MGR Online - ผบ.ตร.สรุปภาพรวมการดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกประชาชนสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ทุกอย่างเรียบร้อยดี ย้ำพรุ่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระแก้วเป็นวันแรก เตรียมการเรียบร้อยไม่กระทบเส้นทางสักการะ
วันนี้ (31 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงภาพรวมการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชนชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ช่วงวันที่ 29-30 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ดูแลความสวบเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของตำรวจใช้ดกำลังตำรวจ 3,000-3,500 นาย กระจายอยู่ตามจุดคัดกรองต่างๆ บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ซึ่งภารกิจของตำรวจมี 3 ส่วนด้วยกัน คือ การถวายความปลอดภัยแด่พระบรมวงศานุวงศ์ และแขกต่างประเทศ, อำนวยความสะดวกด้านจราจร และการดูแลความปลอดภัยทั้งชีวิต และร่างกายของประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะ ทั้งหมดนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.เป็นต้นมา โดยทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ข้อห่วงใยในขณะนี้ไม่ใช่เรื่องการจราจร แต่เป็นการจัดคิวให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะ ที่ผ่านมาก็ได้ปรับตามสถานการณ์ ส่วนจะมีการขยายเวลาเพิ่มหรือไม่นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการปรึกษาหารือกับทหารซึ่งเป็นหน่วยงานหลักเรื่องการจัดคิว ส่วนกรณีที่มีการตรวจยึดมีด คัตเตอร์ และกรรไกร จำนวนมากตามจุดคัดกรองนั้น ไม่ได้เป็นการนำมาก่อเหตุ แต่คงเป็นลืมและติดตัวมาด้วย เจ้าหน้าที่ได้พยายามสแกนบุคคลที่เข้ามาอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ซึ่งตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค ที่ผ่านมาจนกระทั่งขณะนี้ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีอะไรน่าห่วง แต่เพื่อความไม่ประมาทได้จัดเจ้าหน้าที่สายตรวจตระเวนบริเวณรอบนอกในระยะ 10 กิโลเมตรด้วย
“สำหรับข้อห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับโดยตรงไว้ 4 เรื่อง คือ เรื่องการจราจร เรื่องมิจฉาชีพ เรื่องเด็กหาย พลัดหลง และการดูแลผู้สูงอายุ ขณะนี้เราสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้ ถ้าเปรียบเทียบกับจำนวนคนที่เข้ามาถวายสักการะพระบรมศพ ก็ดูแลได้เป็นอย่างดี” ผบ.ตร.กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.รอง ผบ.ช.น.) กล่าวว่า สำหรับจำนวนประชาชนที่เดินทางถวายสักการะพระบรมศพ ในวันที่ 29 ตุลาคม 2559 มีประชาชนเดินผ่านจุดคัดกรองประมาณ 190,000 คน และในวันที่ 30 ตุลาคม 2559 มีประมาณ 150,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้อาจจะมีประชาชนหลายคนเดินเข้าออกหลายจุดคัดกรองทำให้ไม่สามารถนับจำนวนที่ชัดเจนได้ แต่ถ้านับจำนวนประชาชนจริงคาดว่าประมาณเกือบ 1 แสนราย อย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ (1 พ.ย.) จะเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าชมภายในพระบรมมหาราชวังเป็นวันแรก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินเข้าในประตูวิเศษไชยศรี และจะให้ประชาชนที่จะเข้าถวายสักการะพระบรมศพเข้าทางฝั่งประตูมณีนพรัตน์แทน เนื่องจากบริเวณประตูวิเศษไชยศรีจะมีจุดคัดกรองการแต่งกายของนักท่องเที่ยว โดยเส้นทางการเข้าชมสถานที่ในพระบรมมหาราชวังจะไม่ทบกับเส้นทางที่ประชาชนจะเข้าถวายบังคมพระบรมศพ ส่วนการแต่งกายของนักท่องเที่ยวนั้น ได้ประสานไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ช่วยประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเข้าใจถึงสถานการณ์ให้แต่งกายด้วยความเหมาะสม และใม่ให้นักท่องเที่ยวนำกระเป๋าติดตัวมามาก ซึ่งจะเป็นปัญหาล่าช้าในการตรวจคัดกรอง แต่อยากให้นำหนังสือเดินทางมาด้วยเพื่อเป็นการยืนยันตัวบุคคล
ขณะที่ พล.ต.ต.วิชาญวัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนนำของบริจาคที่ได้รับภายในพื้นที่สนามหลวงไปจำหน่ายต่อนั้น ว่า กรณีดังกล่าวจะบอกว่าเป็นความผิดก็คงไม่ได้ เป็นเพียงการกระทำที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประชาสัมพันธ์และนำตัวมาทำประวัติ พร้อมทั้งทำความเข้าใจว่าไม่ควรแบบนี้ ส่วนการจัดการคนเร่ร่อนบริเวณสนามหลวงที่อาจจะทำให้ประชาชนบางส่วนกลัวนั้น ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นหน่วยงานดำเนินการในส่วนนี้ โดยให้นำบุคคลเร่ร่อนไร้ที่พึ่งไปสู่กระบวนการที่จะต้องออกไปจากพื้นที่ และจัดการในส่วนของสวัสดิการและอาหารการกินให้
