บล.โกลเบล็ก เผยดัชนีตลาดหุ้นไทยรับปัจจัยบวกราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น มองความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้กระทบต่อความมั่นใจในการลงทุนแค่ช่วงสั้น ให้กรอบดัชนี 1,525-1,555 จุด แนะลงทุนหุ้นปันผลครึ่งปีแรกมีผลประกอบการโดดเด่น ส่วนราคาทองคำยังผันผวน หลังตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด โดยมีแนวรับ 1,315-1,310 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,365-1,370 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยสะท้อนปัจจัยบวกราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หลังรัสเซียเตรียมหารือกับซาอุฯ และประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ เกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน และกลุ่มโอเปก จะจัดประชุม 26-28 ก.ย. เพื่อรักษาสมดุลของราคาน้ำมันดิบส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างชาติมีการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 เดือน (ก.ค.-ส.ค.) มูลค่า 6.9 หมื่นล้านบาท แม้จะขายสุทธิสลับออกมาบ้าง
ส่วนปัจจัยส่งผลเชิงลบต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยนั้น ยังคงต้องจับตาเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ในชุมชน และแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต กระทบต่อความมั่นใจในการลงทุน ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทยแนะจับตา NPL แบงก์รัฐใกล้ชิด โดยหนี้เสียอยู่ที่ 5.9% ของสินเชื่อรวม ส่วนสินเชื่อโตแค่ 4.4% และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งอาจส่งผลให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ สอดคล้องกับความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์ก และแอตแลนตา ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตารายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18 ส.ค. ที่จะรายงานผลการประชุมเมื่อวันที่ 26-27 ก.ค.ที่ผ่านมา และวันที่ 26 ส.ค. จะมีการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่ง นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด จะขึ้นกล่าวในการประชุมครั้งนี้ โดยอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้ปัจจัยหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติ และ GDP ไตรมาส 2/2559 ของไทยที่ออกมาดีกว่าคาด แต่ความกังวลต่อเหตุการณ์ระเบิดในหลายพื้นที่ภาคใต้ ความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า ทำให้เกิดมีแรงขายระยะสั้นออกมา รวมถึงภาวะ Overbought ทางเทคนิคจะเป็นตัวกดดันให้ดัชนีมีความผันผวนง่าย
“ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,525-1,555 จุด โดยแนะนำซื้อเก็งกำไรแบบหุ้นรายตัว ได้แก่ พลังงานรับอานิสงส์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และกลุ่มปันผลครึ่งปีโดดเด่น ได้แก่ INTUCH, ADVANC, TCAP และ KKP”
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยที่เข้ามากระทบได้แก่รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ ที่ขยายตัวเพียง 1.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.6% รวมถึงรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือน ก.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน มิ.ย. จากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับลดลงผิดคาดในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน และลดลงมากที่สุดนับแต่เดือน ก.ย.58 ประกอบกับตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯ ที่ทรงตัวในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ได้ลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัจจัยในการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ เป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ
อย่างไรก็ตาม การที่ นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ได้ออกมาเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ได้เพิ่มความกังวลต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งจะกลับมาสร้างแรงกดดันต่อทองคำ
ทั้งนี้ ประเมินแนวโน้มราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงพักตัวจากแรงกดดันสัญญาณ Dead Cross รวมถึงแนวพักตัวที่อยู่ในช่วงแขนของรูปแบบ Bearish Flag ระยะสั้น ทำให้ราคายังมีแรงกดดันการปรับตัวลงรอบใหม่ โดยมีแนวรับ 1,315-1,310 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,365-1,370 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์