นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาหาบเร่แผงลอยว่า ในตอนนี้มีตัวแทนจากประชาชนผู้ประกอบอาชีพขายของหาบเร่ แผงลอย จากเขตต่างๆที่ได้รับความเดือดร้อน มายื่นจดหมายร้องขอความเป็นธรรมต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่า ปัญหาหาบเร่แผงลอย ควรจะได้รับการแก้ไข แต่ว่าประชาชนที่มายื่นหนังสือนั้นเป็นกลุ่มหาบเร่แผงลอย ซึ่งประกอบอาชีพอยู่พื้นที่ ที่เป็นจุดผ่อนผัน ถูกต้องตามกฎหมาย ถูกต้องตามข้อบัญญัติกทม. เรื่อง ควบคุมแผงลอย และควบคุมผู้เร่ขาย พ.ศ. 2519 และได้ทำอาชีพอยู่ในพื้นที่นั้นตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา
นายวัชระ กล่าวว่า กลุ่มนี้เป็นผู้ที่ค้าหาบเร่ แผงลอย ที่เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย บางคนต้องเสียภาษีถึงปีละ 1,500 บาท และผู้ค้าหาบเร่แผงลอยเหล่านี้ มีบัตรผู้สัมผัสอาหาร ออกโดยผู้อำนวยการสำนักอนามัยกทม. และบัตรดังกล่าว ยังใช้ได้ถึงวันที่ 14 มี.ค.60 และในอดีตที่ผ่านมา คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล ได้ออกประกาศนียบัตรให้กับผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ตั้งแต่เดือน ก.พ.24 และได้มีการต่อใบอนุญาตขาย จนถึงปี 60 ซึ่งมีการเสียภาษีและค่าปรับต่างๆ ถูกต้องตามกฎหมาย แต่นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. กลับอ้างนโยบายของจัดระเบียบของคสช. ส่งผลให้ ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย กว่า 20,000 ครอบครัว ได้รับผลกระทบไม่มีที่ค้าขายทำกิน บางเขตที่จัดที่ให้ ก็เป็นจุดที่ไม่มีคนเดินผ่าน
นายวัชระ กล่าวว่า เมื่อ เดือนก.ย. ที่ผ่านมา ตนได้ไปพบกับนายวัลลภ เพื่อขอให้มีการผ่อนผันไปถึงสิ้นปี เพื่อให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยได้เตรียมตัว แต่นายวัลลภ ก็ย้อนถามตนกลับว่า แล้วไง ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว ราวกับทางเท้านั้นเป็นของนายวัลลภ อย่างไรก็ตาม ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ในเขตหนองแขม และเขตบางแค พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯกทม. ได้โทรศัพท์โทรมาบอกตนว่า ในเขตหนองแขมนั้น จะให้มีการผ่อนผันไปจนถึงหลังวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นจะต้องย้ายออกไป ภายในวันที่ 7 ธ.ค. แต่ปรากฏว่าในเขตหนองแขม ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยทั้งหมดจะต้องย้ายออกไปก่อนสิ้นเดือนต.ค. และนายวัลลภ เองก็ไม่สนใจ ต้องการให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยย้ายออกไปในทันทีเช่นกัน ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ผู้อำนวยการเขตหนองแขมถึงไม่ทำตามคำสั่งของ พล.ต.อ. อัศวิน
นายวัชระ กล่าวว่า หลังจากที่ตนรับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนผู้ค้าหาบเร่แผงลอย จาก เขตต่างๆ ใน กทม. กว่า 20 เขต ก็จะยื่นให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อไป และขอวิงวอนต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เข้ามาดูแลปัญหานี้ เพราะเกี่ยวพันถึงสมาชิกในครอบครัวของผู้ค้า รวมแล้วกว่าแสนราย เพราะผู้ค้ายินดีที่จะจ่ายเงินภาษีให้กับรัฐ แต่ไม่ยินดีที่จะจ่ายส่วยให้กับเทศกิจบางเขตบางราย ที่ยังใช้ช่องทางนี้ทำมาหากินอยู่ และขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจตาม มาตรา 44 แต่งตั้งผู้ว่าฯกทม. และรองผู้ว่าฯ เพื่อแก้ไขปัญหาของคนกรุงเทพฯด้วย
นายวัชระ กล่าวว่า กลุ่มนี้เป็นผู้ที่ค้าหาบเร่ แผงลอย ที่เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย บางคนต้องเสียภาษีถึงปีละ 1,500 บาท และผู้ค้าหาบเร่แผงลอยเหล่านี้ มีบัตรผู้สัมผัสอาหาร ออกโดยผู้อำนวยการสำนักอนามัยกทม. และบัตรดังกล่าว ยังใช้ได้ถึงวันที่ 14 มี.ค.60 และในอดีตที่ผ่านมา คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล ได้ออกประกาศนียบัตรให้กับผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ตั้งแต่เดือน ก.พ.24 และได้มีการต่อใบอนุญาตขาย จนถึงปี 60 ซึ่งมีการเสียภาษีและค่าปรับต่างๆ ถูกต้องตามกฎหมาย แต่นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. กลับอ้างนโยบายของจัดระเบียบของคสช. ส่งผลให้ ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย กว่า 20,000 ครอบครัว ได้รับผลกระทบไม่มีที่ค้าขายทำกิน บางเขตที่จัดที่ให้ ก็เป็นจุดที่ไม่มีคนเดินผ่าน
นายวัชระ กล่าวว่า เมื่อ เดือนก.ย. ที่ผ่านมา ตนได้ไปพบกับนายวัลลภ เพื่อขอให้มีการผ่อนผันไปถึงสิ้นปี เพื่อให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยได้เตรียมตัว แต่นายวัลลภ ก็ย้อนถามตนกลับว่า แล้วไง ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว ราวกับทางเท้านั้นเป็นของนายวัลลภ อย่างไรก็ตาม ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ในเขตหนองแขม และเขตบางแค พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯกทม. ได้โทรศัพท์โทรมาบอกตนว่า ในเขตหนองแขมนั้น จะให้มีการผ่อนผันไปจนถึงหลังวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นจะต้องย้ายออกไป ภายในวันที่ 7 ธ.ค. แต่ปรากฏว่าในเขตหนองแขม ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยทั้งหมดจะต้องย้ายออกไปก่อนสิ้นเดือนต.ค. และนายวัลลภ เองก็ไม่สนใจ ต้องการให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยย้ายออกไปในทันทีเช่นกัน ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ผู้อำนวยการเขตหนองแขมถึงไม่ทำตามคำสั่งของ พล.ต.อ. อัศวิน
นายวัชระ กล่าวว่า หลังจากที่ตนรับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนผู้ค้าหาบเร่แผงลอย จาก เขตต่างๆ ใน กทม. กว่า 20 เขต ก็จะยื่นให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อไป และขอวิงวอนต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เข้ามาดูแลปัญหานี้ เพราะเกี่ยวพันถึงสมาชิกในครอบครัวของผู้ค้า รวมแล้วกว่าแสนราย เพราะผู้ค้ายินดีที่จะจ่ายเงินภาษีให้กับรัฐ แต่ไม่ยินดีที่จะจ่ายส่วยให้กับเทศกิจบางเขตบางราย ที่ยังใช้ช่องทางนี้ทำมาหากินอยู่ และขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจตาม มาตรา 44 แต่งตั้งผู้ว่าฯกทม. และรองผู้ว่าฯ เพื่อแก้ไขปัญหาของคนกรุงเทพฯด้วย