บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยเจอแรงกดดันเฟดประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. หาบทสรุปขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ให้กรอบดัชนี 1,420-1,460 จุด แนะเก็งกำไร THAI-AAV-BA รับอานิสงส์ กพท.ตรวจรับรอง 25 การบิน ลั่น 4 เดือนตรวจเสร็จลุ้นต้นปี 60 ยื่นขอ ICAO ตรวจมาตรฐานอีกรอบ และหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กฟน.เร่งเครื่องโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ชู ILINK-ARROW ด้านราคาทองคำลงต่อ หลังธนาคารกลางยุโรปไม่ลดดอกเบี้ย และไม่ต่อเวลา QE โดยมีแนวรับ 1,305-1,300 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,355-1,360 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากกระแสเงินทุนจากต่างชาติเป็นหลัก ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปัจจัยบวกภายในประเทศมาจากมาตรการภาครัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นได้จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) เริ่มใช้ 1 ต.ค.59 ตั้งเป้า GDP โตเฉลี่ยกว่า 5% ต่อปี และมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 10% เป็น 7% ต่อไปอีก 1 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ รวมถึงเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หลังดัชนี SET ปรับลดลงลึกเข้ามาช่วยพยุงตลาด
อย่างไรก็ตาม มีความไม่แน่นอนจากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ทั้งนี้ ความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีทั้งฝ่ายที่สนับสนุน และคัดค้าน รวมทั้งเสนอความเห็นว่าเฟดควรหารือกันอย่างจริงจังต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาในวันที่ 14 ก.ย. มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 6/2559 คาดว่าน่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย คาดว่าจะมีการปรับประมาณการตัวเลข GDP ใหม่หลัง GDP ไตรมาส 2/2559 ที่ 3.5% ดีกว่าคาด ส่วนวันที่ 15 ก.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โพลคาดคงอัตราดอกเบี้ย วันที่ 20-21 ก.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ และในวันที่ 26-28 ก.ย. กลุ่มโอเปก เตรียมจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อหารือวิธีสร้างเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่าตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงไทย ยังคงมีแรงกดดัน และผันผวนสูง จากประเด็นการประชุม FOMC ในวันที่ 20-21 ก.ย. ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 26-28 ก.ย. น่าจะเป็นบวกต่อราคาน้ำมัน รวมถึงกลุ่มพลังงาน ประกอบกับแรงซื้อเก็งกำไรตามสัญญาณเทคนิค Oversold ของดัชนีน่าจะช่วยหนุนต่อภาวะการลงทุนในสัปดาห์นี้
ดังนั้น ประเมินว่า SET แกว่งตัวในกรอบ 1,420-1,460 จุด ทั้งนี้ แนะนำซื้อเก็งกำไรในกลุ่มที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ THAI, AAV และ BA ที่ได้รับผลดีเชิงบวกด้านจิตวิทยา จากการที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เร่งตรวจรับรอง 25 สายการบิน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาราว 4 เดือน ลุ้นต้นปี 60 ยื่นขอ ICAO ตรวจมาตรฐานอีกรอบ รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เร่งเครื่องโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน วงเงิน 6.3 หมื่นล้านบาท เปิดฉากประมูลในเดือนต.ค. ได้แก่ ILINK และ ARROW
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำปรับลงในช่วงท้ายของสัปดาห์ที่ผ่านมา จากแรงกดดันธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และไม่มีการขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ประกอบกับความกังวลว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดหลายรายได้ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ โดยประธานเฟด สาขาบอสตันกล่าวเตือนว่า เฟดเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นหากชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานเกินไป
ขณะที่ประธานเฟด สาขาดัลลัส เผยปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกำลังมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ด้าน นายแดเนียล ทารูลโล หนึ่งในผู้ว่าการเฟด กล่าวว่า เขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ รวมถึงประธานเฟดสาขาแอตแลนตา เห็นว่า เฟดควรทำการหารืออย่างจริงจังในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดจะคลายกังวลลงบ้างต่อแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หลังนางลาเอล เบรนนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด ได้แนะนำให้เฟดดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีการฟื้นตัว แต่ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงส่วนใหญ่ที่มองว่า เฟดควรปรับขึ้นดอกเบี้ยจะยังเป็นแรงกดดันต่อทิศทางของราคาทองคำ
สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาทองปรับลงต่ำกว่าแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ด้วยการต่อยอดขาลงแท่งเทียนสัญญาณลบที่หลุดฐานแนวรับไหล่ขวา ประกอบกับค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นลบ แม้ระยะสั้นจะมีการฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง แต่ยังมีแรงกดดันจากแนวพักตัวลง ทำให้ดัชนีแนวโน้มปรับขึ้นช่วงสั้นเท่านั้น ก่อนปรับลงต่อ โดยมีแนวรับ 1,305-1,300 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,355-1,360 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์