xs
xsm
sm
md
lg

องคมนตรีห่วงปัญหาโกงกิน แนะเร่งปลูกฝัง"หิริ โอตัปปะ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (29 ก.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. มอบหมายให้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง "สถาบันพระมหากษัตริย์กับความมั่นคงของชาติ" จัดโดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มี นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ นายกสมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ร่วมอภิปราย โดยมีเจ้าหน้าที่ ขรก.จากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วม
นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับความมั่นคงของประเทศ" ตอนหนึ่งว่า แนวทางดูแลบ้านเมืองตลอด 70 ปีการครองราชย์ของพระองค์ท่าน พระราชกรณียกิจมีรูปแบบที่น่าติดตาม และอยากฝากผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองศึกษาดู ด้วยวิกฤตการณ์ผันแปรเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ยากที่จะหลีกเลี่ยง ต้องระวัง ประคับประคองตัวเอง เตือนสติตัวเองว่า บ้านเมืองเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด วันนี้เราเจอวิกฤติ กับการเปลี่ยนแปลงที่อาจวิกฤตกว่าสมัยก่อน หากใช้วิธีคิด วิธีการทำงานอย่างเดิม อาจรับมือไม่ได้
มีคนมองโลกในแง่ร้ายว่า อีก 100 ปีข้างหน้า จะมีเรื่องของความสุดโต่ง ทั้งทางธรรมชาติ ที่จะสร้างความเสียหายมาก เศรษกิจที่มีภาวะตกต่ำไปทั่วโลก สุดโต่งทางการเมืองในเรื่องของความคิด รบราฆ่าฟันกัน วางระเบิดกัน และสุดโต่งด้านสังคม เกิดวิกฤตคุณธรรม นักคิดตะวันตก เตือนให้ระวังกระแสโลกาภิวัฒน์พัดแรงขึ้น วิถีชีวิต การทำธุรกรรม ธุรกิจ ถูกดิจิทัลทำให้การเปลี่ยนแปลง ต้องปรับตัวโดยเฉพาะคนจน โดยรัฐบาลไทยปรับเร็วมาก เพราตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแล้ว ซึ่งการทำธุรกรรมจะตัดพ่อค้าคนกลางไปเยอะ ตู้เอทีเอ็ม อาจไม่มีแล้ว และสุดท้ายต้องระวังว่า คนบางกลุ่ม บางความคิด จะไม่ใช้การพูดคุยแบบเพื่อนๆ เขาจะใช้ความรุนแรงเพื่อตัดสินปัญหา
"สมัยรัชกาลที่ 5 เรียกว่าเป็นการปฏิรูปที่แท้จริง จนถึงยุคปัจจุบัน ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด หากย้อนกลับไปบรรพบุรุษเรา มีอัธยาศัยอ่อนโยน มีมนุษยธรรม ผู้เยาว์เคารพบิดามารดา บ้านเมืองสะอาด คนไทยสุภาพ ร่าเริง ยึดมั่นในพระพุทธศาสนา เหตุที่นำมาเตือนพวกเรา เราอาจต้องถามตัวเองว่า แล้ววันนี้ คุณลักษณะ ใจคอชาวสยาม ได้ถ่ายทอดมาคนรุ่นเรา หรือลูกหลานหรือไม่ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ ช่วงรัชกาลที่ 5 ท่านทรงห่วง มีการตั้งโรงเรียน เอาเด็กออกจากวัด เลยห่างจากวัด ท่านรับสั่งวิตกว่า เด็กชั้นหลังจะห่างเหินจากศาสนา กลายเป็นคนไม่มีธรรมะในใจ ซึ่งหากคนไม่มีธรรมะเป็นเครื่องดำเนินตาม ก็คงจะหันไปทางทุจริตได้มากขึ้น ถ้ารู้น้อย โกงไม่ค่อยคล่อง หรือโกงไม่สนิท แต่ถ้ารู้มาก ก็โกงมากขึ้น โกงพิสดารมากขึ้น มาถึงวันนี้สะท้อนใจไม่ได้ ถ้าเราจะการจัดการศึกษาไว้ในหมวดหมู่คุณธรรมด้วย พูดถึงธรรมะด้วย บ้านเมืองน่าจะสงบกว่านี้แน่"
นพ.เกษม กล่าวว่า เมื่อปี 56 มีงานวิจัยพูดถึงพฤติกรรมคอร์รัปชันโดยเฉพาะผู้ใหญ่ พบว่าไปเลี้ยงดูกรรมการจัดซื้อ จัดจ้าง ลัดคิว ให้สินบนเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ทุจริตสอบเลื่อนตำแหน่ง เมื่อไม่กี่ปีมานี้ พฤติกรรม คอร์รัปชันมันลามไปทั่ว ถ้าเป็นปลวกกินบ้าน คงกินทั้งหลังไปแล้ว คนที่อยู่ในบ้านต้องระวัง บ้านจะล้มโครมลงไปง่ายๆ คิดว่าไม่ใช่ปัญหาใหม่ เป็นปัญหาที่รัชกาลที่ 5 ทรงเป็นห่วงมา 100 กว่าปีก่อน ในระบบบริโภคนิยม วัตถุนิยม เป็นปัญหาเร่งด่วน จากที่มีการมองปัญหามาในช่วงปี 55-56 ปัญหาฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่ถึงวันนี้เราก็ยังพูดกัน เป็นปัญหาหลักของรัฐบาลที่พยายามแก้ไข ส่วนปัญหากระบวนการยุติธรรม ถ้าบ้านเมืองใด กระบวนการยุติธรรม ทำอย่างตรงไปตรงมา และเที่ยงธรรม เป็นที่พึ่งของคนทุกชั้น คนมันจะโกงน้อยลง มีคนถามว่า "หิริ โอตัปปะ" จะฝึกกันอย่างไร "หิริ" คือความอายต่อบาป ต้องอาศัยพ่อแม่ ครู อาจารย์ ช่วยสั่งสอนอะไรดี อะไรชั่ว แต่ "โอตัปปะ" ไม่สำเร็จถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่เที่ยงธรรม สังคมจะไม่เกิด "โอตัปปะ" คือ กลัวที่จะทำผิด ทำชั่ว ถ้าปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมได้ สังคมจะสงบสุขขึ้นอีกเยอะ นพ.เกษม กล่าวต่อว่า ยังจำกันได้หรือไม่ปี 55-56 บ้านเมืองเราทะเลาะเบาะแว้งกัน แบ่งพรรค แบ่งสี แบ่งพวก เผาบ้านเผาเมือง ดังนั้นต้องสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้น ตนฝันว่าคนไทยเป็นคนดี ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ มีน้ำใจ ถ้าทำได้แบบนี้อีก 10 ปี ทำโพลใหม่ การคอร์รัปชัน ไม่มีแล้ว
"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเฝ้ามองบ้านเมืองมาตลอด 70 ปี ในฐานะเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงดูแลราษฎรทุกหมู่เหล่า สิ่งหนึ่งที่เป็นคุณูปการอีกมหาศาลให้กับบ้านเมือง คือ ทรงสอนให้พวกเราเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลง เตือนสติ และ มีหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว เพื่อความยั่งยืน ดังนั้นขอให้พวกเราสร้างคนดีให้กับบ้านเมือง และให้ถือเป็นหน้าที่ ให้ข้าราชการถือเป็นหน้าที่สร้างคนดีประเทศไทยจะเข้มแข็ง จะเดินไปได้ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีได้อย่างไม่ยาก ด้วยความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน" นพ.เกษม กล่าว
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีบุคคลที่เกี่ยวข้องทางการเมือง ว่าจ้างให้ทำข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับสถาบันฯ เพราะเงินทองไม่เข้าใครออกใคร ส่วนที่บางคนพยายามยก มาตรา 112 มาโจมตีทางการเมืองนั้น ไม่อยากให้ยกมาพูดกันมากเพราะไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาพูดผ่านสื่อบ่อยๆ และมองว่าสีเสื้อมีไว้สำหรับแข่งกีฬา ไม่มีประเทศใด นำสีเสื้อมาแบ่งแยกผู้คนในชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น