กรุงเทพฯ ได้คว้าอันดับหนึ่งของเมืองที่มีผู้เดินทางมาเยือนมากที่สุดในโลก หลังจากอยู่ในอันดับ 2 มา 2 ปีติดต่อกัน ปีที่ผ่านมากรุงเทพฯ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมา 21.47 ล้านคน มากกว่ากรุงลอนดอนแชมป์เมื่อปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือน 19.88 ล้านคน
อันดับ 3 คือกรุงปารีส มีจำนวนนักท่องเที่ยว 18.03 ล้านคน มีคำอธิบายว่าจุดเด่นของกรุงเทพฯ คือ ตำแหน่งที่ตั้ง ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว สินค้า อาหาร วัฒนธรรม ความบันเทิง และการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย ที่พักอาศัยราคาไม่แพง ฯลฯ
คงจะจริง เพราะกรุงเทพฯ รับนักท่องเที่ยวจากจีนก็เยอะ และยุโรปโดยรวม โดยเฉพาะปารีสเผชิญปัญหาการก่อการร้ายอย่างรุนแรง ทั้งยังลามไปเบลเยียม เยอรมนี อังกฤษยังโดนหางเลขอีกด้วย ปัญหาผู้ลี้ภัยทำให้ความน่าเที่ยวของยุโรปลดน้อยลง
กรุงเทพฯ และประเทศไทยโดยรวมเป็นแหล่งน่าเที่ยว มีเสน่ห์มากถึงขนาดที่คนมาเยือนแล้วไม่อยากกลับ แอบหลบอยู่ทำมาหากินด้วยการเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่อวีซ่าทุกระยะ 3-6 เดือน อยู่ได้เป็นปีๆ ไม่มีใครสนใจจับกุม อย่าให้มีคดีอาญาเท่านั้น
เรายินดีกับคำว่า “นักท่องเที่ยว” โดยไม่แยกแยะ “นักท่องเที่ยว” กับ “ผู้มาเยือน” เป็นนักธุรกิจ หรือพวกเจตนาเข้ามาอยู่ยาวนาน ทำมาหากินร่วมกับเครือข่ายที่อาศัยสร้างชุมชนเฉพาะในพื้นที่ต่างๆ มีทั้งทำงานโดยสุจริต พวกอาชญากร ผู้ร้ายหนีคดีข้ามชาติ
มีใครเคยตรวจสอบบ้างหรือไม่ว่า “นักท่องเที่ยว” จากชมพูทวีป และจีน รวมทั้งประเทศแถบตะวันออกไกลเข้ามากี่คนและกลับออกไปกี่คน ทั้งยังมีกลุ่มชาวผิวดำแอฟริกันชาวอาหรับ เดินขวักไขว่อยู่ตามชุมชนออกมาซื้อของตามร้านซูเปอร์มาร์เก็ตยามค่ำคืน
พวกนี้อาศัยสิทธิอะไรอยู่ในสยามเมืองยิ้ม ดินแดนของม้าอารี เปิดทางให้คนทุกชาติเข้ามาสิงสู่อาศัย เข้ามาประกอบอาชญากรรมก็ไม่น้อย แต่ละวันผ่านไปแทบไม่มีวันไหนปลอดจากข่าวอาชญากรรมโดยคนต่างชาติ มีพฤติกรรมร้ายจากหลายประเทศ
อาชญากรเชี่ยวชาญด้านโจรกรรมมาจากทุกชาติทุกภาษา หอบเงินร้อนๆ มาซ่องสุมหลบภัย หนีหมายจับจากประเทศบ้านเกิด หลายรายอยู่รอดมาได้กว่า 10 ปี หรือนานกว่านั้น ไม่นานมานี้มีชาวอิหร่านมาปักหลักอยู่ในไทยตั้งแต่รุ่นพ่อ ขายหนังสือเดินทางปลอม
วันก่อนมีแก๊งทำหนังสือเดินทางปลอมชาวอเมริกัน ยิงตำรวจเข้าไปจับกุมบาดเจ็บ ในที่อาศัยมีศพพวกเดียวกันถูกหั่นแช่แข็งอยู่ในตู้แช่ มีแก๊งนรก “เฮลส์ แองเจิลส์” จากออสเตรเลียรุมยำตีนพ่อค้าชาวไทยที่พัทยา ถูกจับได้เสียเงินค่าทำขวัญ 150,000 บาท
อาชญากรมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากจีน ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี แก๊งปลอมหนังสือเดินทาง บัตรเครดิตจากปากีสถาน มาเลเซีย แก๊งยกเค้าตามบ้านหรูมาจากโคลอมเบียและละตินอเมริกา แก๊งแขกขาวฉกเพชรตามงานโชว์เครื่องประดับ มีสารพัดประเภท
วงการตำรวจเคยสำรวจมีข้อมูลว่าในประเทศไทยมีแก๊งมาเฟียต่างชาติขนาดใหญ่อย่างน้อย 5 กลุ่ม เช่น ยากูซ่า ไตรแอดจากจีน แขกขาว เยอรมนี รัสเซีย และยังมีแก๊งย่อยอีกมากมาย พวกนี้ไม่สร้างปัญหาให้คนท้องถิ่น เกรงว่าจะโดนเจ้าหน้าที่ทลายอยู่ไม่ได้
เป็นอย่างนี้มานาน นอกเหนือแรงงานต่างด้าวจากเพื่อนบ้าน ระยะหลังมีกลุ่มชาวเนปาลแห่กันเข้ามาทำงานในร้านขายรองเท้า ชาวชมพูทวีปมีทั้งนักปล่อยเงินกู้ ขายสินค้าผ่อนส่ง ระดับมั่งคั่งคือเจ้าของกิจการเมืองท่องเที่ยวในภูเก็ต พัทยา และเมืองอื่นๆ
ยังมีชาวต่างชาติตามความนิยม “เขยฝรั่ง” ในหลายจังหวัดของภาคอีสาน แนวโน้มมีเพิ่ม ตราบใดที่ยังไม่มีมาตรการต้องห้าม หรือความนิยมถดถอย มีปัญหาแทรกซ้อน! ทำให้เกิดคำถามว่า สภาพแบบนี้มีที่ไหนในกลุ่มประเทศอาเซียน หรือประเทศไหนในโลก!!
มีแผ่นดินไหนในโลกเปิดอ้ารับชาวต่างชาติเข้ามาอยู่กินสบายๆ ไม่มีใครกวดขัน แม้กระทั่งขอทานจากเพื่อนบ้านยังเข้ามาสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ คนไทยยังต้องอาย มีประเทศไหนที่คนไทยเข้าไปอยู่อย่างสบายๆ ไปเมื่อไหร่ก็ได้ อยู่นานเท่าไหร่ก็ได้
แม้แต่เพื่อนบ้านในอาเซียน ถ้าคนไทยไปอยู่เกินก็ถูกจับดำเนินคดีก่อนส่งตัวกลับ! นี่ไม่ใช่เพียงแค่ “สยามเมืองยิ้ม” แต่เป็น “หมูสยาม” หรือ “เซียมล่อตือ” อย่างที่ร่ำลือกัน เป็นดินแดนเสรี มีคนทุกประเภท ถ้าจะยังไม่มีคงเป็น “ชาวเอสกิโม” หรือพวกย่อหัวมนุษย์
เราอ้าแขนรับ “นักท่องเที่ยว” และ “ผู้มาเยือน” โดยไม่ลืมหูลืมตาดูว่าคนเข้าเมืองมีปัญหาอย่างไรหรือไม่ ยิ่งก่อนหน้านี้มีผู้ก่อการร้ายจากทุกแหล่ง เมื่อพักรบก็เดินทางเข้ามาพักผ่อนหาความสุขจากเซ็กซ์ อาหารการกิน ความบันเทิง ไม่ก่อเรื่อง สบายตัวแล้วก็ไป
เราอยู่เกินสภาพความเป็นเออีซีแล้ว กรุงเทพฯ เป็นเมืองนานาชาติยิ่งกว่าทุกประเทศ! ในกลุ่มอาเซียน เรามีความหลากหลายของผู้คนมากกว่าใคร เรารับเพื่อนบ้านอาเซียนเข้ามาอยู่มากมาย แต่จำนวนคนไทยไปอยู่ในประเทศอาเซียนน้อยกว่าเยอะ
ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง อยู่สบายจริงๆ นายเหลี่ยมมีเงินหลายแสนล้าน มีถิ่นที่พำนักทั่วโลกยังอยากมาอยู่เมืองไทย นอกจากเป็นแหล่งทำให้โกยสมบัติได้มหาศาลแล้ว ยังเปิดช่องให้สร้างฐานะด้วยธุรกิจผูกขาด อำนาจการเมือง เครือข่าย ได้อย่างง่ายดาย
ความอ่อนแอของกลไกกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทำให้ประเทศไทยเป็นเสมือนสภาวะไร้ขื่อแป ใครอยากทำอะไรก็ได้ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐพร้อมรับเงินพิเศษแลกกับการไม่ใส่ใจต่อพฤติกรรมนอกกฎหมาย จนทำให้โครงสร้างเสื่อมโทรม เพียงแต่ไม่เป็นรัฐล้มเหลว
ไม่มีใครรู้ตัวเลขคนต่างชาติแอบทำงาน อยู่เกินกำหนดเวลา คุณท่านจะต้องกำชับเจ้าหน้าที่ให้จัดการจริงจัง มีการถือครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ผิดกฎหมาย ถ้ายังละเลย คนไทยจะอยู่ในสภาพคนด้อยสิทธิ กลายเป็นพลเมืองชั้น 2 ในบ้านเกิดของตนเอง
อันดับ 3 คือกรุงปารีส มีจำนวนนักท่องเที่ยว 18.03 ล้านคน มีคำอธิบายว่าจุดเด่นของกรุงเทพฯ คือ ตำแหน่งที่ตั้ง ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว สินค้า อาหาร วัฒนธรรม ความบันเทิง และการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย ที่พักอาศัยราคาไม่แพง ฯลฯ
คงจะจริง เพราะกรุงเทพฯ รับนักท่องเที่ยวจากจีนก็เยอะ และยุโรปโดยรวม โดยเฉพาะปารีสเผชิญปัญหาการก่อการร้ายอย่างรุนแรง ทั้งยังลามไปเบลเยียม เยอรมนี อังกฤษยังโดนหางเลขอีกด้วย ปัญหาผู้ลี้ภัยทำให้ความน่าเที่ยวของยุโรปลดน้อยลง
กรุงเทพฯ และประเทศไทยโดยรวมเป็นแหล่งน่าเที่ยว มีเสน่ห์มากถึงขนาดที่คนมาเยือนแล้วไม่อยากกลับ แอบหลบอยู่ทำมาหากินด้วยการเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่อวีซ่าทุกระยะ 3-6 เดือน อยู่ได้เป็นปีๆ ไม่มีใครสนใจจับกุม อย่าให้มีคดีอาญาเท่านั้น
เรายินดีกับคำว่า “นักท่องเที่ยว” โดยไม่แยกแยะ “นักท่องเที่ยว” กับ “ผู้มาเยือน” เป็นนักธุรกิจ หรือพวกเจตนาเข้ามาอยู่ยาวนาน ทำมาหากินร่วมกับเครือข่ายที่อาศัยสร้างชุมชนเฉพาะในพื้นที่ต่างๆ มีทั้งทำงานโดยสุจริต พวกอาชญากร ผู้ร้ายหนีคดีข้ามชาติ
มีใครเคยตรวจสอบบ้างหรือไม่ว่า “นักท่องเที่ยว” จากชมพูทวีป และจีน รวมทั้งประเทศแถบตะวันออกไกลเข้ามากี่คนและกลับออกไปกี่คน ทั้งยังมีกลุ่มชาวผิวดำแอฟริกันชาวอาหรับ เดินขวักไขว่อยู่ตามชุมชนออกมาซื้อของตามร้านซูเปอร์มาร์เก็ตยามค่ำคืน
พวกนี้อาศัยสิทธิอะไรอยู่ในสยามเมืองยิ้ม ดินแดนของม้าอารี เปิดทางให้คนทุกชาติเข้ามาสิงสู่อาศัย เข้ามาประกอบอาชญากรรมก็ไม่น้อย แต่ละวันผ่านไปแทบไม่มีวันไหนปลอดจากข่าวอาชญากรรมโดยคนต่างชาติ มีพฤติกรรมร้ายจากหลายประเทศ
อาชญากรเชี่ยวชาญด้านโจรกรรมมาจากทุกชาติทุกภาษา หอบเงินร้อนๆ มาซ่องสุมหลบภัย หนีหมายจับจากประเทศบ้านเกิด หลายรายอยู่รอดมาได้กว่า 10 ปี หรือนานกว่านั้น ไม่นานมานี้มีชาวอิหร่านมาปักหลักอยู่ในไทยตั้งแต่รุ่นพ่อ ขายหนังสือเดินทางปลอม
วันก่อนมีแก๊งทำหนังสือเดินทางปลอมชาวอเมริกัน ยิงตำรวจเข้าไปจับกุมบาดเจ็บ ในที่อาศัยมีศพพวกเดียวกันถูกหั่นแช่แข็งอยู่ในตู้แช่ มีแก๊งนรก “เฮลส์ แองเจิลส์” จากออสเตรเลียรุมยำตีนพ่อค้าชาวไทยที่พัทยา ถูกจับได้เสียเงินค่าทำขวัญ 150,000 บาท
อาชญากรมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากจีน ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี แก๊งปลอมหนังสือเดินทาง บัตรเครดิตจากปากีสถาน มาเลเซีย แก๊งยกเค้าตามบ้านหรูมาจากโคลอมเบียและละตินอเมริกา แก๊งแขกขาวฉกเพชรตามงานโชว์เครื่องประดับ มีสารพัดประเภท
วงการตำรวจเคยสำรวจมีข้อมูลว่าในประเทศไทยมีแก๊งมาเฟียต่างชาติขนาดใหญ่อย่างน้อย 5 กลุ่ม เช่น ยากูซ่า ไตรแอดจากจีน แขกขาว เยอรมนี รัสเซีย และยังมีแก๊งย่อยอีกมากมาย พวกนี้ไม่สร้างปัญหาให้คนท้องถิ่น เกรงว่าจะโดนเจ้าหน้าที่ทลายอยู่ไม่ได้
เป็นอย่างนี้มานาน นอกเหนือแรงงานต่างด้าวจากเพื่อนบ้าน ระยะหลังมีกลุ่มชาวเนปาลแห่กันเข้ามาทำงานในร้านขายรองเท้า ชาวชมพูทวีปมีทั้งนักปล่อยเงินกู้ ขายสินค้าผ่อนส่ง ระดับมั่งคั่งคือเจ้าของกิจการเมืองท่องเที่ยวในภูเก็ต พัทยา และเมืองอื่นๆ
ยังมีชาวต่างชาติตามความนิยม “เขยฝรั่ง” ในหลายจังหวัดของภาคอีสาน แนวโน้มมีเพิ่ม ตราบใดที่ยังไม่มีมาตรการต้องห้าม หรือความนิยมถดถอย มีปัญหาแทรกซ้อน! ทำให้เกิดคำถามว่า สภาพแบบนี้มีที่ไหนในกลุ่มประเทศอาเซียน หรือประเทศไหนในโลก!!
มีแผ่นดินไหนในโลกเปิดอ้ารับชาวต่างชาติเข้ามาอยู่กินสบายๆ ไม่มีใครกวดขัน แม้กระทั่งขอทานจากเพื่อนบ้านยังเข้ามาสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ คนไทยยังต้องอาย มีประเทศไหนที่คนไทยเข้าไปอยู่อย่างสบายๆ ไปเมื่อไหร่ก็ได้ อยู่นานเท่าไหร่ก็ได้
แม้แต่เพื่อนบ้านในอาเซียน ถ้าคนไทยไปอยู่เกินก็ถูกจับดำเนินคดีก่อนส่งตัวกลับ! นี่ไม่ใช่เพียงแค่ “สยามเมืองยิ้ม” แต่เป็น “หมูสยาม” หรือ “เซียมล่อตือ” อย่างที่ร่ำลือกัน เป็นดินแดนเสรี มีคนทุกประเภท ถ้าจะยังไม่มีคงเป็น “ชาวเอสกิโม” หรือพวกย่อหัวมนุษย์
เราอ้าแขนรับ “นักท่องเที่ยว” และ “ผู้มาเยือน” โดยไม่ลืมหูลืมตาดูว่าคนเข้าเมืองมีปัญหาอย่างไรหรือไม่ ยิ่งก่อนหน้านี้มีผู้ก่อการร้ายจากทุกแหล่ง เมื่อพักรบก็เดินทางเข้ามาพักผ่อนหาความสุขจากเซ็กซ์ อาหารการกิน ความบันเทิง ไม่ก่อเรื่อง สบายตัวแล้วก็ไป
เราอยู่เกินสภาพความเป็นเออีซีแล้ว กรุงเทพฯ เป็นเมืองนานาชาติยิ่งกว่าทุกประเทศ! ในกลุ่มอาเซียน เรามีความหลากหลายของผู้คนมากกว่าใคร เรารับเพื่อนบ้านอาเซียนเข้ามาอยู่มากมาย แต่จำนวนคนไทยไปอยู่ในประเทศอาเซียนน้อยกว่าเยอะ
ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง อยู่สบายจริงๆ นายเหลี่ยมมีเงินหลายแสนล้าน มีถิ่นที่พำนักทั่วโลกยังอยากมาอยู่เมืองไทย นอกจากเป็นแหล่งทำให้โกยสมบัติได้มหาศาลแล้ว ยังเปิดช่องให้สร้างฐานะด้วยธุรกิจผูกขาด อำนาจการเมือง เครือข่าย ได้อย่างง่ายดาย
ความอ่อนแอของกลไกกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทำให้ประเทศไทยเป็นเสมือนสภาวะไร้ขื่อแป ใครอยากทำอะไรก็ได้ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐพร้อมรับเงินพิเศษแลกกับการไม่ใส่ใจต่อพฤติกรรมนอกกฎหมาย จนทำให้โครงสร้างเสื่อมโทรม เพียงแต่ไม่เป็นรัฐล้มเหลว
ไม่มีใครรู้ตัวเลขคนต่างชาติแอบทำงาน อยู่เกินกำหนดเวลา คุณท่านจะต้องกำชับเจ้าหน้าที่ให้จัดการจริงจัง มีการถือครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ผิดกฎหมาย ถ้ายังละเลย คนไทยจะอยู่ในสภาพคนด้อยสิทธิ กลายเป็นพลเมืองชั้น 2 ในบ้านเกิดของตนเอง
