บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยจับตาการประชุม BOJ พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 ส.ค. ให้กรอบแนวต้าน 1,485-1,520 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นกลุ่มถ่านหินจากราคาถ่านหินทำ High ในรอบ 2 ปี ชู BANPU-LANNA ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มพักตัว จากแรงกดดันของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ให้แนวรับ 1,290-1,285 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ แนวต้าน 1,340-1,345 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยสะท้อนปัจจัยบวกจากคาดการประชุม FOMC ธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.5% รวมถึงในวันที่ 29 ก.ค. การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งคาดว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินอย่างน้อย 20 ล้านล้านเยน (1.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) และการที่นักลงทุนต่างชาติมีการซื้อสุทธิต่อเนื่อง 10 วัน มูลค่ารวมกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท ส่วนปัจจัยบวกในประเทศ เป็นเรื่องที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ เพื่อเร่งผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม-สีแดงอ่อน โครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ส่วนต่อขยาย รถไฟทางคู่ มาตรการฟื้นฟู SMEs
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเปิดเผยผลการทำ Stress Test ภาคธนาคารในวันที่ 29 ก.ค. โดยคาดว่า ธนาคารบางแห่งในอิตาลีจะถูกระบุว่า อยู่ในภาวะขาดแคลนเงินทุน และราคาน้ำมันปรับตัวลงล่าสุด 43 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากความกังวล Oversupply รวมถึง Demand ที่ขยายตัวต่ำกว่าปีก่อน
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตา การประกาศงบไตรมาส 2/2559 ของบริษัทจดทะเบียนภายในวันที่ 15 ส.ค. วันที่ 29 ก.ค. การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และจีนจะเปิดเผย GDP ไตรมาส 2/2559 และวันที่ 7 ส.ค. การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ แม้ว่าจะมี Sentiment เชิงบวกจากคาดการณ์ BOJ จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงนักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่ยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงแรง รวมถึงภาวะ Overbought ทางเทคนิคจะกดดันให้ทิศทางดัชนีผันผวนสูง
ดังนั้น ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,485-1,520 จุด โดยแนะนำซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มถ่านหิน เนื่องจากราคาถ่านหินทำ High ในรอบ 2 ปี ล่าสุด อยู่ที่ 64.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สะสมหุ้นกลุ่มปันผลครึ่งปีเด่นที่จะประกาศจ่ายหลังประกาศงบการเงิน ได้แก่ INTUCH, ADVANC, KKP, TCAP และ SPALI และหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตขึ้น ได้แก่ PTG, SYNTEC, COM7, BCP, KCE, SGP, TFG และ ACAP
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำอยู่ในช่วงพักตัวลง โดยมีแรงกดดันหลักจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากการที่สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสจากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.9 ในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2558 ประกอบกับการคาดการณ์ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงการประชุมวันที่ 28-29 ก.ค.นี้ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อหุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยงแทน
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้าง หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากแรงกดดันราคาน้ำมันที่ปรับลงแรง จากความกังวลภาวะอุปทานที่ล้นตลาด ซึ่งทำให้มีเงินบางส่วนไหลมาลงทุนในทองคำ
ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิคว่า ราคาฟื้นตัวไม่ผ่านแนวต้านสัญญาณ Dead Cross ประกอบกับแนวลงรูปแบบ V-shape ที่กดดันอยู่ รวมถึงค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นลบ จะสร้างแรงกดดันให้ราคามีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ โดยมีแนวรับ 1,290-1,285 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,340-1,345 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์