xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิลิ้ม” ชีวิตที่ “คุ้มค่ามนุษย์”! (ตอนสอง)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

บทความของ “รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร” พูดถึง “สนธิ ลิ้มทองกุล” ต่อเนื่อง ดังนี้

“เมื่อเกิดการชุมนุมทางการเมืองขับไล่รัฐบาล สนธิ เป็นแกนนำทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรฯ เขายังเคยพูดถึงอดีตของตนเองบนเวทีปราศรัยพันธมิตรฯ ว่า เขาเคยทำความไม่ดีมาก่อนในอดีต ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ไป จะพยายามทำแต่ความดี

ความตั้งใจที่พยายามจะทำแต่ความดีของผู้ชายคนนี้ สังคมได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ทั้งในฐานะแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในการขับไล่รัฐบาลหลายรัฐบาล และในฐานะผู้รอการตัดสินรับโทษจากศาล โดยเอาตัวเองเป็นแบบอย่าง ทำให้กฎหมายเป็นกฎหมาย ยอมรับกติกาของกระบวนการยุติธรรม ด้วยถ้อยคำวรรคทองว่า “ผมไม่เคยมีความคิดที่จะไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา ทั้งๆ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกทั้ง 2 ศาล ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะผมมีศักดิ์ศรี มีครอบครัว มีลูกน้อง และมีพี่น้องพันธมิตรฯ ที่จะได้เชิดหน้าไม่อายใคร สำคัญที่สุดเหนืออื่นใดคือ ผมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม”

ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) เปิดเผยว่า สนธิ เป็นคนแรกกรณีแรกที่รับโทษติดคุกตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แต่กรณีอื่นๆ ก่อนหน้านี้ผู้กระทำผิดหนีไปไม่รับโทษเลย (โพสต์ทูเดย์ 7 ก.ย.59)

การสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้ยอมรับกติกาของกระบวนการยุติธรรมของลูกจีนรักชาติคนนี้ ได้รับการชื่นชม ระลึกรู้กล้าสู้ความจริง ยอมติดคุก ไม่หนี เสียศักดิ์ศรี หากหนีก็ต้องหนีไปเรื่อยๆ สู้ใช้ชีวิตที่เหลือไปทำประโยชน์ให้กับสังคมจะดีกว่า คนทำผิดยอมรับผิด คิดทำแต่สิ่งดีเป็นประโยชน์ต่อสังคม คนแบบนี้ในทางพุทธศาสนายกย่อง สังคมก็ให้อภัย

หลักศาสนธรรมยังให้ค่าการระลึกรู้เสมอดังที่สำนักวาติกัน ท่านโป๊ปจอห์น พอล ที่ 2 กล่าวคำขออภัยกาลิเลโอ นักดาราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงของโลก ถูกคริสตจักรจับขังคุกมืด เพราะกาลิเลโอคือผู้ค้นพบว่า “โลกกลม” ไม่ใช่ “โลกแบน” ตามความเชื่อของคริสตจักรโบราณสมัยนั้น กาลิเลโอจึงถูกจับขังคุกมืดเพราะคิดต่าง จนต่อมาตาบอด แม้เหตุการณ์ผ่านมากว่า 350 ปีแล้ว ก็ยังไม่สาย การระลึกรู้เป็นความงดงาม เป็นคุณค่าที่มนุษย์พึงมีต่อกัน

คนเราเกิดมาเป็นคน จะเป็นมนุษย์ได้ต้องมีคุณสมบัติแรกของความเป็นมนุษย์ ก็คือ มโนธรรมสำนึก คือสำนึกดี/ชั่ว ต้องแยกแยะอะไรถูก อะไรผิดให้ได้

การติดคุก 20 ปี เป็นทางที่ สนธิ ลิ้มทองกุล ได้เลือกแล้ว มิใช่เป็นผลของกรรมเก่าแต่ประการใด

คดีของเขาให้แง่คิดอุทาหรณ์ที่เป็นประโยชน์ เป็นกรณีศึกษาที่น่าเรียนรู้สำหรับนักกฎหมาย นักเศรษฐศาสตร์การเงิน เพื่อไปปรับปรุงกฎเกณฑ์ ระเบียบ กระบวนวิธีการตรวจสอบการบริหารการเงินให้รัดกุม ให้เกิดมาตรฐานการบังคับใช้เท่าเทียมกัน ไม่ปล่อยให้คนไม่ดีทำสิ่งไม่ดีแล้วหนีหายไป ควรให้เครดิตคนดี คนปฏิบัติตามระเบียบยึดมั่นในหลักการด้วย ที่สำคัญอาจนำไปสู่การปฏิรูปภาคการเงินทั้งในตลาดเงินและตลาดทุนไทยครั้งใหญ่

หากความสำเร็จในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง อยู่ที่ “คุณค่า จิตวิญญาณ” มากกว่า “เม็ดเงิน” ก็ถือว่า สนธิ ลิ้มทองกุล ประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลายๆ ด้าน

โดยเฉพาะในอาชีพสื่ออย่างหาตัวจับยาก ในฐานะผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ สื่อสิ่งพิมพ์ในเครือ สื่อวิทยุ โทรทัศน์เอเอสทีวี-นิวส์วัน ล้วนเป็นสื่อที่มีคุณภาพโดดเด่นชั้นแนวหน้าของประเทศ มีอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความเป็นธรรม ตรวจสอบอำนาจรัฐ-อำนาจทุน-อำนาจนักการเมืองอย่างเกาะติด

นิวส์วัน เป็นสถานีโทรทัศน์ที่เป็นที่พึ่งพิงของประชาชนได้มากกว่าทีวีที่ใช้เงินภาษีราษฎรอุดหนุนเต็มๆ เสียอีก แถมมีข้าวน้ำให้ชาวบ้านที่มาประทังชีวิตในยามหิว นิวส์วันเปิดโอกาสให้ชาวบ้านสื่อสารปัญหาความทุกข์ยากที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน ไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรที่ดูแลชีวิตได้ ปัญหาต่างๆ ที่รัฐเผชิญขณะนี้ หากรับฟังกันบ้าง เคารพการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่ปิดกั้นกีดกัน ก็จะมีทางออก

สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-นิวส์วัน เป็นสถานีเดียวในประเทศไทย ที่มีพี่น้องประชาชน ศิลปิน ดารา นักร้อง นักดนตรี

ผู้ศรัทธาในอุดมการณ์สื่อแห่งคุณภาพและคุณธรรมของนิวส์วัน ร่วมบริจาคเงิน บริจาคข้าวของสนับสนุนอย่างเต็มใจและต่อเนื่อง จึงเป็น “สถานีโทรทัศน์ของประชาชนเพื่อประชาชน” แท้จริง คอนเสิร์ต SAVE NEWS 1 ก็เห็นกันอย่างจะจะมาแล้ว เงินบริจาคหลั่งไหลเข้ามาช่วย

เสียงของสื่ออย่างนิวส์วัน ได้พิสูจน์ตนเองเป็นที่ประจักษ์ให้รัฐและสังคมได้คิด ยกตัวอย่างปัญหาการเข้าถึงทรัพยากรกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีเหมืองแร่ทองคำ กรณีพลังงานปิโตรเลียมนั้น นิวส์วันเป็นสื่อกลางให้การเรียนรู้ทางสังคมได้มากมาย ทำให้ผู้คนเห็นแสงสว่างว่านโยบายดังกล่าวไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมอย่างไร

รายการ “มองโลก มองเรา” ทำให้ สนธิ ลิ้มทองกุล กลายเป็น “ครูของแผ่นดิน” เพาะต้นกล้าหน่อใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิวัติสังคมไทยอย่างสันติ แบ่งปันความรู้สร้างปัญญาให้ประชาชนจำนวนมากตื่นคิดตื่นรู้ ลุกขึ้นมาปกป้องชาติบ้านเมือง ปกป้องทรัพยากรแผ่นดิน สร้างสำนึกให้คนไทยหันมาสนใจปัญหาสังคม รักชาติ รักบ้านรักเมือง รักความเป็นธรรม ความรู้ในรายการนี้ที่ “ครูสนธิ” เตรียมสอนจริงจังมาอย่างดี ทั้งๆ ที่มีปัญหาทางสายตา มีการนำเสนอชัดเจนในลักษณะสหวิทยาการเป็นระบบชวนติดตาม อีกทั้งยังมีการรวบรวมเป็นรูปเล่มตีพิมพ์เผยแพร่เป็นหนังสือชื่อ “มองโลก มองเรา” อีกด้วย

“ครูสนธิ” ย้ำเสมอว่า การมองปัญหาสังคมต้องมีวิธีมองให้เป็นอย่างทะลุทะลวงถึงแก่นปัญหา มองเป็นระบบแบบบูรณาการ ไม่ใช่มองแยกส่วน มองเป็นเรื่องๆ มองเป็นคนๆ ต้องมองอย่างเชื่อมโยงให้เห็นตัวกำหนดใหญ่ จึงจะนำสู่ความสามารถเข้าใจตีความอย่างลุ่มลึกได้ ดังคำกล่าวของเขา “เพราะสำหรับผมแล้ว ถ้าเห็นและเข้าใจป่าทั้งป่าแล้ว แทบจะไม่ต้องมองต้นไม้ทีละต้น แม้แต่ต้นเดียว....”

องค์กรที่สนธิเป็นผู้ก่อตั้ง เป็นองค์กรที่น่าศึกษามาก ว่าพนักงานอยู่กันอย่างไร ที่ผู้ปฏิบัติงานรักองค์กร อยู่ด้วยสปิริตจิตสำนึกสาธารณะด้วย ไม่ทิ้งองค์กรไปทำงานที่อื่นที่มั่นคง ปลอดภัย ได้เงินเดือนมากกว่า บางครั้งขาดสภาพคล่อง แบ่งจ่ายเงินเดือนเป็นงวด พนักงานก็ยิ้มสู้ พนักงานมีสปิริตมีพันธะผูกพันในอุดมการณ์ขององค์กรสูง

ความที่เอเอสทีวี-นิวส์วัน เสนอข่าวกับวิเคราะห์สถานการณ์ตรงไปตรงมาอย่างสร้างสรรค์ ก็ถูกผู้มีอำนาจเตือน การพูดความจริงทางเศรษฐกิจการเมือง-สังคมตรงๆ ทำให้บางส่วนไม่กล้ามาใช้บริการโฆษณา ก็กระทบต่อรายได้ของสถานีทีวีนี้บ้าง

สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นแบบอย่างแห่งการเสียสละ ทุ่มเทต่อสู้ให้ชาติบ้านเมือง ทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ของคนทำสื่อคุณภาพสื่อคุณธรรม ไม่ยอมก้มหัวให้อธรรมและอำนาจที่ชั่วร้าย ผู้คน ลูกน้อง จึงรักและศรัทธาในตัวผู้นำ สนธิ ลิ้มทองกุล

“ความเป็นสนธิ” ได้พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า เป็นคนสู้แบบแลกชีวิต เป็นนักสู้ กล้าได้กล้าเสีย ใจป้ำ รักลูกน้อง ในความเป็นผู้บริหารองค์กรที่มีคนลักษณะพิเศษเยี่ยงนี้ ประกาศเป็นสื่อเลือกข้างความถูกต้องเป็นธรรมและประชาชนผู้เสียเปรียบ”

(อ่านบทความต่อในฉบับหน้า)


กำลังโหลดความคิดเห็น