นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยตัวแทนผู้ค้าหาบเร่แผงลอยกว่า 20 เขตในกรุงเทพฯ มาร่วมแถลงข่าวถึงการแก้ไขปัญหาหาบเร่แผงลอยโดยกรุงเทพมหานคร(กทม.) ว่า ตอนนี้ประชาชนผู้ประกอบอาชีพขายของหาบเร่ แผงลอย มายื่นจดหมายร้องขอความเป็นธรรมต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นกลุ่มที่ประกอบอาชีพในพื้นที่จุดผ่อนผัน ถูกต้องตามกฎหมาย และข้อบัญญัติ กทม. เรื่องควบคุมแผงลอยและควบคุมผู้เร่ขาย พ.ศ. 2519 และได้ทำอาชีพอยู่ในพื้นที่นั้นตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา และเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย แต่นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กลับอ้างนโยบายของจัดระเบียบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งผลให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยกว่า 20,000 ครอบครัวได้รับผลกระทบ ไม่มีที่ค้าขายทำกิน แม้บางเขตจัดที่ให้ ก็เป็นจุดที่ไม่มีคนเดินผ่าน ทำให้ผู้ค้าขายได้รับความเดือดร้อน เพราะไม่มีรายได้
นายวัชระ กล่าวอีกว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าในเขตหนองแขมและเขตบางแค พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้บอกตนว่าจะให้ผ่อนผันไปจนถึงหลังวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นจะต้องย้าย ออกไปภายในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ แต่ปรากฏว่าในเขตหนองแขม ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยทั้งหมดถูกสั่งให้ย้ายออกไปก่อนสิ้นเดือน ต.ค.นี้ ขณะที่นายวัลลภไม่สนใจ ดังนั้นตนขอวิงวอนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้เข้ามาดูแลปัญหานี้ โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แต่งตั้งผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ กทม. เพื่อแก้ไขปัญหาของคนกรุงเทพฯ อย่ามองข้ามปัญหาเล็กน้อย เพราะเกี่ยวพันถึงสมาชิกในครอบครัวของผู้ค้ารวมแล้วกว่าแสนราย เพราะผู้ค้ายินดีที่จะจ่ายเงินภาษีให้กับรัฐ แต่ไม่ยินดีที่จะจ่ายส่วย ให้กับเทศกิจบางเขตบางราย ที่ยังใช้ช่องทางนี้ทำมาหากินอยู่
นายวัชระ กล่าวอีกว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าในเขตหนองแขมและเขตบางแค พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้บอกตนว่าจะให้ผ่อนผันไปจนถึงหลังวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นจะต้องย้าย ออกไปภายในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ แต่ปรากฏว่าในเขตหนองแขม ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยทั้งหมดถูกสั่งให้ย้ายออกไปก่อนสิ้นเดือน ต.ค.นี้ ขณะที่นายวัลลภไม่สนใจ ดังนั้นตนขอวิงวอนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้เข้ามาดูแลปัญหานี้ โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แต่งตั้งผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ กทม. เพื่อแก้ไขปัญหาของคนกรุงเทพฯ อย่ามองข้ามปัญหาเล็กน้อย เพราะเกี่ยวพันถึงสมาชิกในครอบครัวของผู้ค้ารวมแล้วกว่าแสนราย เพราะผู้ค้ายินดีที่จะจ่ายเงินภาษีให้กับรัฐ แต่ไม่ยินดีที่จะจ่ายส่วย ให้กับเทศกิจบางเขตบางราย ที่ยังใช้ช่องทางนี้ทำมาหากินอยู่
