนกัน แต่ยังไม่หนักหนาสาหัสเมื่อภาพของวิกฤตเก่าๆ ที่แพร่ในกลุ่มโซเชียลมีเดีย ทำให้เข้าใจผิด
ตัวนายทรัมป์เองก็ประกาศว่าการเดินขบวนต่อต้านเป็นฝีมือของ “นักประท้วงมืออาชีพ” และ “สื่อ” ที่กระพือความไม่พอใจของนักประท้วง ด้วยข้อมูล ถ้อยคำแบบคาบลูกคาบดอก แถมยังหาเรื่องทรัมป์ไม่เลิกเพราะความผิดหวัง ความหน้าแตก ทำให้ร่วมแค้น
สื่อหลักตัวดีทั้งหลายตั้งป้อมพยายามหาเรื่องทรัมป์ไม่เลิก ใครนั่งดูซีเอ็นเอ็น ก็เห็นได้ชัดว่าพวกนักวิเคราะห์ คนทำรายการกองเชียร์คลินตัน ยังพยายาม “ถามเชิงเสี้ยม” พูดแนวยุแหย่สุมไฟให้นักเดินขบวน พวกลาติโน มุสลิม เพิ่มระดับอารมณ์แค้นไม่ยอมเลิก
ซีเอ็นเอ็นไปสัมภาษณ์รายหนึ่ง แล้วโดนเหน็บกลับมาว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สื่อควรตั้งคำถามโดย “จิตสุจริต” หรือเป็น “Honest Questioning” ทำเอานักซักของซีเอ็นเอ็นทำหน้าปูเลี่ยนๆ ไปพัก จากนั้นก็รวบรัดตัดความสรุปจบการสัมภาษณ์ไปดื้อๆ
ในการสัมภาษณ์หลายครั้ง เมื่อพวกสนับสนุนทรัมป์ได้จังหวะชี้แจง ด้วยข้อมูลและคำพูดมีเหตุผลก็โดนตัดฉับ อ้างว่าต้องเข้าโฆษณา หรือรายงานสดจากภาคสนามบ่อยๆ
คนทั่วไปอาจไม่รู้ทัน แต่คนทำสื่อด้วยกันมองออก ว่าลูกเล่นแบบนี้เป็นลีลาหมาเน่ามาก หักกันแบบซึ่งหน้า! เมื่อเข้ารายการอีกครั้งตัวผู้ดำเนินรายการก็ชี้ให้คนอื่นๆ พูด และพูดได้ยาวนาน ถ้าไม่สร้างความเสียหายให้กับขบวนการชาวเดโมแครตเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง
ทรัมป์บอกว่าการประท้วง และพฤติกรรมของสื่อแบบนี้ “ไม่แฟร์” อย่างยิ่ง! ซีเอ็นเอ็น แสบมากขึ้นตัวหนังสือ “อเมริกาแตกแยก!” เป็นการสุมไฟในอารมณ์นักประท้วงอีก
ทรัมป์ และคนอื่นๆ แม้กระทั่งสื่อไทยก็มองออกว่า พวกสื่อหลักอเมริกันได้ร่วมรุมกินโต๊ะทรัมป์ตั้งแต่ประกาศตัวลงสมัคร ตอนแรกถูกมองเป็นตัวโจ๊กประกอบสีสันเหมือนอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆ ซึ่งใช้เงินมหาศาล แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่มีคะแนนจัดตั้ง
มหาเศรษฐีร็อคกี้เฟลเลอร์ ลงชิง 3 ครั้ง นายรอส เปโรต์ 1 ครั้ง และ สตีฟ ฟอร์บส์ 1 ครั้ง แต่ไปไม่ถึงดวงดาว นี่เป็นครั้งแรกที่เศรษฐีทรัมป์แหกทุกองค์ประกอบ อุปสรรคต่างๆ จนชิงเข้าวิน แถมยังตบหน้านักทำโพลต่างๆ ต้องไปให้หมอตอนควายเย็บหน้าแหก
สาเหตุที่ทำให้คลินตันแพ้หมดรูปคราวนี้ก็เป็นเพราะสื่อหลักนั่นแหละ นำโดยซีเอ็นเอ็น นิวยอร์ก ไทมส์ และขาใหญ่ทั้งหลาย นอกจากรุมถล่มทรัมป์ไม่ยอมให้พักแล้ว ยังโหมประโคมข่าวว่า “คลินตันตุน 268 เสียงในกระเป๋าแล้ว รอวันเลือกตั้งจะชนะสบายๆ”
นับคะแนนได้ครึ่งค่อนวัน ค่ายคลินตันต้องม้วนเสื่อ เก็บฉาก กลับบ้าน พวกสาวกทั้งหลายทำหน้าไม่ถูก น้ำตาไหลพรากๆ ด้วยเหตุนี้เองแรงแค้นของนักประท้วงมุ่งไปที่พรรคเดโมแครตว่าประมาทเกินไป และสื่อหลักทั้งหลายทำโพลให้คลินตันนำตลอด
สื่อหลักคราวนี้คุยเรื่องโพลแม่นยำไม่ได้อีกแล้ว ต้องออกมาแถว่า ก็ข้อมูลมาอย่างนั้น ไม่ยอมรับว่าการมุ่งเข้าข้างคลินตัน ทั้งอวย ประโคมเกินราคา ทำให้คลินตันก็ตายใจ
ผลออกมา พวกที่หมั่นไส้สื่อหลัก นักทำโพล จึงรู้สึกสะใจไปตามๆ กัน!
จะเกิดอะไรขึ้นกับสหรัฐฯ? ตอบยาก เพราะการชุมนุมประท้วงยังคงยืดเยื้อหลายจุด ทรัมป์และพวกก็มุ่งจัดทีมใหม่เพื่อรับช่วงต่อจากโอบามาวันที่ 20 มกราคมปีหน้า วิกฤตวุ่นวายเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพรรคเดโมแครต และนักประชาธิปไตยแค้นฝังหุ่น
กลุ่มพวกนี้ไม่เอา โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ยอมรับชัยชนะแบบช็อกโลกของอภิมหาเศรษฐี วันอังคารที่แล้ว เหนือตัวเต็งหาม ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครตที่ถูกคาดการณ์อย่างมากหลายว่าจะชนะ เมื่อผลปรากฏว่าพ่ายแพ้อย่างหลุดลุ่ยทำให้แฟนๆ ทำใจไม่ได้
จะให้พวกเดโมแครตยอมรับง่ายๆ โดยไม่โวยวายแสดงอารมณ์แค้นรุนแรงได้อย่างไร เพราะต่างผิดหวังอย่างเจ็บปวด ต้องชักชวนผ่านโซเชียลมีเดียก่อม็อบเดินขบวนประท้วง จนถึงขั้นก่อการจลาจลเผาบ้านเผาเมืองบางจุด ชาวโลกมองว่าจะไปถึงไหน
การประท้วงส่วนใหญ่ยังเป็นไปอย่างสงบ แต่บางแห่งเกิดความรุนแรงที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางทรัพย์สิน โดยพวกชอบสวมรอย ไม่พอใจแล้ววิ่งเข้าห้าง ฉกฉวยทรัพย์สินเป็นการเอากำไรไว้ก่อน ไม่ให้เหนื่อยเปล่า ทำเอากลุ่มนักประชาธิปไตยเสียหาย
มีตีกินแบบนี้ทุกครั้งเมื่อมีการเดินขบวนประท้วง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโวยวายตำรวจผิวขาวทำเกินกว่าเหตุยิงคนผิวดำตาย หรือใช้ดุลพินิจแบบคนผิวสีเสียเปรียบ เจ็บตัว ก็จะมีพวกชอบมั่วออกมาหาเรื่องปล้นร้านค้า หอบอุปกรณ์ไฟฟ้าสารพัดเอาไปเก็บไว้ที่บ้าน
งานนี้ทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบามา นางคลินตัน ต้องเหวอ ไม่คาดคิดว่าจะมีการเดินขบวนมากมายเช่นนี้ ตัวเองก็เจ็บปวดกับความพ่ายแพ้ ยังทำใจไม่ได้ ดันต้องมีพวกเดียวกันทำนอกกติกา ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง สร้างความรุนแรงบ้านเมืองเสียหาย
ตลาดหุ้น ราคาน้ำมัน ราคาทองปั่นป่วน เพราะไม่รู้ว่าพวกนักประชาธิปไตย นักรักสิทธิมนุษยชน นักโซเชียลลิสต์ รวมทั้งนักอื่นๆ จะเลิกการประท้วงเมื่อไหร่ หรือจะหาทางลากยาวไปเรื่อยๆ รู้ทั้งรู้ว่าต่อให้กินยาตายหมู่ อดข้าวประท้วง ก็เปลี่ยนแปลงผลไม่ได้
เมื่อเห็นฝ่ายแพ้ไม่ยอมเลิก ความรุนแรงยังเพิ่มขึ้นเมื่อมีการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้สนับสนุนฝ่ายคลินตันและฝ่ายทรัมป์ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายก็ต้องเล่นบทเข้ม
คนไทยก็ได้เห็นประชาธิปไตยสไตล์อเมริกันก็มีแบบไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เล่นนอกกติกา จนยกระดับไปถึงขั้นใช้ความรุนแรง บุกเข้าห้าง เผาบ้านเผาเมืองเหมือนกัน แต่ยังไม่หนักหนาสาหัสเมื่อภาพของวิกฤตเก่าๆ ที่แพร่ในกลุ่มโซเชียลมีเดีย ทำให้เข้าใจผิด
ตัวนายทรัมป์เองก็ประกาศว่าการเดินขบวนต่อต้านเป็นฝีมือของ “นักประท้วงมืออาชีพ” และ “สื่อ” ที่กระพือความไม่พอใจของนักประท้วง ด้วยข้อมูล ถ้อยคำแบบคาบลูกคาบดอก แถมยังหาเรื่องทรัมป์ไม่เลิกเพราะความผิดหวัง ความหน้าแตก ทำให้ร่วมแค้น
สื่อหลักตัวดีทั้งหลายตั้งป้อมพยายามหาเรื่องทรัมป์ไม่เลิก ใครนั่งดูซีเอ็นเอ็น ก็เห็นได้ชัดว่าพวกนักวิเคราะห์ คนทำรายการกองเชียร์คลินตัน ยังพยายาม “ถามเชิงเสี้ยม” พูดแนวยุแหย่สุมไฟให้นักเดินขบวน พวกลาติโน มุสลิม เพิ่มระดับอารมณ์แค้นไม่ยอมเลิก
ซีเอ็นเอ็นไปสัมภาษณ์รายหนึ่ง แล้วโดนเหน็บกลับมาว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สื่อควรตั้งคำถามโดย “จิตสุจริต” หรือเป็น “Honest Questioning” ทำเอานักซักของซีเอ็นเอ็นทำหน้าปูเลี่ยนๆ ไปพัก จากนั้นก็รวบรัดตัดความสรุปจบการสัมภาษณ์ไปดื้อๆ
ในการสัมภาษณ์หลายครั้ง เมื่อพวกสนับสนุนทรัมป์ได้จังหวะชี้แจง ด้วยข้อมูลและคำพูดมีเหตุผลก็โดนตัดฉับ อ้างว่าต้องเข้าโฆษณา หรือรายงานสดจากภาคสนามบ่อยๆ
คนทั่วไปอาจไม่รู้ทัน แต่คนทำสื่อด้วยกันมองออก ว่าลูกเล่นแบบนี้เป็นลีลาหมาเน่ามาก หักกันแบบซึ่งหน้า! เมื่อเข้ารายการอีกครั้งตัวผู้ดำเนินรายการก็ชี้ให้คนอื่นๆ พูด และพูดได้ยาวนาน ถ้าไม่สร้างความเสียหายให้กับขบวนการชาวเดโมแครตเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง
ทรัมป์บอกว่าการประท้วง และพฤติกรรมของสื่อแบบนี้ “ไม่แฟร์” อย่างยิ่ง! ซีเอ็นเอ็น แสบมากขึ้นตัวหนังสือ “อเมริกาแตกแยก!” เป็นการสุมไฟในอารมณ์นักประท้วงอีก
ทรัมป์ และคนอื่นๆ แม้กระทั่งสื่อไทยก็มองออกว่า พวกสื่อหลักอเมริกันได้ร่วมรุมกินโต๊ะทรัมป์ตั้งแต่ประกาศตัวลงสมัคร ตอนแรกถูกมองเป็นตัวโจ๊กประกอบสีสันเหมือนอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆ ซึ่งใช้เงินมหาศาล แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่มีคะแนนจัดตั้ง
มหาเศรษฐีร็อคกี้เฟลเลอร์ ลงชิง 3 ครั้ง นายรอส เปโรต์ 1 ครั้ง และ สตีฟ ฟอร์บส์ 1 ครั้ง แต่ไปไม่ถึงดวงดาว นี่เป็นครั้งแรกที่เศรษฐีทรัมป์แหกทุกองค์ประกอบ อุปสรรคต่างๆ จนชิงเข้าวิน แถมยังตบหน้านักทำโพลต่างๆ ต้องไปให้หมอตอนควายเย็บหน้าแหก
สาเหตุที่ทำให้คลินตันแพ้หมดรูปคราวนี้ก็เป็นเพราะสื่อหลักนั่นแหละ นำโดยซีเอ็นเอ็น นิวยอร์ก ไทมส์ และขาใหญ่ทั้งหลาย นอกจากรุมถล่มทรัมป์ไม่ยอมให้พักแล้ว ยังโหมประโคมข่าวว่า “คลินตันตุน 268 เสียงในกระเป๋าแล้ว รอวันเลือกตั้งจะชนะสบายๆ”
นับคะแนนได้ครึ่งค่อนวัน ค่ายคลินตันต้องม้วนเสื่อ เก็บฉาก กลับบ้าน พวกสาวกทั้งหลายทำหน้าไม่ถูก น้ำตาไหลพรากๆ ด้วยเหตุนี้เองแรงแค้นของนักประท้วงมุ่งไปที่พรรคเดโมแครตว่าประมาทเกินไป และสื่อหลักทั้งหลายทำโพลให้คลินตันนำตลอด
สื่อหลักคราวนี้คุยเรื่องโพลแม่นยำไม่ได้อีกแล้ว ต้องออกมาแถว่า ก็ข้อมูลมาอย่างนั้น ไม่ยอมรับว่าการมุ่งเข้าข้างคลินตัน ทั้งอวย ประโคมเกินราคา ทำให้คลินตันก็ตายใจ
ผลออกมา พวกที่หมั่นไส้สื่อหลัก นักทำโพล จึงรู้สึกสะใจไปตามๆ กัน!
จะเกิดอะไรขึ้นกับสหรัฐฯ? ตอบยาก เพราะการชุมนุมประท้วงยังคงยืดเยื้อหลายจุด ทรัมป์และพวกก็มุ่งจัดทีมใหม่เพื่อรับช่วงต่อจากโอบามาวันที่ 20 มกราคมปีหน้า วิกฤตวุ่นวายเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพรรคเดโมแครต และนักประชาธิปไตยแค้นฝังหุ่น