อดีต ส.ส. ปชป. ป้อง หาบเร่แผงลอย ที่เสียภาษีตาม กม. ติง ปธ. ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. อ้างนโยบาย คสช. ห้ามขาย ไม่ยอมผ่อนผัน ทำยังกับทางเท้าเป็นของตัวเอง ปูด ผอ. เขตหนองแขม ก็ไม่ยอมฟังรองผู้ว่าฯ พร้อมฟังข้อร้องเรียนผู้ค้า ชง “อภิสิทธิ์” ต่อ วอน “ประยุทธ์” ชี้ ผู้ค้ายินดีจ่ายภาษี ไม่ใช่จ่ายส่วย แนะใช้ ม.44 ตั้งผู้ว่าฯ กทม. แก้ปัญหา
วันนี้ (9 ต.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ ถึงกรณีการแก้ไขปัญหาหาบเร่แผงลอย ว่า ในตอนนี้มีตัวแทนจากประชาชนผู้ประกอบอาชีพขายของหาบเร่ แผงลอย จากเขตต่าง ๆ ที่ได้รับความเดือดร้อน เดินทางมายื่นจดหมายร้องขอความเป็นธรรมต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตนขอยืนยันว่า ปัญหาเรื่องหาบเร่แผงลอยนั้น ควรจะได้รับการแก้ไข แต่ว่าประชาชนที่มายื่นหนังสือในวันนี้นั้น เป็นกลุ่มหาบเร่แผงลอยซึ่งประกอบอาชีพอยู่พื้นที่ที่เป็นจุดผ่อนผัน ถูกต้องตามกฎหมาย ถูกต้องตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมแผงลอย และควบคุมผู้เร่ขาย พ.ศ. 2519 และได้ทำอาชีพอยู่ในพื้นที่นั้นตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยนายธรรมนูญ เทียนเงิน เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และเป็นผู้ออกข้อบัญญัติทั้ง 2 ฉบับนี้ด้วย
นายวัชระ กล่าวต่อว่า นี่เป็นผู้ที่ค้าหาบเร่ แผงลอย ที่เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ บางคนต้องเสียภาษีถึงปีละ 1,500 บาท โดยเสียภาษี 750 บาท 2 ครั้ง และผู้ค้าหาบเร่แผงลอยเหล่านี้มีบัตรผู้สัมผัสอาหาร ออกโดยผู้อำนวยการสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร และบัตรดังกล่าวยังใช้ได้ถึงวันที่ 14 มี.ค. 2560 และในอดีตที่ผ่านมา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกประกาศนียบัตรให้กับผู้ค้าหาบเร่แผงลอยตั้งแต่เดือน ก.พ. 2524 และได้มีการต่อใบอนุญาตขายจนถึงปี 2560 ซึ่งมีการเสียภาษีและค่าปรับต่าง ๆ ถูกต้องตามกฎหมาย
นายวัชระ กล่าวต่อว่า แต่ นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กลับอ้างนโยบายของจัดระเบียบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งผลให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยกว่า 20,000 ครอบครัว ได้รับผลกระทบ ไม่มีที่ค้าขายทำกิน บางเขตที่จัดที่ให้ ก็เป็นจุดที่ไม่มีคนเดินผ่าน ไม่มีลูกค้า ทำให้ได้รับความเดือดร้อน เพราะไม่มีรายได้ เพราะแต่ละครอบครัว ยังต้องมีค่าใช้จ่าย ทั้งค่ารถ ค่าบ้าน ค่าเล่าเรียนลูก และจ่ายหนี้เงินกู้ หากหยุดขายตรงนี้ไป จะเอาเงินรายได้ที่ไหนมารองรับ เนื่องจากทั้งหมดล้วนเป็นคนหาเช้ากินค่ำ
นายวัชระ กล่าวว่า แม้ว่าเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปพบกับนายวัลลภ เพื่อขอให้มีการผ่อนผันไปถึงสิ้นปี เพื่อให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยได้เตรียมตัว แต่นายวัลลภก็ย้อนถามตนกลับว่าแล้วไง ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว ราวกับทางเท้านั้นเป็นของนายวัลลภ อย่างไรก็ตาม ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ในเขตหนองแขม และ เขตบางแค พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โทรศัพท์ โทร.มาบอกตน ว่า ในเขตหนองแขมนั้น จะให้มีการผ่อนผันไปจนถึงหลังวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นจะต้องย้ายออกไปภายในวันที่ 7 ธ.ค. แต่ปรากฏว่า ในเขตหนองแขม ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยทั้งหมดจะต้องย้ายออกไปก่อนสิ้นเดือน ต.ค. และนายวัลลภเองก็ไม่สนใจ ต้องการให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยย้ายออกไปในทันทีเช่นกัน ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้อำนวยการเขตหนองแขม ถึงไม่ทำตามคำสั่งของ พล.ต.อ.อัศวิน
นายวัชระ กล่าวว่า หลังจากที่ตนรับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนผู้ค้าหาบเร่แผงลอยจากเขตต่าง ๆ ใน กทม. กว่า 20 เขต ก็จะยื่นให้นายอภิสิทธิ์ต่อไป และขอวิงวอนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้เข้ามาดูแลปัญหานี้ อย่ามองข้ามปัญหาเล็กน้อย เพราะเกี่ยวพันถึงสมาชิกในครอบครัวของผู้ค้ารวมแล้วกว่าแสนราย เพราะผู้ค้ายินดีที่จะจ่ายเงินภาษีให้กับรัฐ แต่ไม่ยินดีที่จะจ่ายส่วย ให้กับเทศกิจบางเขตบางราย ที่ยังใช้ช่องทางนี้ทำมาหากินอยู่ และขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แต่งตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรองผู้ว่าฯ เพื่อแก้ไขปัญหาของคนกรุงเทพฯด้วย
ทั้งนี้ หลังการแถลงก็ได้มีการเปิดโอกาสให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยได้พูดระบายความในใจ โดยตัวแทนผู้ค้าหาบเร่แผงลอยจากพื้นที่ประตูน้ ำได้กล่าวว่า นายวัลลภ ได้ทำเกินกว่าหน้าที่ โดยไล่ผู้ค้าขายหาบเร่ แผงลอย ออกจากสถานที่ค้าทั้งหมด ตนจึงอยากจะถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ว่า คำสั่งที่ออกมานั้น คือ การจัดระเบียบ หรือการขับไล่ผู้ค้าทั้งหมดออกจากสถานที่ค้าขายเดิมกันแน่ จากนั้นตัวแทนผู้ค้าหาบเร่แผงลอยก็ได้ร่วมกันจุดธูปสักการบูชาพระแม่ธรณี เพื่อขอให้ผู้มีอำนาจลงมาแก้ไขปัญหานี้ด้วย