xs
xsm
sm
md
lg

แจ้งข้อหาหนักคนขับ-เจ้าของ เหยื่อเรือล่มซวยประกันหมดอายุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360-พบเหยื่อเรือล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยาที่กรุงเก่าเพิ่มอีก 3 ราย รวมเป็น 18 ราย เจ้าหน้าที่ยังระดมกำลังค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ตำรวจควบคุมตัวคนขับและเจ้าของเรือเข้าห้องสอบสวน พร้อมแจ้ง 2 ข้อหาหนัก พร้อมคุมตัวฝากขังวันนี้ กรมเจ้าหน้ายันผิดชัดเจน ทั้งใบประกาศนียบัตรผู้ทำการในเรือหมดอายุ และบรรทุกเกิน คปภ.เผยประกันหมดอายุตั้งแต่ 10 มี.ค.59 "ประวิตร"มอบ "ปนัดดา-พม" เยียวยา

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุเรือโดยสารล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บริเวณหน้าวัดสนามไชย ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ล่าสุดวานนี้ (19 ก.ย.) มียอดผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นจำนวน 18 ราย จากเมื่อวันที่ 18 ก.ย.มีจำนวน 14 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 รายขณะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา คือ นางสุวิมล บุญรักษ์ อายุ 52 ปี และพบผู้สูญหายเพิ่มอีก 3 ราย คือ 1.ด.ช.นวพรรษ กระจ่างแสง อายุ 8 ขวบ , 2.ด.ญ.นัสริน บุญรัก อายุ 13 ขวบ และ 3.นางมัชรีณ์ รักพงษ์ อายุ 48 ปี อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้สูญหายอีก 11 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงระดมกำลังค้นหาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนบรรยากาศการค้นหาผู้สูญหายที่บริเวณหน้าวัดสนามไชย เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำจำนวนหลายชุดได้ลงค้นหาผู้สูญหายตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น.เป็นต้นมา หลังจากได้ยุติการค้นหาชั่วคราวเมื่อเวลา 24.00 น.คืนวันที่ 18 ก.ย. โดยได้ลงเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ตระเวนหาตามจุดต่างๆ ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300-500 เมตร จากนั้นได้ดำน้ำลงค้นหา แต่ก็ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม ท่ามกลางบรรดาญาติของผู้สูญหาย และชาวบ้านที่มาเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งระหว่างทำการค้นหาในแม่น้ำเจ้าพระยามีกระแสน้ำเชี่ยว น้ำมีสีขุ่นเข้ม และเย็นจัด ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการค้นหาเป็นอย่างมากจนต้องยกเลิกภารกิจในเวลาต่อมา

นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางมาร่วมสังเกตุการณ์พร้อมเปิดเผยถึงแผนการค้นหาผู้สูญหายว่า ได้แบ่งการปฏิบัติงานออกเป็นสองส่วน คือ ชุดแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำโดยชุดนักประดาน้ำจะลงไปตรวจสอบหัวเรือซึ่งเป็นห้องเครื่องและเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณชั้นสองสามารถเคลียร์ได้เรียบร้อยแล้วไม่พบเจออะไร และอีกชุดมีเจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ และกู้ภัย ตรวจสอบตามลำน้ำทั้งสองฝั่งในรัศมี 5 กิโลเมตร และยังได้มอบหมายให้ฝ่ายปกครอง ผู้ใหญ่บ้านช่วยกันกระจายข่าวให้ชาวบ้านตามริมน้ำช่วยกันสังเกต ส่วนการกู้เรือยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากไม่ได้กีดขวางการจราจรทางน้ำ และเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

สำหรับความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.สุรพงค์ ธรรมพิทักษ์ ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายวิรัตน์ ชัยศิริกุล อายุ 66 ปี คนขับเรือและเจ้าของเรือไว้แล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา "ขับเรือประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ" และยังได้เตรียมพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การเดินเรือ และ พ.ร.บ.เจ้าท่าอีกหนึ่งข้อหา และในวันนี้ (20 ก.ย.) จะควบคุมตัวทั้งผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมคัดค้านการประกันตัว

รายงานข่าวแจ้งว่าจากการสอบสวนนายวิรัตน์ ชัยศิริกุล คนขับเรือที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา อ้างว่า ได้พยายามขับเรือเพื่อแซง เรือบรรทุกทรายที่มีพ่วงทรายสี่พ่วง อีกทั้งบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้ง ทำให้แซงไม่ทันแล้วเจอคลื่นน้ำจากเรือบรรทุกทรายทำให้บังคับเรือไม่อยู่ทำให้เรือชนตอม่อ

วันเดียวกัน พล.ต.ต.ทรงพล วัฒนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีเรือโดยสารล่มว่า การดำเนินคดีต่อคนขับเรือนั้น พนักงานสอบสวนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องการบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งใบอนุญาตที่ขอบรรทุกผู้โดยสารมีแค่จำนวน 50 คน แต่มีการบรรทุกเกินกว่า 100 คน ถือเป็นความผิดชัดเจน

พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกนาย กล่าวเสริมว่า นอกจากจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2556 แล้ว ยังต้องมีการดำเนินคดีอาญาข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย รวมทั้งประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นอันตรายสาหัส เป็นกรรมเดียว แต่ความผิดกฎหมายหลายบท ซึ่งตำรวจต้องแจ้งทุกข้อกล่าวหา

นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) กล่าวว่า คนขับเรือ ใบประกาศนียบัตรผู้ทำการในเรือ หมดอายุตั้งแต่?ปี 2558 ซึ่งมีความผิดกรณีไม่มีใบอนุญาต ปรับ2,000 บาท ส่วนกรณีที่คนขับเรือ ปล่อยให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกิน โทษปรับ10,000 บาท จำคุก 6เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งขณะนี้ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดแล้ว พบว่ามีความผิดชัดเจน ส่วนเจ้าของเรือ ผู้เสียหายสามารถเรียกค่าเสียหายได้

ทั้งนี้ กรมฯ ได้เตรียมออกข้อบังคับในการเดินเรือเพิ่มเติม ซึ่งได้เสนอไปที่กระทรวงคมนาคมแล้ว โดยจะออกประกาศบังคับให้เรือโดยสารแบบประจำทางและไม่ประจำทางขนาด 25 คนขึ้นไป ในแม่น้ำเจ้าพระยาและอ่าวไทย ต้องติดตั้งอุปกรณ์ติดตามเรือ หรืออุปกรณ์แสดงตัวอัตโนมัติ AIS - Automatic Identification System ซึ่งจะสามารถติดตามเฝ้าระวังเรือ และดูพฤติกรรมการขับเรือได้ตลอดเวลา โดยคาดว่าจะประกาศและมีผลบังคับใช้ในปี 2560 โดยก่อนหน้านี้ได้บังคับใช้ที่เรือโดยสารและท่องเที่ยวฝั่งอันดามันไปแล้ว

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า สำนักงาน คปภ.ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้น พบเรือลำดังกล่าวได้ทำประกันภัยภาคบังคับไว้กับ บริษัท ไทยพัฒนาประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมีระยะเวลาประกันภัยระหว่างวันที่ 10 มี.ค.2558 ถึง10 มี.ค.2559 ซึ่งหมดอายุการคุ้มครองแล้ว

ทางด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ในนามรัฐบาลขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิต ดังนั้น ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภท ต้องอยู่ในความไม่ประมาท ส่วนในการสอบสวนในเหตุการณ์ดังกล่าว กรมเจ้าท่าจะต้องสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป เบื้องต้นได้มอบหมายให้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ ดำเนินการเยียวยาแล้ว

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาให้การดูแลการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ และในการดูแลจิตใจ ได้มอบหมายให้กรมสุขภาพจิต ส่งทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) จากกรมสุขภาพจิต และโรงพยาบาลศรีธัญญา ร่วมกับทีมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ลงพื้นที่ดูแลเยียวยา ฟื้นฟูจิตใจผู้บาดเจ็บ ญาติผู้เสียชีวิต ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อให้สามารถปรับตัวและกลับมาดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
กำลังโหลดความคิดเห็น