ผู้จัดการรายวัน 360 - "พาณิชย์"ยันส่งออกตลาดสหรัฐฯ ปีนี้ยังโต 1% ปีหน้า 3% เหมือนเดิม แม้ "ทรัมป์" เข้าวิน ปธน.มะกัน วิเคราะห์นโยบายลดภาษีธุรกิจ ดันจีดีพีโต เอื้อการส่งออกของไทย ด้านตลาดหุ้นเริ่มผ่อนคลาย รีบาวน์เล็กน้อย “มาร์ค” เชื่อผู้สมัครรีพับลิกัน ชนะเป็นบวกกับไทย “แม้ว” ร่อนจดหมายแสดงความยินดี
วานนี้ (10 พ.ย.) นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่อาจได้รับผลกระทบจากการที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน การชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกาว่า กระทรวงฯ ยังคงยืนยันเป้าหมายมูลค่าการส่งออกของไทยไปตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 1% เท่าเดิม ส่วนปี 2560 ตั้งเป้าหมายขยายตัวที่ 3% เพราะเชื่อว่า การขึ้นเป็นประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในระยะสั้น จะไม่มีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย เพราะจากการหารือกับกลุ่มผู้ส่งออก พบว่า สินค้ากลุ่มอาหาร ทั้งกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ทูน่ากระป๋อง ยังจะส่งออกได้เช่นเดิม และอาจจะเพิ่มขึ้น เพราะสหรัฐฯ ไม่ได้ผลิตกุ้ง และโรงงานทูน่าในสหรัฐฯ เพิ่งปิดตัวไป 2 แห่ง อีกทั้งสหรัฐฯก็เพิ่งประกาศคงการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทยเช่นเดิม ทำให้สินค้าไทยมีศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ อยู่เช่นเดิม
"เบื้องต้น คงไม่สามารถประเมินอะไรได้มากไปกว่านี้ เพราะต้องรอดูการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน จึงจะประเมินสถานการณ์ที่ชัดเจนได้ โดยได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ติดตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับไทย" นางอภิรดี ระบุ
ส่วนการทำข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) นั้น นางอภิรดี กล่าวว่า ไทยยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าร่วมการเจรจา ถือเป็นโอกาสดีที่จะมีเวลาศึกษาข้อดี ข้อเสียมากขึ้น ส่วนนโยบายการหาเสียงของนายทรัมป์ ที่เน้นการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ และอาจมีผลต่อการเลื่อนสถานะของไทย ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ที่ปัจจุบันไทยอยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษด้านทรัพย์สินทางปัญญา (พีดับบลิวแอล) หรือไม่นั้น ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อไทย เพราะที่ผ่านมา ไทยปราบปราม และป้องกันการละเมิดอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
** ชี้นโยบาย “ทรัมป์” เป็นประโยชน์กับไทย
ขณะที่ นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า จากการที่กรมฯได้วิเคราะห์นโยบายการหาเสียงของนายทรัมป์พบว่า นโยบายบางอย่างจะเป็นประโยชน์กับการส่งออกและการลงทุนของไทย เช่น นโยบายการลดภาษีภาคธุรกิจ ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจมีเงินเหลือมากขึ้น และซื้อสินค้าได้เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศขยายตัวได้ 3.5% จะส่งผลให้มีความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนนโยบายดึงการลงทุนของสหรัฐฯ ในต่างประเทศกลับเข้าสู่ประเทศนั้น จะส่งผลดีต่อการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ ด้วย
ขณะที่นโยบายที่อาจกระทบกับไทย เช่น การให้ความสำคัญกับทรัพย์สินทางปัญญา แต่ไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ทรัพย์สินทางปัญญาทั้งระบบ เพื่อป้องกันการละเมิด ส่งเสริมให้คนไทยสร้างสรรค์ผลงานทรัพย์สินทางปัญญา และใช้ประโยชน์ให้มากขึ้นแล้ว จึงไม่น่าได้รับผลกระทบมากนัก
** หุ้นโลกรีบาวด์รับนโยบาย ศก.สุดโต่ง
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วานนี้ (10 พ.ย.59) ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.83 จุด ที่ 1,514.26 จุด เปลี่ยนแปลง 0.32% มูลค่าการซื้อขาย 77,437.04 ล้านบาท โดยระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 1,522.63 จุด และต่ำสุดที่ 1,513.00 จุด สอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชียรีบาวน์ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 256.95 จุด หรือ ร้อยละ 1.40 ปิดที่ 18,589.69 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 23.70 จุด หรือ 1.11% ปิดที่ 2,163.26 จุด ดัชนีฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 423.92 จุด หรือ 1.89% ปิดที่ 22,839.11 จุด ดัชนีนิกเกอิ ปิด 1,092.88 จุด หรือ 6.72% ที่ระดับ 17,344.42 จุด
โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กพลิกกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกนั้น มาจากการที่นักลงทุนเริ่มเชื่อมั่นว่า นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา จะช่วยผลักดันภาคธุรกิจและหนุนภาวะเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ทรัมป์ยืนยันว่าจะยกเลิกการใช้กฎหมายประกันสุขภาพ (Affordable Care Act) ซึ่งริเริ่มโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา รวมทั้ง การผ่อนคลายกฎข้อบังคับของภาคธนาคาร, การลดภาษี และกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค
** “มาร์ค” ชี้ “ทรัมป์” นั่ง ปธน.เป็นบวกไทย
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนมองว่าประเทศไทยอาจจะบวกขึ้นเพราะนายทรัมป์ อาจจะไม่ค่อยยึดติดกับเรื่องของกรอบเดิมๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเมืองไทยในสายตาของตะวันตก ซึ่งมันหลุดไปจากกรอบของเขา คือ มีการปฏิวัติ มีเดินขบวน มีหลายอย่าง บอยคอตเลือกตั้ง แต่เขาก็ไม่ได้มารู้รายละเอียดทั้งหมด คิดว่า นายทรัมป์ จะไม่ค่อยติดกรอบตรงนี้ เพราะฉะนั้นในแง่นั้นก็อาจจะเป็นบวกก็ได้ในแง่ที่ว่าอาจจะมาสร้างความสัมพันธ์โดยไม่ต้องมาสนใจการเมืองไทยเท่าไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า แต่ในอีกด้านหนึ่งก็คือถ้า นายทรัมป์ มีความเชื่ออย่างที่เคยพูดว่าสหรัฐฯ เสียเปรียบเพราะว่า ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายเอาเปรียบ อย่างนั้น ก็น่าจะเจอกับปัญหาการกีดกันทางการค้า ก็ต้องดูว่าเขาจะไปแนวไหน เพราะว่าบอกตรงๆ ใครที่จะมากล้ายืนยันว่านายทรัมป์ จะทำอะไรนั้น ก็ต้องเก่งมากๆ อย่างที่เล่าให้หลายๆ คนฟังช่วงที่ตนเดินทางไปสหรัฐฯ ในช่วงปี 2 ปี ที่ผ่านมา ตั้งแต่ นายทรัมป์ ประกาศตัว คือปีกว่าๆ ที่ผ่านมา แม้แต่คนที่บอกว่าจะเลือกนายทรัมป์ พอถามว่า อ้าว เขาพูดอย่างนี้ไม่กลัว ว่าจะเป็นอย่างนั้น เขาก็บอกเองว่าเขาไม่คิดหรอกว่าจะทำอย่างที่พูด หรือทำไม่ได้ หรือไม่ได้ตั้งใจจะทำ มันเป็นเรื่องการหาเสียง เพียงแต่เขาเชื่อว่า นี่กำลังเป็นตัวแทนที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างให้กับเขา เพราะฉะนั้นก็ต้องดูว่าตกลง นายทรัมป์ จะไปทางไหน หรือเจ้าตัวอาจจะยังไม่รู้ก็ได้
** “ทักษิณ” อย่างไวร่อน จม.ยินดี
มีรายงานข่าวว่า วานนี้ (10 พ.ย.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ส่งจดหมายแสดงความยินดีต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีข้อความภาษอังกฤษแปลได้ความว่า “ถึงท่านว่าที่ประธานาธิบดี ผมมีความปีติเป็นอย่างยิ่งที่จะแสดงความยินดีกับชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ในการเลือกตั้งของคุณและขออวยพรให้คุณประสบความสำเร็จในการดำรงตำแหน่งสูงสุด ผมแน่ใจว่าด้วยความรู้อย่างลึกซึ้งในด้านการทำธุรกิจและความเป็นไปในโลก คุณจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญและทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
“ผมเชื่อว่าภายใต้ความเป็นผู้นำที่มีความสามารถและแนวทางของคุณ ความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประเทศไทยอันเป็นที่รักของผมและสหรัฐจะแนบแน่นลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม”
นายทักษิณ ระบุด้วยว่า “พวกเราในประเทศไทยเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ร่วมงานกับฝ่ายบริหารของคุณอย่างใกล้ชิดในช่วงเวลาไม่กี่ปีข้างหน้านี้”.
วานนี้ (10 พ.ย.) นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่อาจได้รับผลกระทบจากการที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน การชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกาว่า กระทรวงฯ ยังคงยืนยันเป้าหมายมูลค่าการส่งออกของไทยไปตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 1% เท่าเดิม ส่วนปี 2560 ตั้งเป้าหมายขยายตัวที่ 3% เพราะเชื่อว่า การขึ้นเป็นประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในระยะสั้น จะไม่มีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย เพราะจากการหารือกับกลุ่มผู้ส่งออก พบว่า สินค้ากลุ่มอาหาร ทั้งกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ทูน่ากระป๋อง ยังจะส่งออกได้เช่นเดิม และอาจจะเพิ่มขึ้น เพราะสหรัฐฯ ไม่ได้ผลิตกุ้ง และโรงงานทูน่าในสหรัฐฯ เพิ่งปิดตัวไป 2 แห่ง อีกทั้งสหรัฐฯก็เพิ่งประกาศคงการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทยเช่นเดิม ทำให้สินค้าไทยมีศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ อยู่เช่นเดิม
"เบื้องต้น คงไม่สามารถประเมินอะไรได้มากไปกว่านี้ เพราะต้องรอดูการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน จึงจะประเมินสถานการณ์ที่ชัดเจนได้ โดยได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ติดตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับไทย" นางอภิรดี ระบุ
ส่วนการทำข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) นั้น นางอภิรดี กล่าวว่า ไทยยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าร่วมการเจรจา ถือเป็นโอกาสดีที่จะมีเวลาศึกษาข้อดี ข้อเสียมากขึ้น ส่วนนโยบายการหาเสียงของนายทรัมป์ ที่เน้นการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ และอาจมีผลต่อการเลื่อนสถานะของไทย ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ที่ปัจจุบันไทยอยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษด้านทรัพย์สินทางปัญญา (พีดับบลิวแอล) หรือไม่นั้น ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อไทย เพราะที่ผ่านมา ไทยปราบปราม และป้องกันการละเมิดอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
** ชี้นโยบาย “ทรัมป์” เป็นประโยชน์กับไทย
ขณะที่ นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า จากการที่กรมฯได้วิเคราะห์นโยบายการหาเสียงของนายทรัมป์พบว่า นโยบายบางอย่างจะเป็นประโยชน์กับการส่งออกและการลงทุนของไทย เช่น นโยบายการลดภาษีภาคธุรกิจ ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจมีเงินเหลือมากขึ้น และซื้อสินค้าได้เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศขยายตัวได้ 3.5% จะส่งผลให้มีความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนนโยบายดึงการลงทุนของสหรัฐฯ ในต่างประเทศกลับเข้าสู่ประเทศนั้น จะส่งผลดีต่อการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ ด้วย
ขณะที่นโยบายที่อาจกระทบกับไทย เช่น การให้ความสำคัญกับทรัพย์สินทางปัญญา แต่ไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ทรัพย์สินทางปัญญาทั้งระบบ เพื่อป้องกันการละเมิด ส่งเสริมให้คนไทยสร้างสรรค์ผลงานทรัพย์สินทางปัญญา และใช้ประโยชน์ให้มากขึ้นแล้ว จึงไม่น่าได้รับผลกระทบมากนัก
** หุ้นโลกรีบาวด์รับนโยบาย ศก.สุดโต่ง
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วานนี้ (10 พ.ย.59) ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.83 จุด ที่ 1,514.26 จุด เปลี่ยนแปลง 0.32% มูลค่าการซื้อขาย 77,437.04 ล้านบาท โดยระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 1,522.63 จุด และต่ำสุดที่ 1,513.00 จุด สอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชียรีบาวน์ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 256.95 จุด หรือ ร้อยละ 1.40 ปิดที่ 18,589.69 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 23.70 จุด หรือ 1.11% ปิดที่ 2,163.26 จุด ดัชนีฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 423.92 จุด หรือ 1.89% ปิดที่ 22,839.11 จุด ดัชนีนิกเกอิ ปิด 1,092.88 จุด หรือ 6.72% ที่ระดับ 17,344.42 จุด
โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กพลิกกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกนั้น มาจากการที่นักลงทุนเริ่มเชื่อมั่นว่า นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา จะช่วยผลักดันภาคธุรกิจและหนุนภาวะเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ทรัมป์ยืนยันว่าจะยกเลิกการใช้กฎหมายประกันสุขภาพ (Affordable Care Act) ซึ่งริเริ่มโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา รวมทั้ง การผ่อนคลายกฎข้อบังคับของภาคธนาคาร, การลดภาษี และกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค
** “มาร์ค” ชี้ “ทรัมป์” นั่ง ปธน.เป็นบวกไทย
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนมองว่าประเทศไทยอาจจะบวกขึ้นเพราะนายทรัมป์ อาจจะไม่ค่อยยึดติดกับเรื่องของกรอบเดิมๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเมืองไทยในสายตาของตะวันตก ซึ่งมันหลุดไปจากกรอบของเขา คือ มีการปฏิวัติ มีเดินขบวน มีหลายอย่าง บอยคอตเลือกตั้ง แต่เขาก็ไม่ได้มารู้รายละเอียดทั้งหมด คิดว่า นายทรัมป์ จะไม่ค่อยติดกรอบตรงนี้ เพราะฉะนั้นในแง่นั้นก็อาจจะเป็นบวกก็ได้ในแง่ที่ว่าอาจจะมาสร้างความสัมพันธ์โดยไม่ต้องมาสนใจการเมืองไทยเท่าไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า แต่ในอีกด้านหนึ่งก็คือถ้า นายทรัมป์ มีความเชื่ออย่างที่เคยพูดว่าสหรัฐฯ เสียเปรียบเพราะว่า ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายเอาเปรียบ อย่างนั้น ก็น่าจะเจอกับปัญหาการกีดกันทางการค้า ก็ต้องดูว่าเขาจะไปแนวไหน เพราะว่าบอกตรงๆ ใครที่จะมากล้ายืนยันว่านายทรัมป์ จะทำอะไรนั้น ก็ต้องเก่งมากๆ อย่างที่เล่าให้หลายๆ คนฟังช่วงที่ตนเดินทางไปสหรัฐฯ ในช่วงปี 2 ปี ที่ผ่านมา ตั้งแต่ นายทรัมป์ ประกาศตัว คือปีกว่าๆ ที่ผ่านมา แม้แต่คนที่บอกว่าจะเลือกนายทรัมป์ พอถามว่า อ้าว เขาพูดอย่างนี้ไม่กลัว ว่าจะเป็นอย่างนั้น เขาก็บอกเองว่าเขาไม่คิดหรอกว่าจะทำอย่างที่พูด หรือทำไม่ได้ หรือไม่ได้ตั้งใจจะทำ มันเป็นเรื่องการหาเสียง เพียงแต่เขาเชื่อว่า นี่กำลังเป็นตัวแทนที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างให้กับเขา เพราะฉะนั้นก็ต้องดูว่าตกลง นายทรัมป์ จะไปทางไหน หรือเจ้าตัวอาจจะยังไม่รู้ก็ได้
** “ทักษิณ” อย่างไวร่อน จม.ยินดี
มีรายงานข่าวว่า วานนี้ (10 พ.ย.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ส่งจดหมายแสดงความยินดีต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีข้อความภาษอังกฤษแปลได้ความว่า “ถึงท่านว่าที่ประธานาธิบดี ผมมีความปีติเป็นอย่างยิ่งที่จะแสดงความยินดีกับชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ในการเลือกตั้งของคุณและขออวยพรให้คุณประสบความสำเร็จในการดำรงตำแหน่งสูงสุด ผมแน่ใจว่าด้วยความรู้อย่างลึกซึ้งในด้านการทำธุรกิจและความเป็นไปในโลก คุณจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญและทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
“ผมเชื่อว่าภายใต้ความเป็นผู้นำที่มีความสามารถและแนวทางของคุณ ความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประเทศไทยอันเป็นที่รักของผมและสหรัฐจะแนบแน่นลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม”
นายทักษิณ ระบุด้วยว่า “พวกเราในประเทศไทยเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ร่วมงานกับฝ่ายบริหารของคุณอย่างใกล้ชิดในช่วงเวลาไม่กี่ปีข้างหน้านี้”.