**โรคผวากลายเป็นอุปทานหมู่ในพรรคเพื่อไทยไปแล้ว หลังเพื่อนพ้องน้องพี่ในองคาพยพทยอยกันโดนสอยทีละรายสองราย โดยเฉพาะคนที่มีชนักปักหลังช่วงนี้เสียวไส้เป็นพิเศษ ว่าคดีตัวเองจะถูกรื้อขึ้นมาเหมือนคนอื่นๆ หรือไม่ ก็ขนาดคดีเก่าคร่ำครึ กรณีวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กับพวกรวม 40 คน เสนอ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ที่มี บวร ยสินธร ยื่นร้องเอาไว้ตั้งแต่ปี 2556 ป.ป.ช.ยังเพิ่งมาตั้งอนุกรรมการไต่สวนกันในปี 2559 หรือกรณีที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยยื่นเอาผิด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากประเด็นบริหารจัดการน้ำผิดพลาด จนทำให้น้ำท่วงกรุง ป.ป.ช.ก็เพิ่งมาตั้งอนุกรรมการไต่สวนช่วงไล่เลี่ยกับของวรชัย
มันก็เป็นเรื่องอะไรที่พรรคเพื่อไทย จะอดคลางแคลงใจไม่ได้ถึงความผิดปกติดังกล่าว เพราะจังหวะเวลามันชวนให้เชื่อว่า นี่คือการไล่ล่าคนในระบอบทักษิณอย่างแท้จริง ยิ่งดูชะตากรรมของเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น ประชา ประสพดี อดีต รมช. มหาดไทย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา อุดมเดช รัตนเสถียร อดีตประธานวิปรัฐบาล นริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ที่โดนกระซวกไส้กันติดๆ ยิ่งตอกย้ำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้
หรือแม้แต่คดีโบราณที่ผ่านมาร่วมสิบปี กรณีทุจริตบ้านเอื้ออาทร ที่อยู่ๆป.ป.ช.เตรียมง้างดาบจะเชือดคอ“เสี่ยไก่”วัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งที่ก่อนหน้าไม่มีวี่แวว เงียบเป็นเป่าสาก แต่รู้ตัวอีกทีหัวก็ขึ้นไปพาดบนเขียงซะแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีคดีอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือองค์กรอิสระอีกมากที่กำลังเกิดปรากฏการณ์ “กรรมสนองโกง”อย่างในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็ต้องลุ้นชะตาชีวิตตัวเอง หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นขอถอนประกันตัวต่อศาลเอาไว้ ที่จากเดิม มีกำหนดในเดือนมกราคม 2560 แต่จับผลัดจับผลู มีเร็วกว่ากำหนด
เรียกได้ว่าใครมีคดีในพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะอยู่ในกระบวนการยุติธรรมตรงไหน ต่างพร้อมใจกันมีความคืบหน้าแทบทั้งสิ้น แน่นอนมีการมองกันว่า นี่เป็นการสถานการณ์ที่สอดคล้องกับประกาศิตของ“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เคยพูดเอาไว้ว่า คดีต่างๆ ในกระบวนการยุติธรรมกำลังทยอยออกมา ให้ระวังตัวกันไว้ สำหรับพวกที่ชอบก่อกวนปั่นป่วน
แต่ถ้าแหงนหน้าดูไทมิ่งปัจจุบัน มันไม่น่าจะใช่การไล่เที่ยวเช็กบิลฝ่ายตรงข้ามของ คสช. แต่น่าจะเป็นบันไดอีกขั้นที่ คสช.จำเป็นต้องทำเพื่อถางทางให้เตียนก่อนจะมีการเลือกตั้ง เพราะถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่มีใครตะบัดสัตย์เลื่อนโรดแมป การเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นในปลายปี 2560 และจะมีรัฐบาลใหม่ในต้นปี 2561 นับดูก็เหลือแค่ 1 ปีเศษๆ เท่านั้น ถ้าต้องการจัดระเบียบช่วงนี้ ก็ควรต้องเริ่มคิกออฟ เพื่อให้การตัดสินมันยังอยู่ในสมัยของ คสช.
บางคดีที่อยู่ในศาลแล้วไม่มีปัญหา แต่บางคดีที่ยังคั่งค้างอยู่ในกระบวนการยุติธรรมข้างต้น ทั้งตำรวจ ป.ป.ช. ดีเอสไอ เหล่านี้เห็นได้ชัดเจนว่ามีการขยับกันอย่างมีนัยสำคัญ เพราะถ้าไม่เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ ปล่อยให้ถึงเลือกตั้ง มันอาจจะคอนโทรลกันไม่ได้ อย่างน้อยๆ ก็ดันคดีให้ไปอยู่ในชั้นศาลก่อนเพื่อความชัวร์
สังเกตการดำเนินการอะไรต่างๆ ของคสช. ในครั้งนี้ เป็นการถอดบทเรียนมาจากความผิดพลาดของการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทั้งสิ้น ตั้งแต่การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ การกดสถานการณ์ไม่รีบปล่อยอำนาจ การดำเนินคดีกับฝ่ายการเมือง ตึงเป๊ะกว่าสมัย “บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เยอะ หรือจะเรียกว่า อะไรที่รุ่นพี่พลาด ตัวเองจะไม่ทำตาม
เช่นกันกับเรื่องนักการเมือง ยุค “บิ๊กบัง”มีการยุบพรรคไทยรักไทย มีการตั้งพรรคเพื่อแผ่นดินขึ้นมาเพื่อรองรับส.ส.ที่แตกกระจายมาจากระบอบทักษิณ ตอนแรกทำท่าจะดูดี สุดท้ายอยู่ได้แป๊บเดียว แต่ละคนไหลกลับไปรวมกันเป็นพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย เหมือนเดิม
เมื่อรุ่นพี่พัง “บิ๊กตู่”ก็เลือกที่จะไม่เดินตาม ซึ่งดูจากวิธีการในครั้งนี้ เป็นไปอีกแบบหนึ่ง แล้วดูจะอำมหิตแบบเลือดเย็นมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะแทบจะเป็นการร่อนตะแกรงที่มี “ตาถี่”เอามากๆ ใครมีคดีนี่เก็บเอาไว้ในบัญชีหนังหมาหมด ไม่ปล่อยผ่าน ฟันได้ฟันทันที ต่างจากยุคไทยรักไทย ที่กวาดทั้งพรรคเพราะคิดว่าน่าจะจบ แต่ที่ไหนได้ กลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม ยุบพรรคกี่ครั้งก็ยังเหนียวแน่น
การทำให้กระสานซ่านเซ็นจึงไม่เวิร์ก แต่เปลี่ยนมาเล่นงานเฉพาะพวกที่มีคดีแทน อย่างน้อยก็อ้างได้ว่าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ปล่อยให้คนนินทาหมาดูถูก ว่าจงใจล้างบางพรรคเพื่อไทยแบบโต้งๆ ซึ่งจะว่าไป คนที่มีคดีของพรรคเพื่อไทยก็มีจำนวนไม่น้อย ถ้าร่อนตะแกรงตาถี่แบบนี้ ปิดเทอมยาวกันหลายคน กว่าจะถึงวันเลือกตั้งคงหายหน้าหายตาไปหลายคน พรรคเพื่อไทยคงยังอยู่ แต่คงไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนช่วงหลายปีที่ผ่านมา แน่ๆ พวกที่ถูกถอดถอนหมดสิทธิ์ไปแล้ว 5 ปีกว่าจะกลับมาได้ ถึงตอนนั้น คสช.คงดำเนินการตามแผนไปได้มากพอสมควร
ส่วนยิ่งลักษณ์ ที่ความวัวที่ยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก คดีเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ก็ใกล้จะมีคำสั่งออกมาเร็วๆ นี้ คดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ยังต้องเดินทางไปฟังทุกรอบ ล่าสุดโดน ป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการไต่สวนอีก กรณีบริหารจัดการน้ำผิดพลาด เมื่อปี 2554 งานนี้น่าสนใจกับการกลับมาไล่บี้ ยิ่งลักษณ์ ทั้งที่เฉพาะคดีจำนำข้าว ก็ถือว่าเธอสาหัสพอสมควรแล้ว
ดูๆไป ดูๆ มา มักชักจะคล้ายพี่ชายทักษิณ ชินวัตร เข้าไปทุกที เพราะตอนที่โดน ก็โดนหลายคดี หลายกระทง ขึ้นโรงขึ้นศาลกันไม่ไหว บางคดียังอยู่ในชั้นศาลฎีกาฯ อยู่เลย สุดท้ายเผ่นแนบออกไปก่อน เพราะอยู่ทนรับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้ไม่ไหว ยิ่งลักษณ์ก็เฉกเช่นกัน คงไม่หยุดแค่จำนำข้าว แต่มาอีกเรื่อยๆ เฉพาะที่ ป.ป.ช.มีเรื่องอยู่สิบกว่าคดี
**หรือนี่คือการบีบให้ยิ่งลักษณ์เก็บข้าวเก็บของออกนอกประเทศไปโดยเร็ว ไม่ต้องการให้อยู่อีกแล้ว เพื่อเกมของคสช. สามารถคอนโทรลได้ และง่ายกว่าการที่เธอยังอยู่!
มันก็เป็นเรื่องอะไรที่พรรคเพื่อไทย จะอดคลางแคลงใจไม่ได้ถึงความผิดปกติดังกล่าว เพราะจังหวะเวลามันชวนให้เชื่อว่า นี่คือการไล่ล่าคนในระบอบทักษิณอย่างแท้จริง ยิ่งดูชะตากรรมของเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น ประชา ประสพดี อดีต รมช. มหาดไทย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา อุดมเดช รัตนเสถียร อดีตประธานวิปรัฐบาล นริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ที่โดนกระซวกไส้กันติดๆ ยิ่งตอกย้ำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้
หรือแม้แต่คดีโบราณที่ผ่านมาร่วมสิบปี กรณีทุจริตบ้านเอื้ออาทร ที่อยู่ๆป.ป.ช.เตรียมง้างดาบจะเชือดคอ“เสี่ยไก่”วัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งที่ก่อนหน้าไม่มีวี่แวว เงียบเป็นเป่าสาก แต่รู้ตัวอีกทีหัวก็ขึ้นไปพาดบนเขียงซะแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีคดีอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือองค์กรอิสระอีกมากที่กำลังเกิดปรากฏการณ์ “กรรมสนองโกง”อย่างในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็ต้องลุ้นชะตาชีวิตตัวเอง หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นขอถอนประกันตัวต่อศาลเอาไว้ ที่จากเดิม มีกำหนดในเดือนมกราคม 2560 แต่จับผลัดจับผลู มีเร็วกว่ากำหนด
เรียกได้ว่าใครมีคดีในพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะอยู่ในกระบวนการยุติธรรมตรงไหน ต่างพร้อมใจกันมีความคืบหน้าแทบทั้งสิ้น แน่นอนมีการมองกันว่า นี่เป็นการสถานการณ์ที่สอดคล้องกับประกาศิตของ“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เคยพูดเอาไว้ว่า คดีต่างๆ ในกระบวนการยุติธรรมกำลังทยอยออกมา ให้ระวังตัวกันไว้ สำหรับพวกที่ชอบก่อกวนปั่นป่วน
แต่ถ้าแหงนหน้าดูไทมิ่งปัจจุบัน มันไม่น่าจะใช่การไล่เที่ยวเช็กบิลฝ่ายตรงข้ามของ คสช. แต่น่าจะเป็นบันไดอีกขั้นที่ คสช.จำเป็นต้องทำเพื่อถางทางให้เตียนก่อนจะมีการเลือกตั้ง เพราะถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่มีใครตะบัดสัตย์เลื่อนโรดแมป การเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นในปลายปี 2560 และจะมีรัฐบาลใหม่ในต้นปี 2561 นับดูก็เหลือแค่ 1 ปีเศษๆ เท่านั้น ถ้าต้องการจัดระเบียบช่วงนี้ ก็ควรต้องเริ่มคิกออฟ เพื่อให้การตัดสินมันยังอยู่ในสมัยของ คสช.
บางคดีที่อยู่ในศาลแล้วไม่มีปัญหา แต่บางคดีที่ยังคั่งค้างอยู่ในกระบวนการยุติธรรมข้างต้น ทั้งตำรวจ ป.ป.ช. ดีเอสไอ เหล่านี้เห็นได้ชัดเจนว่ามีการขยับกันอย่างมีนัยสำคัญ เพราะถ้าไม่เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ ปล่อยให้ถึงเลือกตั้ง มันอาจจะคอนโทรลกันไม่ได้ อย่างน้อยๆ ก็ดันคดีให้ไปอยู่ในชั้นศาลก่อนเพื่อความชัวร์
สังเกตการดำเนินการอะไรต่างๆ ของคสช. ในครั้งนี้ เป็นการถอดบทเรียนมาจากความผิดพลาดของการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทั้งสิ้น ตั้งแต่การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ การกดสถานการณ์ไม่รีบปล่อยอำนาจ การดำเนินคดีกับฝ่ายการเมือง ตึงเป๊ะกว่าสมัย “บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เยอะ หรือจะเรียกว่า อะไรที่รุ่นพี่พลาด ตัวเองจะไม่ทำตาม
เช่นกันกับเรื่องนักการเมือง ยุค “บิ๊กบัง”มีการยุบพรรคไทยรักไทย มีการตั้งพรรคเพื่อแผ่นดินขึ้นมาเพื่อรองรับส.ส.ที่แตกกระจายมาจากระบอบทักษิณ ตอนแรกทำท่าจะดูดี สุดท้ายอยู่ได้แป๊บเดียว แต่ละคนไหลกลับไปรวมกันเป็นพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย เหมือนเดิม
เมื่อรุ่นพี่พัง “บิ๊กตู่”ก็เลือกที่จะไม่เดินตาม ซึ่งดูจากวิธีการในครั้งนี้ เป็นไปอีกแบบหนึ่ง แล้วดูจะอำมหิตแบบเลือดเย็นมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะแทบจะเป็นการร่อนตะแกรงที่มี “ตาถี่”เอามากๆ ใครมีคดีนี่เก็บเอาไว้ในบัญชีหนังหมาหมด ไม่ปล่อยผ่าน ฟันได้ฟันทันที ต่างจากยุคไทยรักไทย ที่กวาดทั้งพรรคเพราะคิดว่าน่าจะจบ แต่ที่ไหนได้ กลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม ยุบพรรคกี่ครั้งก็ยังเหนียวแน่น
การทำให้กระสานซ่านเซ็นจึงไม่เวิร์ก แต่เปลี่ยนมาเล่นงานเฉพาะพวกที่มีคดีแทน อย่างน้อยก็อ้างได้ว่าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ปล่อยให้คนนินทาหมาดูถูก ว่าจงใจล้างบางพรรคเพื่อไทยแบบโต้งๆ ซึ่งจะว่าไป คนที่มีคดีของพรรคเพื่อไทยก็มีจำนวนไม่น้อย ถ้าร่อนตะแกรงตาถี่แบบนี้ ปิดเทอมยาวกันหลายคน กว่าจะถึงวันเลือกตั้งคงหายหน้าหายตาไปหลายคน พรรคเพื่อไทยคงยังอยู่ แต่คงไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนช่วงหลายปีที่ผ่านมา แน่ๆ พวกที่ถูกถอดถอนหมดสิทธิ์ไปแล้ว 5 ปีกว่าจะกลับมาได้ ถึงตอนนั้น คสช.คงดำเนินการตามแผนไปได้มากพอสมควร
ส่วนยิ่งลักษณ์ ที่ความวัวที่ยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก คดีเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ก็ใกล้จะมีคำสั่งออกมาเร็วๆ นี้ คดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ยังต้องเดินทางไปฟังทุกรอบ ล่าสุดโดน ป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการไต่สวนอีก กรณีบริหารจัดการน้ำผิดพลาด เมื่อปี 2554 งานนี้น่าสนใจกับการกลับมาไล่บี้ ยิ่งลักษณ์ ทั้งที่เฉพาะคดีจำนำข้าว ก็ถือว่าเธอสาหัสพอสมควรแล้ว
ดูๆไป ดูๆ มา มักชักจะคล้ายพี่ชายทักษิณ ชินวัตร เข้าไปทุกที เพราะตอนที่โดน ก็โดนหลายคดี หลายกระทง ขึ้นโรงขึ้นศาลกันไม่ไหว บางคดียังอยู่ในชั้นศาลฎีกาฯ อยู่เลย สุดท้ายเผ่นแนบออกไปก่อน เพราะอยู่ทนรับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้ไม่ไหว ยิ่งลักษณ์ก็เฉกเช่นกัน คงไม่หยุดแค่จำนำข้าว แต่มาอีกเรื่อยๆ เฉพาะที่ ป.ป.ช.มีเรื่องอยู่สิบกว่าคดี
**หรือนี่คือการบีบให้ยิ่งลักษณ์เก็บข้าวเก็บของออกนอกประเทศไปโดยเร็ว ไม่ต้องการให้อยู่อีกแล้ว เพื่อเกมของคสช. สามารถคอนโทรลได้ และง่ายกว่าการที่เธอยังอยู่!