ผู้จัดการรายวัน 360 - เครือรพ.กรุงเทพ ทุ่มทุน 12,800 ล้านบาท ซื้อที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างโรงแรมปาร์คนายเลิศ จากทายาทตระกูล "สมบัติศิริ" ผุดศูนย์สุขภาพแบบครบวงจรใจกลางกรุง หวังดันไทยขึ้นเมดิคัลฮับแห่งแรกในเอเซีย ด้านผู้บริหารโรงแรม เขียนจดหมายถึงพนักงานสู้ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงไม่ไหวจนต้องหยุดดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นปี 60 เป็นต้นไป ระบุยอมจ่ายสิทธิประโยชน์ให้ตามกฎหมาย เพิ่มโบนัส 1 เดือน ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีถึงจะคุ้มทุน ส่งผลให้ราคาปิดร่วง 1.82%
วานนี้ (29 ก.ย.) บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการจำกัด (มหาชน) (BDMS) หรือเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ แจ้งต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) ว่า บริษัทฯได้จัดตั้งบริษัท บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก จำกัด (บริษัทย่อย) เข้าซื้อที่ดินบริเวณโครงการปาร์คนายเลิศกว่า 15 ไร่พร้อมสิ่งปลูกสร้าง รวมราคา 10,800 ล้านบาท โดยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับ นางสัณหพิศ สมบัติศิริ และนางพิไลพรรณ สมบัติศิริ โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวม 10,800 ล้านบาท โดยจะรับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประมาณไตรมาสที่ 2 ของปี 2560
ทั้งนี้บริษัท บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก จำกัด มีทุนจดทะเบียน 6,400 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อและรับโอนที่ดิน เพื่อดำเนินโครงการศูนย์สุขภาพแบบครบวงจร BDMS Wellness Clinic โดยกำหนดงบลงทุนและปรับปรุงทรัพย์สิน 2,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าโครงการ 12,800 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ และให้บริการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย และฟื้นฟูสุขภาพแบบครบวงจรรายแรกในภูมิภาคเอเชีย
นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้ถือหุ้นใหญ่ BDMS ยืนยันว่า ธุรกิจโรงพยาบาล ในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยตนมุ่งมั่นในการทำธุรกิจให้เติบโตและเป็นโรงพยาบาลสำหรับคนไทยและต่างประเทศที่เข้ามาใช้บริการอย่างมีคุณภาพ
“ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ทำธุรกิจมา กิจการเติบโตแข็งแกร่งและมั่นคง ราคาหุ้นที่ลดลงก็ไม่กังวลเพราะหุ้นลงก็ขึ้นได้ ซึ่งผมซื้อหุ้น BDMS ต่อเนื่อง เพราะมั่นใจและดีกว่าฝากเงินดอกเบี้ยต่ำและหากใช้เงินก็จะขายบ้าง ไม่กังวลกับราคาหุ้นที่ลดลง" นพ.ปราเสริฐ กล่าว
ด้าน น.ส.ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงแรมปาร์คนายเลิศ จำกัด ในฐานะทายาทตระกูล “สมบัติศิริ” ได้เขียนจดหมายด้วยลายมือ ชี้แจงพนักงานว่า สาเหตุการขายกิจการเกิดจากสถานการณ์ธุรกิจโรงแรม มีการแข่งขันสูงมาก โรงแรมใหม่ๆ เปิดตัวทั่วทุกมุมถนน คณะผู้บริหารทุกท่านต่างอดทนและทำงานหนัก ประคับประคองสถานการณ์ เพื่อความอยู่รอดของโรงแรมมาโดยตลอด แต่สุดท้ายทุกอย่างย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
โดยโรงแรมปาร์คนายเลิศจะหยุดดำเนินการอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ต้นปี 2560 เป็นต้นไป ซึ่งผู้บริหารจะรับผิดชอบค่าชดเชยตามอัตราที่กฎหมายกำหนด พร้อมโบนัสอีก 1 เดือน สำหรับพนักงานที่มีสิทธิได้รับโบนัสตามกฎของบริษัท รวมถึงสินน้ำใจจากครอบครัวอีกจำนวนหนึ่งให้กับพนักงาน
นอกจากนี้ เรายังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก บริษัท Accor ซึ่งขณะนี้เป็นเจ้าของ SWISSOTEL หรือ FRHI, แล้ว ซึ่งบริษัท Accor จะรับพิจารณาพนักงานที่สนใจเข้าสมัครงาน ณ โรงแรมในเครือ Accor ต่อไป
น.ส.พรรณี ศรียุทธศักดิ์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เขตพื้นที่ 4 เข้าไปตรวจสอบแล้ว และเตรียมประสานกรมการจัดหางาน สำนักงานประกันสังคม และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มาช่วยหางานใหม่ หรือ พัฒนาทักษะ หากต้องการเปลี่ยนสายงานตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนเรื่องเงินค่าชดเชย ผู้บริหารแจ้งว่ายินดีจ่ายสิทธิประโยชน์ให้ตามกฎหมาย พร้อมจ่ายเงินโบนัสประจำปีจำนวน 1 เดือนให้ รวมทั้งช่วยหางานว่างจากโรงแรมอื่นๆให้ด้วย
"การปิดกิจการของโรงแรมสวิสโฮเทล ปาร์คนายเลิศ ถือเป็นการประกาศค่อนข้างกะทันหัน เพราะที่ผ่านมาไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีการเลิกจ้าง จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานทั่วประเทศเฝ้าระวัง หากพบบริษัทใดมีปัญหาให้เข้าไปพูดคุยและให้คำแนะนำทันที เพื่อระงับเหตุก่อนปัญหาจะรุนแรงถึงขั้นเลิกจ้าง" น.ส.พรรณี ระบุ
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส ระบุว่า การที่ กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS ทุ่ม 10,800 ล้านบาทซื้อโรงแรมปาร์คนายเลิศ รวมถึงเตรียมงบประมาณอีก 2,000 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 12,800 ล้านบาทเพื่อจะพัฒนาโครงการศูนย์สุขภาพครบวงจร BDMS Wellness Clinic ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลักดันให้ไทยขึ้นเมดิคัลฮับของเอเซียได้ในอนาคต เพราะมีการรวมงานบริการด้านเวชาศาลาตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ บริการทางด้านสุขภาพระบบประสาทและสมอง ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก คลินิกทันตกรรม คลินิกผิวหนังและความงาม ไว้ในพื้นที่กว่า 15 ไร่ พร้อมงานบริการในระดับพรีเมียม
“การเพิ่มคลินิก Excellent Center ครบวงจรในกลางใจเมืองอีก 1 แห่ง จะช่วยเพิ่มฐานกำไรในระยะยาว อย่างไรก็ตามในระยะสั้นการลงทุนด้วยวงเงินสูงๆ จะมีผลต่อกำไร แม้ว่าทาง BDMS จะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน จ่ายเงินมัดจำ 1,080 ล้านบาท แต่ BDMS อาจจะแบกรับภาระดอกเบี้ย และค่าเสื่อมราคารวมกันราว 400-500 ล้านบาท ในปี 2560 ขณะผลการดำเนินงานของโครงการดังกล่าวคาดจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีจึงจะคุ้มทุน” นายเทิดศักดิ์ กล่าว
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส แนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากโดยปกติแล้วในช่วงครึ่งหลังปี 2559 ผลประกอบการของกลุ่มโรงพยาบาลเติบโตอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เพราะเป็นช่วงฤดูกาลของอุตสาหกรรม (ไฮซีซัน) จึงน่าจะทำให้เกิดผลประกอบการของกลุ่มปรับตัวดีขึ้น เบื้องคาดจะกระทบต่อ EPS growth จากประมาณการเดิมที่คาดว่าโตราว 14% จะเหลือการเติบโตอยู่ที่ราว 8.38% และจากการคำนวณเบื้องต้นฝ่ายวิจัยคาดว่าจะกระทบกับ Fair value ปี 60 ที่ราว 1-1.5 ต่อหุ้น
ขณะที่บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ฯ แนะ "ถือ" หุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ราคาเป้าหมาย 26 บาท ซึ่งเบื้องต้นมองว่า แม้จะส่งผลดีต่อผลประกอบการในระยะยาว แต่เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่คาดจะกดดันศักยภาพทำกำไรในระยะสั้น เพราะต้องรับรู้ดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดขึ้นก่อนกว่าจะสร้างรายได้คุ้มทุน
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น BDMS บนกระดานหลักทรัพย์ วานนี้ (29 ก.ย.) ปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาปิดวันก่อนตั้งแต่เปิดการซื้อขาย แตะระดับต่ำสุดที่ 21.40 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ 21.60 บาท ลดลง 0.40 บาท เปลี่ยนแปลง 1.82% มูลค่าการซื้อขายสูงสุดติดอันดับหนึ่งที่ 4,619.17 ล้านบาท
