เอด้าซอฟต์ขยายไลน์สู่ระบบคลาวด์จับมือ 3 พันธมิตร หวังช่วยโชวห่วยและธุรกิจค้าปลีก บริหารการขายได้อย่างมืออาชีพ ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ราคาเริ่มต้น 30 บาทต่อวัน ตั้งเป้าลูกค้าไม่น้อยกว่า 3 หมื่นรายภายใน 2 ปี มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท พร้อมขยายออกสู่ AEC ต้นปีหน้าเป็นต้นไป
นายวิษณุพงษ์ วาศ์วาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอด้าซอฟท์ จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดตัวแอปพลิเคชัน “มอร์ (More)” ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือกันครั้งแรกของ 3 พันธมิตรที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน โดยซีเอส ล็อกซอินโฟ จะเข้ามาเสริมด้านระบบคลาวด์และบริการคอลเซ็นเตอร์ ขณะที่แอดไวซ์จะเข้ามาเสริมด้านช่องทางการจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งอุปกรณ์และบริการหลังการขายทั่วประเทศ โดยความร่วมมือดังกล่าวจะส่งผลให้ร้านค้าโชวห่วยหรือธุรกิจค้าปลีกรายเล็ก มีโอกาสเข้าถึงระบบบริหารร้านค้าปลีกและระบบสต๊อกสินค้าบนคลาวด์แบบครบวงจรมากขึ้น ด้วยจุดเด่นการติดตั้งเร็ว ใช้งานง่าย และราคาที่ใครๆก็เข้าถึงได้
แอปพลิเคชัน มอร์ (More) ครอบคลุมการขายหน้าร้าน การจัดการสต๊อกสินค้า หรือแม้กระทั่งการจัดการด้านโปรโมชัน โดยระบบทั้งหมดสามารถใช้งานได้อย่างง่ายๆด้วยรูปแบบที่ผู้ไม่เป็นคอมพิวเตอร์ก็สามารถเข้าใจได้โดยง่าย ผ่านแท็บเล็ต โดยสามารถเริ่มใช้ได้เพียงแค่สแกนสินค้าพร้อมใส่ราคาได้ตามต้องการ ใช้งานได้สะดวกโดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการกรอกข้อมูลสินค้าในช่วงเริ่มต้น เนื่องจาก “มอร์” มีการใส่ฐานข้อมูลสินค้าทั้งหมดที่มีในท้องตลาดไว้แล้ว เมื่อสแกนบาร์โคด ระบบจะทำการดึงข้อมูลสินค้าออกมาให้ทันที ผู้ใช้เพียงแค่กรอกราคาที่ต้องการขายลงไปเท่านั้น และหากมีปัญหาด้านการใช้งานสามารถ โทร.สอบถามคอลเซ็นเตอร์ผ่านระบบของซีเอส ล็อกซอินโฟได้อย่างใกล้ชิด
“เราตั้งเป้าหมายว่าภายใน 2 ปีนี้ จะมีผู้ใช้งานกว่า 3 หมื่นร้านค้า แบ่งเป็นปีแรก 10,000 ร้านค้า และปีถัดไปอีก 20,000 ร้านค้า คิดเป็นมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท ขณะที่งบการตลาดสำหรับการส่งเสริมให้ร้านค้าได้รู้จักมากขึ้นคาดว่า จะใช้ประมาณ 10 ล้านบาท โดยพุ่งเป้าที่การทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดียเป็นหลัก และมีการโรดโชว์เพื่อสร้างความรู้ให้กลุ่มเป้าหมายได้ทดลองใช้งานจริง” นายวิษณุพงษ์ กล่าว
นอกจากนี้ “มอร์” ยังมีเป้าหมายที่จะบุกตลาด AEC ภายในต้นปีหน้า โดยคาดว่าจะสามารถเข้าสู่ตลาดในประเทศ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่บริษัทมีคู่ค้าด้านระบบ POS (ระบบขายหน้าร้าน) อยู่แล้ว โดยโมเดลการขยายเข้าสู่ตลาด AEC นั้นก็จะมีความคล้ายคลึงกับโมเดลในไทย คือ การร่วมมือกับพันธมิตรที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการหลังการขาย ตลอดจนความแข็งแกร่งด้านอุปกรณ์ เพื่อต่อยอดให้ “มอร์” กลายเป็นโซลูชันที่ครบวงจรมากที่สุด สามารถส่งเสริมด้านการจัดการขายพร้อมบริหารสต๊อกสินค้าและการจัดโปรโมชันให้กับร้านค้ารายเล็ก ซึ่งโดยปกติจะทำได้ลำบากเนื่องจากเจ้าของจะทำหน้าที่ทั้งหมดเองเพียงลำพัง
ด้านนายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) พันธมิตรที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านระบบคลาวด์และระบบคอลเซ็นเตอร์ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวว่า เทรนด์ของการค้าที่จะต้องเข้าสู่ระบบคลาวด์ เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นในอนาคต ความพยายามเฟ้นหาพันธมิตรที่เข้ามาช่วยเสริมให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างง่ายดายเป็นเรื่องที่ ซีเอส ล็อกซอินโฟ ให้ความสนใจ และการร่วมเป็นพันธมิตรกับ เอด้าซอฟท์ในครั้งนี้ เพราะประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 14 ปี ของเอด้าซอฟท์ด้านระบบ POS เสมือนหนึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการขายที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับร้านโชวห่วยได้อย่างมืออาชีพ การพัฒนาแอป “มอร์” จึงเกิดขึ้นจากประสบการณ์ใช้งานจริงทั้งสิ้น
“เราหวังว่า มอร์ จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายเล็กของไทยสามารถเติบโตและแข่งขันได้ในอนาคต โดยเมื่อเริ่มเข้าสู่ AEC ที่อาจจะมีต่างชาติเข้ามาแข่งขันการค้ามากขึ้น” นายอนันต์ กล่าวย้ำ
ด้านนายพรเทพ วัชรอำนวย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดไวซ์ โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านอุปกรณ์และบริการหลังการขาย กล่าวว่า การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้เป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกัน โดยแอป “มอร์” เองก็สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายร้านค้ารายเล็ก ผ่านช่องทางการจำหน่ายกว่า 250 ร้านค้าของแบรนด์แอดไวซ์ได้ทั่วประเทศ ขณะที่แอดไวซ์เองก็สามารถเพิ่มการรับรู้และขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน “มอร์” เช่นเดียวกัน
แอปพลิเคชัน “มอร์” สามารถซื้อแบบแอปอย่างเดียว หรือเลือกเป็นโซลูชันที่มีพร้อมอุปกรณ์การขายหน้าร้านครบถ้วน เช่น แท็บเล็ต เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ เครื่องสแกนบาร์โคด ผ่านร้านแอดไวซ์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ทำงานบนระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ 4.2 ขึ้นไป และสามารถเชื่อมข้อมูลระหว่างเครื่องได้สำหรับโซลูชันสูงสุด โดยราคาเริ่มต้นเฉพาะแอปพลิเคชันอยู่ที่เดือนละ 900 บาท สูงสุด 1,900 บาทต่อ 1 เครื่อง ด้านบริการหลังการขายหากเครื่องมีปัญหาสามารถส่งซ่อมได้ที่ร้านแอดไวซ์เช่นเดียวกัน
Company Related Link :
Adasoft
CyberBiz Social
