ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
เที่ยวบินพิเศษที่นำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะรวม38 คน บินตรงสู่ฮาวาย ทำท่าจะไม่จบง่ายๆเสียแล้ว เพราะยิ่งขุดคุ้ย ยิ่งพบปมใหม่ๆ ขณะที่สื่อมวลชนเริ่มถูกปิดกั้นการนำเสนอข่าว
การเช่าเหมาลำเครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) เพื่อขนคณะพล.อ.ประวัติเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน โดยมีค่าใช้จ่าย 20.9 ล้านบาทนั้น จุดกระแสการจมตีอย่างหนัก
เพราะเป็นการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่ฟุ้งเฟ้อ เกินความจำเป็น และสวนทางกับนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง
แต่เป้าการโจมถูกขยายออกไป ไม่เฉพาะค่าอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องจำนวน 600,000 บาทเท่านั้น แต่อีกประเด็นใหญ่ที่สังคมกำลังตรวจสอบอยู่คือ รายชื่อผู้โดยสารอีก 37 คนที่ร่วมคณะไปกับ พล.อ.ประวิตร
มีข่าวลือว่า ผู้บริหารบริษัทผลิตอาหารยักษ์ใหญ่ร่วมเดินทางไปกับ พล.อ.ประวิตรด้วย ซึ่งถ้าจริง เที่ยวบินนี้คงหาจอดลงอย่างไม่ราบเรียบ
ตัวละครอีกคนที่ถูกพูดถึงมากเป็นพิเศษคือ “ชลรัศมี งาทวีสุข” ผู้ดำเนินรายการ “เช้านี้ประเทศไทย” ทางช่อง 5 เพราะมีชื่อร่วมเดินทางไปด้วย
แต่ “ชลรัศมี” ออกมาปฏิเสธแล้ว ยืนยันว่าจัดรายการอยู่ตลอด และเป็นรายการสด ซึ่งคนๆ เดียวจะอยู่ต่างสถานที่ในเวลาเดียวกันไม่ได้
ในเบื้องต้นต้องเชื่อ “ชลรัศมี” ไว้ก่อน เพราะไม่คุ้มที่จะโกหก และถ้าร่วมเดินทางไปจริง คงปกปิดความลับไม่ได้ สักวันจะต้องถูกเปิดโปง
ถ้าผู้ดำเนินรายการสาวสวยช่อง 5 ร่วมเที่ยวบินพิเศษบินตรงไป “ฮาวาย”จริง งานนี้พล.อ.ประวิตรจอดแน่ๆ
“ชลรัศมี” เข้ามาเกี่ยวข้องอะไรกับเที่ยวบินที่กำลังฉาวโฉ่ มีความสำคัญอย่างไร สื่อมวลชนจึงนำมาเชื่อมโยง เพื่อโจมตีพล.อ.ประวิตร เป็นโจทย์ที่ถูกตั้งไว้
แต่การนำเสนอบทบาทความเคลื่อนไหวของผู้ดำเนินรายการสาวสวยคนนี้ กำลังทำให้สื่อมวลชนบางสำนักต้องได้รับผลกระทบ
สำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวด่วน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ระบุว่า กองบรรณาธิการได้รับแจ้งจาก บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด ผู้ดูแลเซิร์ฟเวอร์ โดยขอความร่วมมือให้ปิดรายงานเรื่อง “ปีทองของ ชลรัศมี” ผู้ประกาศสาวที่โกยรายได้ 34 ล้านบาท ระหว่างปี 2556-2557 จากการรับผลิตรายการให้ช่อง5 และรับจ้างโฆษณาจากหน่วยงานรัฐ
รายงานที่มีคำขอให้ปกปิดชิ้นนี้ สำนักข่าวอิศรานำออกเผยแพร่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 แต่เมื่อ “ชลรัศมี” ตกเป็นข่าวดัง และอาจทำให้ พล.อ.ประวิตรพัง จึงอาจมีผู้มีอำนาจ ไม่ได้การให้ขุดคุ้ยเรื่องราวของผู้ดำเนินรายการสาวสวยช่อง5
สำนักข่าวอิศรากำลังตามหาตัวผู้อยู่เบื้องหลัง คำสั่งปิดรายงานเกี่ยวกับ “ชลรัศมี”อยู่ เพราะใครจะมาขอให้สื่อปิดปากง่ายๆ ได้อย่างไร สื่อที่ไหนจะยอมถูกแทรกแซง อย่างน้อยควรทำหนังสือ ลงชื่อเป็นลายลักษณ์อักษรมาเป็นหลักฐานให้พิจารณาหน่อยก็ยังดี
ความพยายามแทรกแซงสำนักข่าวอิศรา เป็นภาพสะท้อนของการดิ้นรน เพื่อสกัดกั้นการลุกลามบานปลายของเที่ยวบินฉาวโฉ่ และตัดตอนประเด็น “ชลรัศมี” ที่ทำมาหากินในช่อง5
เพราะการเป็นผู้ผลิตรายการ การรับงานโฆษณาจากหน่วยงานรัฐ ไม่ใช่สื่อทั่วไปจะทำได้ แต่ต้อนได้รับการสนับสนุน คำถามต่อไปคือ ใครเป็นผู้สนับสนุน “ชลรัศมี”
การเดินทางไปราชกาต่างประเทศของพล.อ.ประวิตร ถ้าโดยสารเครื่องบินธรรมดา คงไม่เกิดปัญหา แต่เมื่อใช้บริการ ด้วยเที่ยวบินที่ไม่ธรรมดา ค่าใช้จ่ายถูกกว่า 20 ล้านบาท จะก่อประเด็นร้อนที่ลุกลามไปใหญ่โต จนถึงขั้นพังกันเป็นแถบๆได้
ช้างตายทั้งตัว จะเอาใบบัวปิดคงไม่มิด
รายชื่อผู้โดยสารที่ร่วมเที่ยวบินพิเศษ เป็นใครกันบ้าง เกี่ยวข้องกับการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมหรือไม่ กลายเป็นประเด็นชี้เป็นชี้ตายไปแล้ว
คนที่พล.อ.ประวิตรหอบหิ้วร่วมคณะ 37 คนหรือมากกว่า ถึงป่านนี้เก็บเป็นความลับไม่ไหวแล้ว เหลือเพียงคำยืนยันเท่านั้นว่า ใครกันบ้างที่ร่วมเดินทางไปจริง เหลือเพียงการรอคำชี้แจงเท่านั้นว่า ผู้โดยสารแต่ละคน เกี่ยวพันอย่างไรกับการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
และถ้าไม่เกี่ยวพัน มีเหตุผลใดที่ พล.อ.ประวิตรหิ้วไปด้วย จะเป็นการนำเงินภาษีของประชาชนไปผลาญเพื่อพวกพ้องหรือไม่
สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีอะไรต้องหนักใจ เพราะเที่ยวบินที่กำลังฉาวโฉ่ เป็นปัญหาเฉพาะบุคคล เป็นปัญหาของคนรอบข้าง ซึ่งคนรอบข้างต้องรับผิดชอบ
ถ้าการเช่าเครื่องบินเหมาลำไปราชการต่างประเทศ ถูกพิสูจน์ว่า เป็นเที่ยวบินสำราญ มีการนำเงินงบประมาณไปผลาญ ขนคนใกล้ชิดหรือพวกพ้องไปทัวร์ พี่ใหญ่ “ประวิตร” อาจต้องโบกมืออำลา
งานนี้แก้ข่าวมาหลายวันแล้ว แต่ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง ยิ่งมีประเด็น “ชลรัศมี” โผล่ขึ้นมา เที่ยวบินของพล.อ.ประวิตรดูเหมือนจะหารันเวย์จอดไม่เจอแล้ว