ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -การจากไปของ อาจารย์จันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล คู่ชีวิตของ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ-เอเอสทีวี ในเวลาย่ำรุ่งของวันที่ 3 ตุลาคม 2559 จากภาวะแทรกซ้อนระหว่างการรักษาโรคมะเร็งในระยะสุดท้าย นำความเศร้าโศกเสียใจมาสู่ครอบครัวลิ้มทองกุล ญาติมิตร เพื่อนพ้องและบริวาร รวมทั้งพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีความผูกพันกับครอบครัวลิ้มทองกุลอย่างลึกซึ้ง
จิตตนาถ ลิ้มทองกุล ลูกชายคนเดียวของครอบครัว ได้สะท้อนปณิธานความตั้งใจของอาจารย์จันทน์ทิพย์ ผู้เป็นแม่ ซึ่งยึดมั่นในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ที่ให้ครองชีวิตด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ผ่านข้อเขียน “เมื่อวันที่แม่ไปสบาย และพ่อต้องรับให้ได้” ว่า เมื่อย่ำรุ่งวันนี้ (3 ตุลาคม 2559) คุณแม่ของผม อ.จันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ท่ามกลางสมาชิกครอบครัวที่รายล้อมครับ ท่านโชคดีที่ท่านได้ละภพนี้ไปในแนวทางที่ท่านได้สั่งให้ลูกหลานได้เตรียมการเอาไว้ คือ ให้ผมได้อ่านบทพุทธวจน ในการเจริญอานาปานสติ พิจารณาลมหายใจจนกระทั่งสัญญาณชีพหยุดและเปิดบรรยายธรรมต่อเป็นระยะเวลาหนึ่ง ผมส่งคุณแม่จากโลกนี้ไปด้วยอาการสงบไม่ฟูมฟาย เพราะท่านเคยสอนเอาไว้ว่า จะเป็นการช่วยให้ผู้วายชนม์ไม่ต้องเป็นห่วง และก็หวังว่า ท่านจะมีญาณรับรู้ในสิ่งที่ผมได้ทำตามคำสั่งเสียของท่าน ถึงแม้ผมจะสงบ แต่ลึก ๆ ก็ใจหายว่าท่านได้จากผมไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ และถามตัวเองว่าเหตุการณ์มันช่างราวเหมือนความฝัน ผมไม่มีอะไรคาใจเพราะทั้งครอบครัวและมิตรสหายได้พยายามอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้แล้ว จะมีก็แค่เสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสพาท่านไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นตามที่ท่านเคยเอ่ยปาก ทั้งๆ ที่เตรียมแผนไว้แล้วแต่ท่านมาป่วยเสียก่อน
“เมื่อจัดการเรื่องคุณแม่แล้ว ก็ได้เดินทางไปเยี่ยมคุณสนธิ ที่เรือนจำ และได้แจ้งข่าวคุณแม่เสียชีวิตให้ท่านทราบ และนั่นก็ทำให้ผมได้เห็นน้ำตาของคุณสนธิ ล้นเอ่อออกมาอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตนี้ เพราะคุณสนธิ หวังเอาไว้อย่างมากว่า สักวันจะได้มีโอกาสพบคุณแม่อีกครั้ง ผมได้นำคำพูดของคุณแม่ฝากไปถึงคุณสนธิ ให้แกฟังว่า ‘ป๋าสู้ๆ ป๋าเป็นยอดนักสู้ ให้สู้ๆ นะ’ และบอกท่านว่า ‘แม่อยากให้ป๋าปฏิบัติธรรม อย่าได้มีความรู้สึกคับแค้นใดๆ ในชะตาชีวิต’ คุณสนธิ ได้บอกผมว่า เมื่อฌาปนกิจคุณแม่แล้วให้เก็บกระดูกคุณแม่ไว้ จะชาติไหนเมื่อไรแกก็จะต้องทำบุญกระดูกคุณแม่ให้ได้ วันนี้จะเป็นวันที่ผมไม่มีวันลืมในชีวิต แต่ก็ถือเป็นวันที่ผมทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างสองท่านอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยตามกำลังความสามารถที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าทั้งสองท่านจะไม่มีโอกาสจะได้เจอกันตามปณิธานที่ได้ตั้งไว้อีกครั้งในชาติภพนี้
“ผมขอเป็นตัวแทนของคุณสนธิและคุณแม่ กราบขอบพระคุณทุกท่านที่แสดงความเสียใจและเป็นห่วงเป็นใยมาจนถึงเวลานี้ กราบขอบพระคุณญาติมิตรและสหายทุกท่านที่มาช่วยดูแลคุณแม่และเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ รวมถึงคณะแพทย์และพยาบาลเจ้าหน้าที่ทุกท่าน โดยเฉพาะ อ.ปานเทพ ที่เป็นธุระช่วยเหลือให้คำปรึกษาในหลายเรื่องตลอดมา และช่วยประคองคุณแม่จนถึงตีสี่ก่อนที่คุณแม่จะสิ้นใจในเวลาต่อมา สำหรับปณิธานของคุณแม่ ผมจะสืบสานต่อเช่นเดียวกัน จากที่ช่วงบั้นปลายชีวิตคุณแม่ได้หันมาศึกษาพุทธวจน อันเป็นธรรมจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าอย่างจริงจัง ดังนั้น ในงานศพของคุณแม่ ผมจึงขอให้มีการเทศน์พุทธวจน นอกเหนือจากการสวดพระอภิธรรมศพตามประเพณี .....”
ขณะที่ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้เขียนเฟซบุ๊ก "อาลัยแด่จันทน์ทิพย์ ผู้เป็นเมียของผัวและแม่ของลูกผู้อดทนหนักแน่น ควรค่าแก่การระลึกถึง" เอาไว้ว่า คืนก่อนที่อาจารย์จันทน์ทิพย์ จะสิ้นลม หลวงปู่ฯ ฝันเห็นอาจารย์จันทน์ทิพย์ มากราบลา และหลวงปู่ฯ ได้พูดว่า “เอ็งโชคดีแล้วที่ได้รับมรณะสมบัติก่อนข้า และก็โชคดีมาก ๆ ที่มีสติระลึกรู้ ก่อนที่จิตสุดท้ายของเอ็งจะดับ...ฉันฝันเห็นมันนั่งคุกเข่าก้มลงกราบท่าเทพธิดา ด้วยกิริยานอบน้อม ฉันจึงบอกมันไปว่า จุติ จุตัง อรหัง จุติ นะลูก”
หลวงปู่ฯ ยังเล่าถึงความกระตือรือล้นของอาจารย์จันทน์ทิพย์ ที่จะได้สนทนาธรรมในทุกครั้งที่หลวงปู่ฯ เดินทางไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล ด้วยว่า “ทุกครั้งที่ฉันไปเยี่ยม ฉันจะไปเตือนมันตลอดว่า มึงเจริญสติบ้างหรือเปล่า ให้เตรียมตัวตายเอาไว้บ้าง ฉันบอกมันว่า ลมหายใจก็ยังหยาบอยู่ บางครั้งร่างกายเกิดเวทนาแรงกล้า อาจจะขาดสติ ไม่สามารถกำหนดจิตจับดูลมได้ต้องกำหนดดูจิต ระวังรักษาจิต พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า ผู้ที่รักษาจิตได้ ถือว่าเป็นยอดแห่งการรักษา มึงต้องพยายามรักษาจิตอย่าให้จิตกระเพื่อมไปกับอารมณ์ใดๆ .....”
อาจารย์จันทน์ทิพย์ ตอบหลวงปู่ฯ ทุกครั้งว่า เฝ้าระวังดูจิตอยู่ตลอด และหลวงปู่ฯ ก็บอกว่า “เออ ดีแล้ว เวลาที่จิตสุดท้าย มาถึง เจตสิกเครื่องปรุงจิต ที่เศร้าหมองจะได้ไม่เข้ามาครอบงำจิตมึงให้ขุ่นมัวได้ หากมึงสามารถรักษาจิตสุดท้าย เอาไว้ไม่ให้เศร้าหมองขุ่นมัวได้ อย่างเลวก็ไปเกิดเป็นพรหม อย่างกลางก็เป็นพระอริยบุคคล อย่างประเสริฐคือจิตของพระอรหันต์ เข้าใจไหม”
นอกจากนี้ ยังมีบุคคลสำคัญมากมายที่ร่วมอาลัยต่อการจากไปของอาจารย์จันทน์ทิพย์ หนึ่งในนั้นคือ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ผู้ซึ่งคุณสนธิ ลิ้มทองกุล รักและเคารพเสมือนพี่ชาย โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้ถ่ายทอดข้อความของ ดร.อาทิตย์ ต่อการจากไปของอาจารย์จันทน์ทิพย์ ความว่า “ขอให้วิญญาณคุณปุ๊สู่ความสุข ความสงบอย่างแท้จริงในสรวงสวรรค์ พ้นจากความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงในโลกนี้ ขอแสดงความเสียใจ เห็นใจ และให้กำลังใจต่อคุณสนธิและครอบครัว ที่ได้เสียสละส่วนตัว ทำความดีเพื่อส่วนรวมทุกสิ่งทุกอย่าง ขอให้เข้มแข็ง ไม่หวั่นไหว ต่อสู้ในสิ่งที่ดีงามที่ถูกต้องต่อไป ไม่มีใครรู้ดีกว่าเรา ชีวิตของเรา จิตใจของเรา ตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดี เราต้องได้สิ่งที่ดี มีสุขที่สุด ตอบแทน เที่ยงแท้แน่นอน”
อาจารย์จันทน์ทิพย์ หรือ "อาจารย์ปุ๊" ขณะที่มีชีวิตอยู่ ยังเป็น "ผู้นำทาง" ให้กับครอบครัวสิทธิสมาน ดังที่ คำนูณ สิทธิสมาน ได้เขียนไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า “อาจารย์ปุ๊” ได้มอบหนังสือ "เด็กปัญญาเลิศ" เขียนโดยหม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา ให้กับภรรยาหลังจากคลอด "ต้นน้ำ" ลูกชายคนโต ซึ่งตอนนั้นแนวความคิดเรื่องเด็กปัญญาเลิศ หรือเด็ก gifted รวมทั้งแนวคิดที่ว่าพัฒนาการทางสมองของมนุษย์สามารถพัฒนาได้ดีที่สุดในช่วงแรกเกิดถึง 6 ปีเท่านั้น ยังค่อนข้างใหม่สำหรับบ้านเรา หนังสือเล่มนี้ที่เป็นงานชิ้นเอกของอาจารย์หม่อมดุษฎี จึงเป็นอมตะมาจนทุกวันนี้ และหนังสือเล่มนี้ช่วยจุดประกายความคิดให้ภรรยาผมหันมาสนใจเรื่องเด็กและเรื่องการศึกษา รวมทั้งเรื่อง gifted อย่างจริงจัง ....
“.... สำหรับวิถีชีวิตของภรรยาผม หากจะกล่าวว่าอาจารย์ปุ๊ เป็นผู้นำทาง ก็คงไม่ผิดนัก ณ วันนี้ แนวความคิดใหม่เรื่องพัฒนาการทางสมองของมนุษย์ควรเริ่มในช่วง 6 ขวบปีแรก ถูกนำมาประยุกต์บรรจุอยู่ในว่าที่รัฐธรรมนูญ 2559 แล้ว เป็นไปตามแนวที่อาจารย์ปุ๊เชื่อมาตั้งแต่เมื่อ 18 ปีก่อน”
สำหรับบรรยากาศพิธีรดน้ำศพของอาจารย์จันทน์ทิพย์ ณ วัดมกุฏกษัตริยาราม เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2559 และการสวดอภิธรรม ระหว่างวันที่ 4 - 10 ตุลาคม 2559 มีแขกผู้มีเกียรติเดินทางมารดน้ำศพและร่วมไว้อาลัยมากมาย อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี, ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม, นายกนก อภิรดี อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์, นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช., นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด เป็นต้น