วานนี้ (2 พ.ย.) เมื่อเวลา 06.56 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ คุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาคนเล็กในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ยี่สิบ
เวลา 15.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี เสด็จมายัง พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังเพื่อทรงบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระพิธีธรรมจากวัดอนงคารามวรวิหาร และ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร สวดพระอภิธรรม
ขณะที่เมื่อเวลา 10.00 น. สมเด็จพระราชาธิบดีเลตซีที่ 3 แห่งราชอาณาจักรเลโซโท เสด็จฯ มาถวายราชสักการะพระบรมศพฯ และในช่วงบ่าย Mr.Kimmetso Mathaba รัฐมนตรีจากสำนักนายกรัฐมนตรี และ Mr.Mateye Nena อธิบดีกรมเอเซียและแปซิฟิค แห่งราชอาณาจักรเลโซโท ได้เดินทางไปมอบสิ่งของเพื่อแจกต่อผู้ที่มาเคารพพระบรมศพ ที่สนามหลวง บริเวณเต็นท์กองทัพบก
ขณะที่สำนักพระราชวัง เปิดให้พสกนิกรเดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ตั้งแต่เวลา 05.15 น. โดยบรรยากาศบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า หลังจากที่ได้สักการะพระบรมศพ นับเป็นภาพแห่งความจงรักภักดีที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์
นางสุพร ยึดมั่น วัย 84 ปี เดินทางมาจาก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา พร้อมกับหลานชาย นายสุรกิจ คล่องแคล่ว อายุ 47 ปี เล่าพร้อมน้ำตาว่า แม้ร่างกายจะไม่ค่อยแข็งแรง เพราะช่วงสะโพกมีปัญหาไม่สามารถนั่งกับพื้นได้ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค เพราะตั้งใจมากราบพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นครั้งสุดท้าย
"ตอนแรกหวั่นใจจะเข้าถวายสักการะได้หรือไม่ เพราะนั่งกับพื้นไม่ได้ แต่ด้วยความตั้งใจ อย่างไรก็ขอให้ได้มา เมื่อมาถึงปรากฎว่ามีรถเข็นให้บริการรู้สึกดีใจมากที่ความตั้งใจสำเร็จ แม้จะมีเวลาเพียงแป๊บเดียวแต่ตนเองก็ตั้งจิตอธิฐานบอกกับพระองค์ว่าขึ้นสวรรค์ไปอยู่กับสมเด็จย่าและสมเด็จพระพี่นาง"
*** นำทูตตร.ออสเตรเลีย-ญี่ปุ่น ลงพื้นที่
ด้านพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร บบช.น. ได้ให้การต้อนรับนายเกล็น แทนคาร์ต และนายปีเตอร์ เซาท์เวล ผู้ช่วยทูตตำรวจประเทศออสเตรเลีย นายซาจิโอะ ฮิงาชิอุระ และนายเคสุเกะ โฮซากะ ผู้ช่วยทูตตำรวจประเทศญี่ปุ่น ที่เดินทางมายังบริเวณเต็นท์กองอำนวยการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเยี่ยมชมและตรวจดูการรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ก่อนที่ผู้นำของทั้งสองประเทศจะเดินทางมาร่วมพิธีถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ภายหลังการชี้แจงเสร็จสิ้น ทางพล.ต.ท.ศานิตย์ ได้นำคณะทูตตำรวจทั้ง 2 ประเทศ เยี่ยมชมจุดตรวจรักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ พร้อมกับนำอาหารและเครื่องดื่มที่เตรียมมาแจกจ่ายให้กับประขาชนที่สัญจรผ่านไปมา และแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในปฏิบัติหน้าที่ โดยภายหลังเดินตรวจเสร็จสิ้น ทางผู้ช่วยทูตตำรวจทั้งสองประเทศ ต่างรู้สึกมั่นใจและเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก
*** พสกนิกรต่อคิวรับอาหารพระราชทาน
ด้านเต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำอาหาร ขนม ผลไม้ และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน
สำหรับเมนูอาหารพระราชทานแจกจ่ายแก่ประชาชนในวันที่ 2 พ.ย. มื้อเช้าเป็นข้าวเหนียวหมูฝอยจำนวน 1,000 ชุด พร้อมนมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวัน ขนมจีนน้ำยาปลาช่อน 2,000 ชุด ส้มตำ 2,000 ชุด ยากิโซบะ 2,000 ชุด และเฉาก๊วยชากังราว 1,000 ชุด และมื้อเย็น ข้าวหมูทอด ข้าวไก่ทอด ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ และข้าวเหนียวหมูทอดอย่างละ 1,000 ชุด และขนมไทย อีก1,000 ชุด ทั้งนี้มีน้ำดื่มสมุนไพรบริการประชาชนตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กองงานในพระองค์ฯ ยังเปิดเผยถึงเมนูวันพรุ่งนี้ 3 พ.ย. ด้วยว่ามื้อเช้าเป็นข้าวเหนียวหมูปิ้ง นมหนองโพ อย่างละ1,000 ชุด ส่วนมื้อกลางวัน มีข้าวหมู-ไก่ ทอดกระเทียม อย่างละ2,000 ชุด และเฉาก๊วยชากังราว พร้อมขนมหวานไทยอย่างละ1,000 ชุด
ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณอัครราชกุมารี พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และ พระเจ้าหลานเธออทิตยาทรกิติคุณ ทรงห่วงใยในพสกนิกรที่เดินทางมาสักการะพรบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงมีรับสั่งให้พระราชทานเลี้ยงอาหารกล่องและน้ำ วันละหนึ่งมื้อ (มื้อเที่ยง) ให้แก่ประชาชน พร้อมด้วยหน่วยแพทย์-พยาบาล จากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์และโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ให้การดูแลรักษาตรวจโรคเบื้องต้น รวมถึงการปฐมพยาบาลอุบัติเหตุเล็กน้อย ระหว่างเวลา 10.00-19.00 น. โดยจะมีให้บริการในทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ต่อเนื่องจนครบ 100 วัน ณ ภายในมณฑลพิธีสนามหลวง บริเวณบู๊ท 11 เยื้องกับโรงแรมรัตนโกสินทร์
ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น.?พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์มายังรถเคลื่อนที่ "เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยด้วยใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน" ของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ ใกล้กับประตูวิเศษไชยศรี เพื่อทรงทอดไก่ประทานแก่ประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพ ท่ามกลางพสกนิกรที่เดินทางมารอชื่นชมพระบารมีอย่างเนืองแน่น ทันทีที่เสด็จมาถึงทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารให้รีบแจกข้าวเหนียวไก่ทอดแก่ประชาชนเลยเพราะแถวยาวแล้ว พร้อมกันนี้ทรงตรัสอย่างพระอารมณ์ขันว่า แจกที่กรุงเทพแค่สนามหลวงพอไม่ต้องแจกถึงเลย สร้างความปลาบปลื้มให้แก่ประชาชนที่มารอรับข้าวเหนียวไก่ทอดต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญ ทั้งนี้สำหรับไก่ที่นำมาทอดแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในวันนี้มีจำนวน 1,300 กิโลกรัม และข้าวเหนียว 500 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีไอศรีมกระทิสดจำนวน 2 ถัง
*** ตร.ยันแจ้งเตือนคาร์บอมบ์ข่าวเก่า
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีผู้อำนวยการเขตสาทร ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังโรงเรียนในพื้นที่ ระบุว่า ฝ่ายความมั่นคง เตือนให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังเหตุวินาศกรรมคาร์บอมบ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า เป็นการแจ้งเตือนจากเหตุเดิม ที่เป็นข่าวเก่า ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้ทุกหน่วยเฝ้าติดตามด้านการข่าวอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เพื่อความปลอดภัยของประชาชน พร้อมยืนยันขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้เหตุร้ายใดๆ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะเป็นการทำงานตามวงรอบ แต่หากพบรถหรือบุคคลต้องสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทันที
*** ภูฏานถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
วานนี้( 2 พ.ย.) เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่ภาพ และกิจกรรม เมื่อวันที่ 30ต.ค.59 โดยนางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานในพิธีเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปทอดถวาย ณ วัดพังรี ซัมปา กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน โดยสมเด็จพระชนนี HM the Queen Mother Sangay Choden Wangchuck ได้เสด็จฯ เข้าร่วมพิธีในฐานะผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน พร้อมด้วย HRH Princess Euphelma Choden Wangchuckและ นาย Lyonpo Dawa Gyeltshen รมว.มหาดไทยและวัฒนธรรม ภูฏาน เป็นผู้แทนรัฐบาลภูฏาน เข้าร่วมพิธีฯ ดังกล่าว
**ศตส.ยึดระบบคิวรวมแบบเดิม
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรณะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) แถลงภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้ประชาชนที่เดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพ มีจำนวนลดลงตามลำดับ จากเมื่อวันที่ 29-30 ต.ค.ที่ผ่านมาที่มีถึง 3-4 หมื่น จึงอยากให้ประชาชนหมุนเวียนเข้ามาถวายสักการะในวันธรรมดา เพราะจะมีความสะดวก
ส่วนการต่อคิวเข้าถวายสักการะพระบรมศพนั้น ยังคงยึดระบบคิวรวมแบบเดิม ส่วนที่มีหลายฝ่ายเสนอให้นำระบบอิเล็กทรอนิก หรือออนไลน์ มาใช้อยู่ระหว่างการให้จัดทำ ซึ่งต้องดูถึงความเสถียร และความปลอดภัย และยังต้องประเมินจำนวนประชาชน ที่เดินทางเข้ามาด้วย ว่ามีความเหมาะที่จะใช้ระบบนี้หรือไม่
"บริษัทเอกชน หรือองค์กรต่างๆ ที่ติดต่อขอคิวกลุ่มเป็นการเฉพาะ เราจะไม่รับ จะรับเฉพาะประชาชน โดยใช้ระบบคิวร่วมแบบเดิมเป็นหลัก
และยืนยันกรณีที่มีการปล่อยข่าวว่า มีการจับตำรวจที่เรียกเงิน 3,000 บาท เพื่อให้ได้คิวพิเศษนั้น ทางตำรวจได้ชี้แจงในที่ประชุมว่าไม่เป็นความจริง" นายสุวพันธุ์ กล่าว
ส่วนการจัดที่อยู่ให้คนเร่ร่อน บริเวณโดยรอบสนามหลวงนั้น ทางกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย โดยรอบพระบรมมหาราชวัง ได้สำรวจเมื่อคืน พบว่ามี 375 คน และได้จัดทำประวัติ และลงทะเบียนคนกลุ่มนี้แล้ว พร้อมทั้งประสาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อนำคนกลุ่มนี้ไปอยู่ในที่พักที่จัดเตรียมไว้ แต่มีบางส่วนไม่ยอมไปอยู่บ้านพัก ก็จะผลักดันให้ออกจากสนามหลวงต่อไป
*** แจ้งงดเข้าชมวัดพระแก้ว 5 พ.ย.นี้
วันเดียวกัน สำนักพระราชวัง แจ้ง ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ สำนักพระราชวังจะงดการเข้าชมพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องจากมหาเถรสมาคมจะจัดสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งแต่เวลา 14.00น. เป็นต้นไป แต่สำนักพระราชวังยังเปิดจำหน่ายบัตรและเปิดให้เข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามปกติ
เวลา 15.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี เสด็จมายัง พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังเพื่อทรงบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระพิธีธรรมจากวัดอนงคารามวรวิหาร และ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร สวดพระอภิธรรม
ขณะที่เมื่อเวลา 10.00 น. สมเด็จพระราชาธิบดีเลตซีที่ 3 แห่งราชอาณาจักรเลโซโท เสด็จฯ มาถวายราชสักการะพระบรมศพฯ และในช่วงบ่าย Mr.Kimmetso Mathaba รัฐมนตรีจากสำนักนายกรัฐมนตรี และ Mr.Mateye Nena อธิบดีกรมเอเซียและแปซิฟิค แห่งราชอาณาจักรเลโซโท ได้เดินทางไปมอบสิ่งของเพื่อแจกต่อผู้ที่มาเคารพพระบรมศพ ที่สนามหลวง บริเวณเต็นท์กองทัพบก
ขณะที่สำนักพระราชวัง เปิดให้พสกนิกรเดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ตั้งแต่เวลา 05.15 น. โดยบรรยากาศบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า หลังจากที่ได้สักการะพระบรมศพ นับเป็นภาพแห่งความจงรักภักดีที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์
นางสุพร ยึดมั่น วัย 84 ปี เดินทางมาจาก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา พร้อมกับหลานชาย นายสุรกิจ คล่องแคล่ว อายุ 47 ปี เล่าพร้อมน้ำตาว่า แม้ร่างกายจะไม่ค่อยแข็งแรง เพราะช่วงสะโพกมีปัญหาไม่สามารถนั่งกับพื้นได้ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค เพราะตั้งใจมากราบพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นครั้งสุดท้าย
"ตอนแรกหวั่นใจจะเข้าถวายสักการะได้หรือไม่ เพราะนั่งกับพื้นไม่ได้ แต่ด้วยความตั้งใจ อย่างไรก็ขอให้ได้มา เมื่อมาถึงปรากฎว่ามีรถเข็นให้บริการรู้สึกดีใจมากที่ความตั้งใจสำเร็จ แม้จะมีเวลาเพียงแป๊บเดียวแต่ตนเองก็ตั้งจิตอธิฐานบอกกับพระองค์ว่าขึ้นสวรรค์ไปอยู่กับสมเด็จย่าและสมเด็จพระพี่นาง"
*** นำทูตตร.ออสเตรเลีย-ญี่ปุ่น ลงพื้นที่
ด้านพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร บบช.น. ได้ให้การต้อนรับนายเกล็น แทนคาร์ต และนายปีเตอร์ เซาท์เวล ผู้ช่วยทูตตำรวจประเทศออสเตรเลีย นายซาจิโอะ ฮิงาชิอุระ และนายเคสุเกะ โฮซากะ ผู้ช่วยทูตตำรวจประเทศญี่ปุ่น ที่เดินทางมายังบริเวณเต็นท์กองอำนวยการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเยี่ยมชมและตรวจดูการรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ก่อนที่ผู้นำของทั้งสองประเทศจะเดินทางมาร่วมพิธีถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ภายหลังการชี้แจงเสร็จสิ้น ทางพล.ต.ท.ศานิตย์ ได้นำคณะทูตตำรวจทั้ง 2 ประเทศ เยี่ยมชมจุดตรวจรักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ พร้อมกับนำอาหารและเครื่องดื่มที่เตรียมมาแจกจ่ายให้กับประขาชนที่สัญจรผ่านไปมา และแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในปฏิบัติหน้าที่ โดยภายหลังเดินตรวจเสร็จสิ้น ทางผู้ช่วยทูตตำรวจทั้งสองประเทศ ต่างรู้สึกมั่นใจและเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก
*** พสกนิกรต่อคิวรับอาหารพระราชทาน
ด้านเต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำอาหาร ขนม ผลไม้ และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน
สำหรับเมนูอาหารพระราชทานแจกจ่ายแก่ประชาชนในวันที่ 2 พ.ย. มื้อเช้าเป็นข้าวเหนียวหมูฝอยจำนวน 1,000 ชุด พร้อมนมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวัน ขนมจีนน้ำยาปลาช่อน 2,000 ชุด ส้มตำ 2,000 ชุด ยากิโซบะ 2,000 ชุด และเฉาก๊วยชากังราว 1,000 ชุด และมื้อเย็น ข้าวหมูทอด ข้าวไก่ทอด ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ และข้าวเหนียวหมูทอดอย่างละ 1,000 ชุด และขนมไทย อีก1,000 ชุด ทั้งนี้มีน้ำดื่มสมุนไพรบริการประชาชนตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กองงานในพระองค์ฯ ยังเปิดเผยถึงเมนูวันพรุ่งนี้ 3 พ.ย. ด้วยว่ามื้อเช้าเป็นข้าวเหนียวหมูปิ้ง นมหนองโพ อย่างละ1,000 ชุด ส่วนมื้อกลางวัน มีข้าวหมู-ไก่ ทอดกระเทียม อย่างละ2,000 ชุด และเฉาก๊วยชากังราว พร้อมขนมหวานไทยอย่างละ1,000 ชุด
ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณอัครราชกุมารี พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และ พระเจ้าหลานเธออทิตยาทรกิติคุณ ทรงห่วงใยในพสกนิกรที่เดินทางมาสักการะพรบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงมีรับสั่งให้พระราชทานเลี้ยงอาหารกล่องและน้ำ วันละหนึ่งมื้อ (มื้อเที่ยง) ให้แก่ประชาชน พร้อมด้วยหน่วยแพทย์-พยาบาล จากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์และโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ให้การดูแลรักษาตรวจโรคเบื้องต้น รวมถึงการปฐมพยาบาลอุบัติเหตุเล็กน้อย ระหว่างเวลา 10.00-19.00 น. โดยจะมีให้บริการในทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ต่อเนื่องจนครบ 100 วัน ณ ภายในมณฑลพิธีสนามหลวง บริเวณบู๊ท 11 เยื้องกับโรงแรมรัตนโกสินทร์
ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น.?พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์มายังรถเคลื่อนที่ "เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยด้วยใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน" ของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ ใกล้กับประตูวิเศษไชยศรี เพื่อทรงทอดไก่ประทานแก่ประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพ ท่ามกลางพสกนิกรที่เดินทางมารอชื่นชมพระบารมีอย่างเนืองแน่น ทันทีที่เสด็จมาถึงทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารให้รีบแจกข้าวเหนียวไก่ทอดแก่ประชาชนเลยเพราะแถวยาวแล้ว พร้อมกันนี้ทรงตรัสอย่างพระอารมณ์ขันว่า แจกที่กรุงเทพแค่สนามหลวงพอไม่ต้องแจกถึงเลย สร้างความปลาบปลื้มให้แก่ประชาชนที่มารอรับข้าวเหนียวไก่ทอดต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญ ทั้งนี้สำหรับไก่ที่นำมาทอดแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในวันนี้มีจำนวน 1,300 กิโลกรัม และข้าวเหนียว 500 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีไอศรีมกระทิสดจำนวน 2 ถัง
*** ตร.ยันแจ้งเตือนคาร์บอมบ์ข่าวเก่า
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีผู้อำนวยการเขตสาทร ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังโรงเรียนในพื้นที่ ระบุว่า ฝ่ายความมั่นคง เตือนให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังเหตุวินาศกรรมคาร์บอมบ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า เป็นการแจ้งเตือนจากเหตุเดิม ที่เป็นข่าวเก่า ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้ทุกหน่วยเฝ้าติดตามด้านการข่าวอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เพื่อความปลอดภัยของประชาชน พร้อมยืนยันขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้เหตุร้ายใดๆ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะเป็นการทำงานตามวงรอบ แต่หากพบรถหรือบุคคลต้องสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทันที
*** ภูฏานถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
วานนี้( 2 พ.ย.) เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่ภาพ และกิจกรรม เมื่อวันที่ 30ต.ค.59 โดยนางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานในพิธีเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปทอดถวาย ณ วัดพังรี ซัมปา กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน โดยสมเด็จพระชนนี HM the Queen Mother Sangay Choden Wangchuck ได้เสด็จฯ เข้าร่วมพิธีในฐานะผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน พร้อมด้วย HRH Princess Euphelma Choden Wangchuckและ นาย Lyonpo Dawa Gyeltshen รมว.มหาดไทยและวัฒนธรรม ภูฏาน เป็นผู้แทนรัฐบาลภูฏาน เข้าร่วมพิธีฯ ดังกล่าว
**ศตส.ยึดระบบคิวรวมแบบเดิม
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรณะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) แถลงภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้ประชาชนที่เดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพ มีจำนวนลดลงตามลำดับ จากเมื่อวันที่ 29-30 ต.ค.ที่ผ่านมาที่มีถึง 3-4 หมื่น จึงอยากให้ประชาชนหมุนเวียนเข้ามาถวายสักการะในวันธรรมดา เพราะจะมีความสะดวก
ส่วนการต่อคิวเข้าถวายสักการะพระบรมศพนั้น ยังคงยึดระบบคิวรวมแบบเดิม ส่วนที่มีหลายฝ่ายเสนอให้นำระบบอิเล็กทรอนิก หรือออนไลน์ มาใช้อยู่ระหว่างการให้จัดทำ ซึ่งต้องดูถึงความเสถียร และความปลอดภัย และยังต้องประเมินจำนวนประชาชน ที่เดินทางเข้ามาด้วย ว่ามีความเหมาะที่จะใช้ระบบนี้หรือไม่
"บริษัทเอกชน หรือองค์กรต่างๆ ที่ติดต่อขอคิวกลุ่มเป็นการเฉพาะ เราจะไม่รับ จะรับเฉพาะประชาชน โดยใช้ระบบคิวร่วมแบบเดิมเป็นหลัก
และยืนยันกรณีที่มีการปล่อยข่าวว่า มีการจับตำรวจที่เรียกเงิน 3,000 บาท เพื่อให้ได้คิวพิเศษนั้น ทางตำรวจได้ชี้แจงในที่ประชุมว่าไม่เป็นความจริง" นายสุวพันธุ์ กล่าว
ส่วนการจัดที่อยู่ให้คนเร่ร่อน บริเวณโดยรอบสนามหลวงนั้น ทางกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย โดยรอบพระบรมมหาราชวัง ได้สำรวจเมื่อคืน พบว่ามี 375 คน และได้จัดทำประวัติ และลงทะเบียนคนกลุ่มนี้แล้ว พร้อมทั้งประสาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อนำคนกลุ่มนี้ไปอยู่ในที่พักที่จัดเตรียมไว้ แต่มีบางส่วนไม่ยอมไปอยู่บ้านพัก ก็จะผลักดันให้ออกจากสนามหลวงต่อไป
*** แจ้งงดเข้าชมวัดพระแก้ว 5 พ.ย.นี้
วันเดียวกัน สำนักพระราชวัง แจ้ง ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ สำนักพระราชวังจะงดการเข้าชมพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องจากมหาเถรสมาคมจะจัดสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งแต่เวลา 14.00น. เป็นต้นไป แต่สำนักพระราชวังยังเปิดจำหน่ายบัตรและเปิดให้เข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามปกติ