ผู้จัดการรายวัน 360 - “อภินันท์” หาทางออก MV ทศกัณฐ์ ก่อนสรุปพบกันครึ่งทาง ให้ผู้ผลิตแก้ไข “อ๊อด ทองดี” เผยเตรียมหั่นเนื้อออก 40% ยันไม่มียักษ์เล่นเจ็ทสกี-ขี่สามล้อ-แคะขนมครก ลั่นถ้าไม่พอใจก็เชิญแบนตามสบาย
จากกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มิวสิควิดีโอ (MV) เรื่อง “เที่ยวไทยมีเฮ” ซึ่งมีการนำผู้แสดงแต่งกายในชุดโขนเป็นตัวละครจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ทั้ง ทศกัณฑ์ นางสีดา และเหล่ายักษ์ มาแสดงท่าทางที่ไม่เหมาะสม ตามที่ น.ส.ลัดดา ตั้งศุภาชัย อดีตผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ รวมทั้งระบุว่าจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีหากมีการเผยแพร่ มิวสิควิดีโอดังกล่าว ขณะที่อีกกระแสก็สนับสนุนเรื่องความคิดสร้างสรรค์ของคณะผู้จัดทำนั้น
วานนี้ (22 ก.ย.) กระทรวงวัฒนธรรม ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัด ประกอบด้วย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือกรณีดังกล่าว โดยมี นายอภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน
ภายหลังหารือราว 2 ชั่วโมง นายอภินันท์ กล่าวว่า จากการหารือในวันนี้และได้รับทราบจากผู้รู้จากกรมศิลปากร และสบศ.นั้น ยังพบว่า มีบางฉากที่ไม่เหมาะสม เช่น ทศกัณฐ์ไปหยอดขนมครก ขับโกคาร์ท ถ่ายเซลฟี่ ขี่ม้าบนชายหาดหัวหิน เป็นต้น โดยให้เหตุผลว่า ทศกัณฐ์ ถือว่าเป็นราชาแห่งยักษ์ และเป็นตัวละครในวรรณคดีที่สง่างาม น่าเกรงขาม ไม่ควรจับมาทำกิจกรรมลักษณะเช่นนี้ ประกอบกับโขนเป็นศิลปะชั้นสูง มีครูบาอาจารย์ ต้องมีความเคารพ แต่คนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องวรรณกรรมจินตนาการ และคนรุ่นใหม่ก็อาจมองว่าทำไมถึงทำไม่ได้ แม้ว่าจะไม่ได้หลบหลู่ ดูแค่เพลินๆ อมยิ้มไม่ได้ตลกขบขัน แต่เมื่อมีผู้รู้มองว่าการนำทศกันฐ์มาอยู่ในฉากควรจัดให้พอเหมาะพอควร และมีกาละเทศะ ขณะที่ผู้ผลิตอาจมองว่าเป็นเรื่องร่วมสมัยและต่อยอดมรดกวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดความน่าสนใจในเรื่องของโฆษณา
“ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า ให้พบกันครึ่งทาง และเห็นควรให้ปรับปรุงแก้ไขภาพ และเนื้อหาบางส่วนให้เหมาะสมมากขึ้น เพราะเชื่อว่าเมื่อแก้ไขแล้ว มิวสิควิดีโอน่าจะออกมาดียิ่งขึ้น โดยจะเชิญ นายบัณฑิต ทองดี ผู้กำกับมิวสิกวีดิโอ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้เชี่ยวชาญเรื่องโขน มาหารือกันว่ามิวสิกวีดิโอที่ออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ควรปรับปรุงแก้ไขส่วนใดบ้าง” นายอภินันท์ กล่าว
นายอภินันท์ กล่าวต่อว่า เชื่อว่า ททท.ไม่คิดไปทำลายวัฒนธรรม และมีเจตนารมณ์ดีอยากจะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการท่องเที่ยวในเชิงมิติวัฒนธรรม เพียงแต่อาจไม่เข้าใจการนำศิลปวัฒนธรรมมาใช้ทั้งหมด เราต้องให้โอกาส ททท. และคงไม่สามารถห้ามเผยแพร่มิวสิกวีดิโอนี้ได้ เพราะโลกดิจิทัลควบคุมค่อนข้างยาก แต่สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการก็คือปรับปรุงมิวสิกให้เหมาะสมโดยเร็ว ตนเน้นย้ำว่าภาครัฐควรต้องคุยกัน แต่ที่สำคัญภาคเอกชนที่เป็นบริษัทโฆษณาจะได้รับทราบถึงสิ่งที่ทำลงไปว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นบทเรียน และเห็นว่าในอนาคตควรมีการจัดทำคู่มือเกี่ยวกับการนำศิลปวัฒนธรรมไปใช้ในรูปแบบต่างๆ พร้อมโดยเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เพราะบางเรื่องมีผู้ที่ไม่รู้ แต่ไม่รู้จะถามใคร และในอนาคตบริษัทโฆษณาหรือกระทรวงต่างๆที่จะทำมิวสิกวีดิโอลักษณะนี้สามารถที่จะมาขอหารือกับผู้รู้ของกระทรวงได้ เพื่อจะได้ขับเคลื่อนร่วมกัน
นายอภินันท์ เปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ นายสิริชัยชาญ ฟักจำรูญ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ จะเชิญศิลปินแห่งชาติ ด้านโขน และนาฏศิลป์มาให้องค์ความรู้และข้อมูลด้านต่างๆ ก่อนที่ในวันที่ 29 ก.ย. กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจะเปิดเวที แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เน้นสื่อโฆษณาด้านศิลปวัฒนธรรม
** “อ๊อด ทองดี” ยอมหั่น MV
ด้าน นายบัณฑิต ทองดี หรือ“อ๊อด” ผู้กำกับมิวสิควิดีโอ“เที่ยวไทยมีเฮ” เปิดเผยว่า ได้หารือกับศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม และกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว โดยตนจะยอมแก้ไขโดยดำเนินการตัดต่อมิวสิควิดีโอใหม่ โดยตัดเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออกประมาณ 40% จากนั้นจะส่งผลงานให้ศูนย์เฝ้าระวังวัฒนธรรมดูในวันที่ 27 ก.ย.นี้ โดยตนทำมิวสิควิดีโอตัวนี้ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่มาว่าจ้างเพื่อต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย โดยใช้ยักษ์รามเกียรติ์ คือทศกัณฐ์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ส่วนเนื้อหาในมิวสิควิดีโอที่ไม่เหมาะสมและจะมีการตัดออกหลายจุดอย่างเช่น ภาพยักษ์เล่นเจ็ทสกี ยักษ์ขี่สามล้อ และอื่นๆอีก
“เราตัดต่อแก้ไขคือขั้นต้น ถ้าตัดต่อเสร็จแล้วท่านบอกว่าไม่แฮปปี้ เพราะเรามีฟุตเทจอยู่นี้ แล้วเราแก้ไขไม่ได้แล้ว ถ้าท่านบอกว่าแบนเราก็คงต้องยอมให้แบนในข้อตกลง เราจะส่งผลงานไปตรวจวันที่ 27 ก.ย.นี้ จะส่งให้ท่านดูก่อนว่าแฮปปี้มั้ย วันที่ 27 ก.ย.คงได้ดูกันใหม่ ส่วนผลกระทบเยอะหรือไม่ กระทบเยอะ เพราะภาพการท่องเที่ยวหายไปเยอะเราถ่ายไปเยอะ ถ้าภาพการท่องเที่ยวมันน้อยลง 30-40 เปอร์เซ็นต์ มันก็มีผลกระทบอยู่แล้ว ภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็จะหายไปเยอะ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาทำลายวัฒนธรรมแน่นอน เพราะได้จ้างเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านนาฏศิลป์ที่เคยทำงานอยู่ที่กรมศิลปากรมาเป็นที่ปรึกษา มากองทุกครั้ง เพราะจะถามตลอดว่าอันนี้เหมาะสมหรือไม่ ตรงนี้ได้หรือเปล่า เราถามตลอดว่าอันนี้ทำได้หรือไม่ ท่านจะบอกว่าอันนี้ได้ อันนี้ไม่ควร อย่างเราถามว่าทศกัณฐ์ใส่รองเท้าได้มั้ย ท่านก็บอกว่าห้ามใส่ ถามท่านว่าทศกัณฐ์ใส่แว่นได้มั้ย ท่านบอกไม่ได้” นายบัณฑิต กล่าว
นายบัณฑิต กล่าวต่อว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตัดต่อแก้ไขใหม่ การตัดต่อแก้ไขย่อมมีผลกระทบแน่นอน เพราะในเรื่องมีข้อมูลที่ต้องการสื่อสารแหล่งท่องเที่ยวก็จะหายไปบางส่วน การทำนายบัณฑิต นี้ ไม่มีเจตนาทำลายวัฒนธรรมแน่นอน เพราะได้จ้างเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถด้านนาฏศิลป์ ที่เคยทำงานอยู่กรมศิลปากรมาเป็นที่ปรึกษา แต่เรื่องวัฒนธรรมเป็นองค์กร เมื่อมีองค์กร คนอยู่ในองค์กรก็ต้องปกป้ององค์กรตัวเอง เข้าใจได้.
จากกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มิวสิควิดีโอ (MV) เรื่อง “เที่ยวไทยมีเฮ” ซึ่งมีการนำผู้แสดงแต่งกายในชุดโขนเป็นตัวละครจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ทั้ง ทศกัณฑ์ นางสีดา และเหล่ายักษ์ มาแสดงท่าทางที่ไม่เหมาะสม ตามที่ น.ส.ลัดดา ตั้งศุภาชัย อดีตผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ รวมทั้งระบุว่าจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีหากมีการเผยแพร่ มิวสิควิดีโอดังกล่าว ขณะที่อีกกระแสก็สนับสนุนเรื่องความคิดสร้างสรรค์ของคณะผู้จัดทำนั้น
วานนี้ (22 ก.ย.) กระทรวงวัฒนธรรม ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัด ประกอบด้วย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือกรณีดังกล่าว โดยมี นายอภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน
ภายหลังหารือราว 2 ชั่วโมง นายอภินันท์ กล่าวว่า จากการหารือในวันนี้และได้รับทราบจากผู้รู้จากกรมศิลปากร และสบศ.นั้น ยังพบว่า มีบางฉากที่ไม่เหมาะสม เช่น ทศกัณฐ์ไปหยอดขนมครก ขับโกคาร์ท ถ่ายเซลฟี่ ขี่ม้าบนชายหาดหัวหิน เป็นต้น โดยให้เหตุผลว่า ทศกัณฐ์ ถือว่าเป็นราชาแห่งยักษ์ และเป็นตัวละครในวรรณคดีที่สง่างาม น่าเกรงขาม ไม่ควรจับมาทำกิจกรรมลักษณะเช่นนี้ ประกอบกับโขนเป็นศิลปะชั้นสูง มีครูบาอาจารย์ ต้องมีความเคารพ แต่คนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องวรรณกรรมจินตนาการ และคนรุ่นใหม่ก็อาจมองว่าทำไมถึงทำไม่ได้ แม้ว่าจะไม่ได้หลบหลู่ ดูแค่เพลินๆ อมยิ้มไม่ได้ตลกขบขัน แต่เมื่อมีผู้รู้มองว่าการนำทศกันฐ์มาอยู่ในฉากควรจัดให้พอเหมาะพอควร และมีกาละเทศะ ขณะที่ผู้ผลิตอาจมองว่าเป็นเรื่องร่วมสมัยและต่อยอดมรดกวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดความน่าสนใจในเรื่องของโฆษณา
“ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า ให้พบกันครึ่งทาง และเห็นควรให้ปรับปรุงแก้ไขภาพ และเนื้อหาบางส่วนให้เหมาะสมมากขึ้น เพราะเชื่อว่าเมื่อแก้ไขแล้ว มิวสิควิดีโอน่าจะออกมาดียิ่งขึ้น โดยจะเชิญ นายบัณฑิต ทองดี ผู้กำกับมิวสิกวีดิโอ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้เชี่ยวชาญเรื่องโขน มาหารือกันว่ามิวสิกวีดิโอที่ออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ควรปรับปรุงแก้ไขส่วนใดบ้าง” นายอภินันท์ กล่าว
นายอภินันท์ กล่าวต่อว่า เชื่อว่า ททท.ไม่คิดไปทำลายวัฒนธรรม และมีเจตนารมณ์ดีอยากจะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการท่องเที่ยวในเชิงมิติวัฒนธรรม เพียงแต่อาจไม่เข้าใจการนำศิลปวัฒนธรรมมาใช้ทั้งหมด เราต้องให้โอกาส ททท. และคงไม่สามารถห้ามเผยแพร่มิวสิกวีดิโอนี้ได้ เพราะโลกดิจิทัลควบคุมค่อนข้างยาก แต่สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการก็คือปรับปรุงมิวสิกให้เหมาะสมโดยเร็ว ตนเน้นย้ำว่าภาครัฐควรต้องคุยกัน แต่ที่สำคัญภาคเอกชนที่เป็นบริษัทโฆษณาจะได้รับทราบถึงสิ่งที่ทำลงไปว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นบทเรียน และเห็นว่าในอนาคตควรมีการจัดทำคู่มือเกี่ยวกับการนำศิลปวัฒนธรรมไปใช้ในรูปแบบต่างๆ พร้อมโดยเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เพราะบางเรื่องมีผู้ที่ไม่รู้ แต่ไม่รู้จะถามใคร และในอนาคตบริษัทโฆษณาหรือกระทรวงต่างๆที่จะทำมิวสิกวีดิโอลักษณะนี้สามารถที่จะมาขอหารือกับผู้รู้ของกระทรวงได้ เพื่อจะได้ขับเคลื่อนร่วมกัน
นายอภินันท์ เปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ นายสิริชัยชาญ ฟักจำรูญ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ จะเชิญศิลปินแห่งชาติ ด้านโขน และนาฏศิลป์มาให้องค์ความรู้และข้อมูลด้านต่างๆ ก่อนที่ในวันที่ 29 ก.ย. กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจะเปิดเวที แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เน้นสื่อโฆษณาด้านศิลปวัฒนธรรม
** “อ๊อด ทองดี” ยอมหั่น MV
ด้าน นายบัณฑิต ทองดี หรือ“อ๊อด” ผู้กำกับมิวสิควิดีโอ“เที่ยวไทยมีเฮ” เปิดเผยว่า ได้หารือกับศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม และกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว โดยตนจะยอมแก้ไขโดยดำเนินการตัดต่อมิวสิควิดีโอใหม่ โดยตัดเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออกประมาณ 40% จากนั้นจะส่งผลงานให้ศูนย์เฝ้าระวังวัฒนธรรมดูในวันที่ 27 ก.ย.นี้ โดยตนทำมิวสิควิดีโอตัวนี้ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่มาว่าจ้างเพื่อต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย โดยใช้ยักษ์รามเกียรติ์ คือทศกัณฐ์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ส่วนเนื้อหาในมิวสิควิดีโอที่ไม่เหมาะสมและจะมีการตัดออกหลายจุดอย่างเช่น ภาพยักษ์เล่นเจ็ทสกี ยักษ์ขี่สามล้อ และอื่นๆอีก
“เราตัดต่อแก้ไขคือขั้นต้น ถ้าตัดต่อเสร็จแล้วท่านบอกว่าไม่แฮปปี้ เพราะเรามีฟุตเทจอยู่นี้ แล้วเราแก้ไขไม่ได้แล้ว ถ้าท่านบอกว่าแบนเราก็คงต้องยอมให้แบนในข้อตกลง เราจะส่งผลงานไปตรวจวันที่ 27 ก.ย.นี้ จะส่งให้ท่านดูก่อนว่าแฮปปี้มั้ย วันที่ 27 ก.ย.คงได้ดูกันใหม่ ส่วนผลกระทบเยอะหรือไม่ กระทบเยอะ เพราะภาพการท่องเที่ยวหายไปเยอะเราถ่ายไปเยอะ ถ้าภาพการท่องเที่ยวมันน้อยลง 30-40 เปอร์เซ็นต์ มันก็มีผลกระทบอยู่แล้ว ภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็จะหายไปเยอะ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาทำลายวัฒนธรรมแน่นอน เพราะได้จ้างเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านนาฏศิลป์ที่เคยทำงานอยู่ที่กรมศิลปากรมาเป็นที่ปรึกษา มากองทุกครั้ง เพราะจะถามตลอดว่าอันนี้เหมาะสมหรือไม่ ตรงนี้ได้หรือเปล่า เราถามตลอดว่าอันนี้ทำได้หรือไม่ ท่านจะบอกว่าอันนี้ได้ อันนี้ไม่ควร อย่างเราถามว่าทศกัณฐ์ใส่รองเท้าได้มั้ย ท่านก็บอกว่าห้ามใส่ ถามท่านว่าทศกัณฐ์ใส่แว่นได้มั้ย ท่านบอกไม่ได้” นายบัณฑิต กล่าว
นายบัณฑิต กล่าวต่อว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตัดต่อแก้ไขใหม่ การตัดต่อแก้ไขย่อมมีผลกระทบแน่นอน เพราะในเรื่องมีข้อมูลที่ต้องการสื่อสารแหล่งท่องเที่ยวก็จะหายไปบางส่วน การทำนายบัณฑิต นี้ ไม่มีเจตนาทำลายวัฒนธรรมแน่นอน เพราะได้จ้างเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถด้านนาฏศิลป์ ที่เคยทำงานอยู่กรมศิลปากรมาเป็นที่ปรึกษา แต่เรื่องวัฒนธรรมเป็นองค์กร เมื่อมีองค์กร คนอยู่ในองค์กรก็ต้องปกป้ององค์กรตัวเอง เข้าใจได้.